รีวิว 2024 Kawasaki Ninja ZX-6R ขี่ตัวใหม่ แกะกล่อง ทดสอบกันก่อนใครครั้งแรกในไทยกับทาง MotoRival

หลังจากที่ 2024 Ninja ZX-6R ได้มีการเปิดตัวเคาะราคาในไทย ก่อนเข้างาน Motor Expo 2023 ไม่นาน ทาง Kawasaki Motors Enterprise ประเทศไทย ได้นำมันมาโชว์ฺตัวต่อสาธารณชนไทย อย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2023 [TIME2023] และ MotoRival ก็ได้มีโอกาสมาสัมผัสมันกันไม่นานหลังจากเปิดตัวในงาน Bridgestone Battlax Trackday ณ สนามช้างฯ เซอร์กิต

โดยก่อนอื่น เราจะขอพูดสรุปดีเทลรถคร่าวๆ กันอีกสักครั้ง

ภายนอกด้านท้ายแทบจะยกจากของเดิมมา ทั้งชุดไฟท้าย แฟริ่ง แต่ปรับไฟเลี้ยวหลอดไส้มาเป็น LED

ท่อไอเสียเปลี่ยนรูปทรงนิดหน่อย และปลายเป็นรมดำ จากสีเงินสแตนเลส

2024-Kawasaki-ZX-6R-TIME2023
นอกนั้นคือการปรับใบหน้าใหม่ ที่ดูทิศทางจะออกไปคล้ายๆ กับ 7 HEV ที่ปากแหลมคม ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็น Winglet ในตัว

ส่วนมาตรวัดปรับจาก อนาล็อก + Digital มาเป็น Full Digital TFT ซึ่งต้องบอกเลยครับว่า ดูดีสวยขึ้นกว่าเดิมเยอะ และสามารถเชื่อมต่อ App Rideology ได้ ส่วนโหมดขับขี่ ปรับได้ 4 รูปแบบ Rain, Road, Sport และ Rider ที่จะปรับเซ็ท F/L และ TC ได้ 3 ระดับ + Off

นอกนั้น ต้องบอกว่าเหมือนเดิมแทบจะทั้งคัน
ทั้งตัวก้านคลัทช์ ปรับได้ 5 ระดับ ก้านเบรกปรับได้ 6 ระดับ ชุดสวิทช์เหมือนเดิม ทั้ง 2 ฝั่ง ทรงถังน้ำมัน

สำหรับตัวเลขมิติ 2024 ZX-6R คร่าวๆ
เบาะนั่งสูง 830 มม.
นน. ตัว 197 กก.
ถังน้ำมันมีโหนก 17 ลิตร

ท่านั่ง
เริ่มที่เบาะสูง 830 มม. ก็ถือว่าสูงพอๆ กับ Supersport และ Superbike ทั่วไป แต่เบาะมันค่อนข้างแคบผมสูง 175 ซม. สวมเรซบูท เหยียมลงเต็มเท้าและหย่อนเข่าได้อีกนิดหน่อย แต่ถ้าใครสูงต่ำกว่า 170 ซม.ลงมา ก็อาจจะส้นเท้าลอย

ตำแหน่งแฮนด์ก็ต้องถือว่าไม่เตี้ยมากจนเกินไปนัก ซึ่งถ้าขี่เดินทางไกลก็น่าจะพอเดินทางออกทริปได้แบบไม่เมื่อยปวดหลังมากนัก ขณะที่องศาแฮนด์ผมว่าไม่แคบไม่กว้างไป คือ โดยรวมยังสามารถหักเลี้ยวลัดเลาะวงแคบได้พอประมาณแบบแขนไม่ติดถัง แม้ถังจะมีโหนกถัง (ถังทรงเดิม) ซึ่งต้องบอกว่าเจ้าโหนกนี้ ผมแอบรู้สึกเกะกะหน่อยเวลาหมอบขี่เหน็บศอก มันติดๆไปนิด และช่วงลำตัวผมเข่ากับศอกดูจะติดกันไปหน่อย แต่ทว่ามันก็มีข้อดี คือสามารถเอาท่อนแขนพาดทาบมาได้

จากการขี่เรื่องท่านั่ง สำหรับผมมีอีกจุดที่ยังแอบรู้สึกไม่ชอบนักคือ ชิลด์หน้าเดิมมันต่ำไปหน่อย เวลาขี่เร็วๆ รู้สึกลมดันศรีษะอยู่พอควร แต่จุดนี้ยังแก้ปัญหาไม่ยาก ด้วยการเปลี่ยนเป็นของแต่ง

ขุมพลัง แม้เครื่องจะบล็อกเดิม หลักๆ คือ ปรับปรุงเรื่องมาตรฐานไอเสียให้มันเข้มขึ้น แม้ถ้าเราอิงตัวเลขสเป็กที่เปิดตัวแรงม้า Drop ประมาณ 6 ตัว แรงบิดตกไป 1.8 Nm แต่จากที่เราขี่ในแทร็ก
พบว่ามันก็ยังมีพละกำลังที่ดี โดยเฉพาะแรงบิดที่รู้สึกว่าขี่ในรอบต่ำแล้วไม่เนือยเกินไป หากเทียบกับคู่แข่ง แต่ก็ต้องเข้าใจได้ว่า ZX-6R เค้าโกง cc จาก ที่ปกติค่ายอื่นจะประมาณ 599cc แต่นี่เป็น 636cc
ก็ทำให้มีแรงบิดให้เรียกใช้มากกว่า ในรอบต่ำ ขณะที่รอบสูงก็ยังไล่ความเร็วขึ้นได้เรื่อยๆ ผม Shift Up เกียร์ช่วง 14,000rpm เพราะถ้าลากเกินไปจากนี้รู้สึกแล้วว่า กำลัง Drop ตื้อๆ ไม่จำเป็นต้องลากต่อ
จังหวะ Shift Up ถือว่ายังทำได้ดีประมาณนึง เกียร์ขึ้นได้เนียนๆ ใกล้เคียงกับ ZX-25R, ZX-4R แต่ผมรู้สึกยังมีเจออาการขึ้นเกียร์ว่าวบ้างช่วง 4-5

แต่จุดที่ผมไม่ชอบในรถคันนี้คือ การที่ให้คันเร่งสายมา ทำให้รู้สึกมันควบคุมคันเร่งได้ไม่ค่อยสมูทเมื่อเทียบกับตัวคันเร่งไฟฟ้า
และ ไม่มี QS Shift Down มาให้ ทำให้ต้องกำคลัทช์และค่อยกดลง ซึ่งสำหรับผมขี่ในสนามเช่นนี้ค่อนข้างเสียจังหวะเหมือนกัน แม้คลัทช์ จะถือว่าเบาไม่หนักเลย จากการที่มี Slip Assist Clutch มาช่วยก็ตาม

สำหรับ TopSpeed ต้องบอกว่าไม่เยอะ เพราะมากกว่า ZX-4R ไม่มากนัก แต่สำหรับผม มันเซ็ทอัตราทดมาชิดมากๆ และค่อนข้างจะพอดีกับแทร็กช้างฯ แห่งนี้ คือ ใช้ได้ครบทุกช่วงเกียร์
เพราะ มีประมาณ 3 Laps ที่ผมลากจนไปถึงงรอบตัด 15,000rpm ได้ พอดี ได้ค่าเท่าไร รับชมได้เลยในคลิป TopSpeed 2024 ZX-6R

ส่วนประเด็นความร้อน บอกเลยว่า ถ้าใส่เรซซิ่งบูทขี่ในแทร็ก ผมไม่เจอปัญหา แต่ตอนเอารถไปเติมน้ำมัน ใส่ Crocs ออกไป ร้อนข้อเท้าเอาเรื่องเหมือนกัน ทั้งที่ จอดรถพักมาประมาณหนึ่งแล้ว

ด้านอัตราสิ้นเปลืองแน่นอนผมขี่ในแทร็ก ผมใช้วิธีกดเต็มถังเลย ก็ถือว่าอยู่ได้ครบวัน 4 Session อยู่ (เกือบๆ 20นาที) และ น้ำมันกระพริบพอดี

ระบบกันสะเทือน
ช่วงล่างด้านหน้า USD ขนาดแกน 41 มม. ปรับได้ครบ ฝั่งซ้ายควบคุมระยะยุบของสปริง (Preload)
ขณะที่ข้างขวาควบคุมความหนืดในการยุบตัว Damping (ทั้งช่วงคืนตัว Rebound และยุบตัว Compression)

โช้กหลัง Monoshock มาพร้อม Piggyback ปรับ พรีโหลด และรีบาวน์

ผมพบว่า การใช้งานจากการเซ็ทเดิมๆ ดูจะเน้นมาทางสายถนนไปนิด คือ ช่วงขี่เข้าโค้ง Hi Speed เร็ว ยังแอบมีอาการทางออกมาให้เห็นอยู่ ซึ่งถ้าเป็นโค้งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Hi Speed สำหรับผม ถือว่า ok เลย เอาเป็นว่าโดยรวมแล้ว ช่วงล่างเดิมๆยังสามารถไปรับเซ็ทติ้งให้เหมาะกับสไตล์การขี่แต่ละคน และ นน.ตัวแต่คนเองได้อย่างเหมาะสม

ระบบเบรก เปลี่ยนรูปทรงใบจานจากหยักมาเป็นกลม ขนาดเดิม

ในส่วนของระบบเบรกเบรกหน้าปั๊ม Radial Mount จาก Nissin 4 ลูกสูบ ทำงานพร้อมระบบ KIBS (Kawasaki Intelligent anti-lock Brake System หรือ ABS) โดยรวมผมว่า ก็ยังทำงานได้ดีปั๊มเบรก ทั้งปั๊มบนแบบลอย ก้านเหรียญปรับได้ 6 ระดับ และด้านล่ามันดูสัมพันธ์กัน สามารถบีบไล่น้ำหนักได้เหมาะสม สำหรับผมเองที่ไม่ใช่สาย Hardcore เบรกหนัก ลึกมากนัก ก็ยังรู้สึกว่ามันเพียงพอ แต่มันยังไม่ใช่สไตล์เบรกจิก บบจับปักเดียวอยู่

และปิดท้ายกับอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ เลยคือเรื่องของยาง เนื่องจากเรามา Bridgestone Battlax Trackday จึงจับใส่ยาง Bridgestone Battlax Racing V02 หน้า Medium หลัง Soft
แต่เนื่องจากผมไม่มีผ้าวอร์มยาง เราจึงต้องใช้เวลาในการ Warm ยางด้วยการขี่ให้ยางร้อนก่อนประมาณ 2-3 Laps ขึ้นกับสภาพอากาศ ซึ่งหลังจากที่ยางได้อุณหภูมิที่เหมาะแล้ว ก็พบว่ายางทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี รถสามารถเลี้ยวได้คม พลิกได้เร็วดูดติดโค้ง เทได้อย่างมั่นใจ เอียงรถได้มากขึ้น และสามารถเดินคันเร่งออกโค้งได้อย่างเต็มที่

สรุป รีวิว 2024 Ninja ZX-6R แม้ค่าตัวแพงขึ้น สเป็กทางความแรงอาจลดลงหน่อย แต่โดยรวมผมยังว่ามันขี่ดีขี่สนุกในคลาส SS600 4สูบ ที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ ตามที่บอก ผมมีข้อติอยู่ 2 อย่าง คือ คันเร่งสายที่ยังไม่สมูท นัก และ ทำให้มันมี QS แค่ Up ทางเดียว ก็เอาเป็นว่าใครที่สนใจ ก็ลองไปรับชมตัวจริงกันดูได้ครับ