รีวิว Aprilia SR GT200 บิดเต็มทริป สปอร์ตแอดเวนเจอร์สกู๊ตเตอร์

หลังจากที่ ทีมงาน MotoRival เราได้มีโอกาส ไปร่วมงานเปิดตัวพร้อมทดสอบ SR GT200 ไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ณ สนามImpact Speed Park พร้อม พรีวิว และ รีวิว 1st impression กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในวันนี้ กับโอกาสดีที่จะได้ขี่ออกทริปเต็มๆ วิ่งสระบุรี-เขาใหญ่-สระบุรี ระยะทางร่วมๆ 400 กม. ซึ่งได้สัมผัสกันทั้ง On Road แบบ Touring เดินทาง มีไปลุยทาง Off-Road และไปเล่นโค้ง ในเขาใหญ่ เหมือนขี่ในสนาม เจ้า SR GT200 คันนี้ จะมีดีแค่ไหน มารับชมกันครับ

เริ่มกันที่ดีไซน์ภายนอก

SR GT200 แม้จะเป็น Scooter แต่ยังคง DNA Be A Racer แฟริ่ง 2 ชั้น ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Winglet MotoGP ซึ่งก็ถอดแบบออกมาจากรุ่นพี่อย่าง RSV4 และ RS660

รวมถึงชิ้นงานพลาสติก ที่ทำลวดลายแบบเคฟลาร์ ที่บริเวณ บังโคลนล้อหน้า, แฟริ่งกลางบอดี้, พลาสติกบริเวณด้านใต้วินชิลด์หน้า

นอกจากนั้น ด้วยดีไซน์อันโดดเด่น มากับไฟหน้า 3 ตา โดยเป็นไฟ LED รอบคัน

วินชิลด์หน้าสี Smoke เป็นรูปทรงสปอร์ต ที่ดูคล้ายทรงชิลด์แต่ง ปรับระดับไม่ได้ แต่ ความสูงโดยรวมผมว่ากำลังดี

ไฟท้าย LED โดยมีไฟเลี้ยว built in อยู่ภายใน

ชุดมาตรวัดแบบ Full Digital LCD backlight สีดำ
บอกความเร็วเป็นตัวเลข สเกลรอบเครื่องแบบครึ่งวงกลม, เกจ์น้ำมัน, นาฬิกา, Odo Trip A/B, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย/Realtime, บอกความเร็วเฉลี่ย และ Max Speed

ชุดสวิทช์แฮนด์ ด้านซ้ายมีปุ่ม Start & Stop และ Mode ซึ่งจะเป็นปุ่มเดียวกับ Mode บนมาตรวัด สามารถกดตรงสวิทช์แฮนด์ได้เลย

สวิทช์ขวา มีปุ่มที่เอาไว้เชื่อมต่อ Smartphone ซึ่งจะต้องซื้อเป็นออปชั่นเสริม

ลิ้นชักซ้าย มาพร้อม Port USB ซึ่งจะมีช่องเล็กๆ แต่ลึกพอ ทางด้านบนไว้วาง Smartphone ได้ แต่ ต้องระวังเนื่องจากช่องล็อกมันหลุดง่าย หากเราขี่เร็วๆ หรือ ตกหลุมแรงๆ ลิ้นชักหลุดออกมา และอาจทำให้ Smartphone กระเด็นหลุดออกมาได้

กุญแจเป็นดอกไข รูปทรงเดียวกับ Vespa โดยตัวสีน้ำตาล จะมาพร้อม Immobilizer

เปิดเบาะด้วยระบบไฟฟ้า จะพบ Ubox ความจุ 25 ลิตร วางหมวกเต็มใบได้ 1 ใบ

ชุดล้ออัลลอย สวมยาง All Terrain ด้านหน้า 14″ สวมยาง 110/80-14 ด้านหลัง 13″ สวมยาง 130/70-13

สำหรับรุ่น Sport จะโดดเด่นด้วย การติดสติกเกอร์ A ตรงบริเวณปีกข้าง สติกเกอร์ Aprilia ใต้ Floorboard
เบาะนั่ง สีทูโทน, มือจับ และสติกเกอร์ชื่อรุ่น จะเป็นสีเดียวกับตัวรถ, ล้ออัลลอย เป็นสีแดง

มิติตัวรถ
น้ำหนัก 148 กก.
ความสูงเบาะ 799 มม.
ความจุถังน้ำมัน 9 ลิตร

ท่านั่ง
เริ่มที่ตัวความสูงเบาะ SR GT200 ถือเป็น Scooter ฝั่งยุโรป ดังนั้น ความสูงเบาะ สูงกว่ารถฝั่งญี่ปุ่น พอสมควร ผมสูง 175 ซม. สวมรองเท้าบู๊ท ยังพอลงได้เต็มเท้า แต่ระยะหย่อนขา จะเหลือน้อยมากแล้ว

แต่พอขี่ออกตัวไป รู้สึกว่า ท่านั่งกำลังพอดีเลย Floorboard กว้างสามารถวางเท้าได้โดยที่รองเท้าไม่เกยออกมา ขณะที่ Floorboard แนวตั้งก็ยังวางยันเท้าได้กำลังดี

แต่ถ้าใครตัวสูงๆ และนั่งหมอบ แบบซิ่งดูดลม อาจจะต้องยกก้นไปอยู่ที่สเต็ปผู้ซ้อน

ส่วนตำแหน่งแฮนด์บาร์ องศางุ้มเข้าหาลำตัวหน่อย และไม่กว้างมาก ขี่ลัดเลาะในเมืองกำลังคอนโทรลดีเลย แต่พอได้ลองขี่ Enduro แบบยืน รู้สึกอยากได้ Fatbar ที่กว้าง และองศากางออกมากกว่า เพราะพอยืนแล้ว ช่วงศอกจะติดไปนิด ถ้าจะขี่ยืน ผมแนะนำ ให้มายืนบนพักเท้าคนซ้อน ก็จะช่วยให้บาลานซ์ ได้ตรงกลางลำตัว ไม่ติดโน้มไปด้านหน้าจนเกินไป

ตำแหน่งผู้ซ้อน พักเท้าคนซ้อน อันนี้ดีงาม ออกแบบมาให้กางออกได้ง่ายโดยจะมีขอบยางให้เราเอาส้นเท้าเกี่ยวออกได้สะดวก

เบาะนั่งตำแหน่งผู้ซ้อนเหมือนจะเล็ก แต่ผมนั่งซ้อนแล้ว ยังเต็มก้น ระนาบก็พอดี

มือจับกันตก ออกแบบมาดีจับกระชับใช้ได้ ด้านใต้เรียบทำให้เราจับได้เต็มกริ๊ป ไม่เมื่อย ไม่รู้สึกบาดมือ

เครื่องยนต์ i-GET200 1 สูบ SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ พิกัดจริง 174cc ที่มีกำลัง 17.6 PS@8500rpm และแรงบิด 16.5 นิวตันเมตร@7000rpm ส่งกำลังด้วยสายพาน CVT มาพร้อมระบบ Start&Stop System

จากการขี่ใช้งาน ต้องบอกว่า สไตล์ของเครื่องตัวนี้ อาจจะไม่ได้เน้นต้นกระชาก บิดหวือหวา เหมือนอย่าง i-GET 150 แต่กำลังนั้น ไหลมาแบบเรื่อยๆ ในช่วงกลาง – ปลาย โดยภาพรวม คือ บิดสมูทขึ้นลื่นๆ ในสไตล์ i-GET125 แต่กำลังก็มีให้เพียงพอกับการใช้งาน บิดขึ้นเขาใหญ่ ได้สบายๆ

จากการทดสอบ TopSpeed ที่ผมได้เคยลองบนถนนคนเดียว (รับชมได้ที่นี่) ได้ตามมาตรวัด 127 kmph แต่ ครั้งนี้ ไปออกทริป และได้ลมดูดจากคันหน้าที่ออกทริปไปด้วยกัน Max Speed ผมไหลไปได้ถึง 132 kmph ตามมาตรวัดเลย

ด้านอัตราสิ้นเปลือง เนื่องจาก ทริปเรา บิดกันหนักมือตลอด บิดแช่ หมดปลอกบ่อย แถมได้ไล่ TopSpeed อยู่หลายครั้ง ร่วมกับเป็นทางขึ้นเขา-ลงเขา ได้ 25.7 kml สำหรับผม ก็ถือว่า ok แล้ว เพราะบอกเลยถ้าขี่แบบคนปกติทั่วไป 30 ต้นๆ – 30 กลางๆ มีให้เห็นแน่ๆ

ด้านระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้กอัพหัวตั้ง SHOWA ขนาดแกน 33 มม. มีระยะยุบตัวสูงถึง 122 มม. (รองรับการเดินทางลุย)

Preview-Aprilia-SR-GT200 (8)
ด้านหลังเป็นโช้คคู่ SHOWA ปรับได้ 5 ระดับ มีระยะยุบ 102 มม.

ภาพรวมการใช้งาน ด้านหน้าถือว่า เยี่ยมมากๆ เซ็ทติ้งผมว่าลงตัวแล้วไม่ต้องไปปรับ หรือ ทำอะไรเพิ่ม ขี่เร็วๆ โยกเปลี่ยนเลน หน้าไม่มีโบก ไม่รู้สึกว่าหน้ารถเบาหวิว เวลาขี่ลุยทาง Off Road ก็หนึบแน่น ไม่ดีดสะท้านมือ ให้ปวดข้อมือ ขี่พลิกรถเร็วๆ หรือ เข้าโค้งไม่มีแกว่ง

ส่วนด้านหลังนั้น ผมว่าโช้กจะติด Set มาแข็ง ฟีลแน่นๆ ซึ่งก็ถือว่าเหมาะกับ สโลแกน Be A Racer แต่พอเจอ พวกทาง Off-Road อาจมีรู้สึกช่วงล่างหลังดีดๆ อยู่บ้าง เนื่องจากไม่ค่อยมี Rebound เท่าไร ซึ่งจุดนี้ เชื่อว่าสายแต่งคงอยากไปเปลี่ยนโช้กหลังที่มีกระปุกซับแทงค์กันอยู่แล้ว

นอกจากนั้น เรื่องการควบคุมตัวรถ ผมว่ามันทำได้ดีที่สุดในคลาสเลย แม้ นน.ตัว จะไม่ได้เบาเท่าไร แต่การขี่พลิกรถ ยังควบคุมได้เฉียบคม ไม่ถึงกับไวจนโบก แต่ยังให้ความรู้สึกที่มั่นคง คือ ขี่แล้ว ไม่ได้รู้สึกว่ารถหนักแต่อย่างใด นอกจากนี้ซีรีย์ยาง เองก็ให้มาเหมาะมากๆ ขี่ On Road เข้าโค้งกริ๊ปดีใช้ได้ ลุยทางวิบาก แบบตกร่องหิน ก็ไม่ต้องเกรงกลัว

ระบบเบรก ด้านหน้าเป็นจานดิสก์เดี่ยวแบบ Wavy Disc ขนาด 260 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊ม Nissin 2 pot
และด้านหลังจานขนาด 220 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊ม 2 pots
สำหรับ ABS มีเฉพาะด้านหน้า

ภาพรวมการทำงาน ดีงามเช่นเคย แม้ฟีลลิ่งปั๊มบนอาจดูแข็งๆไปบ้าง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ เขาให้สายเบรกถักมาเลยจบครบในตัว และการทำงาน ถือว่าเพียงพอ ต่อสมรรถนะรถ จุดที่ประทับใจคือ ABS หน้า ทำงานละเอียด เนียนมากๆ ไม่มีอาการดีดสะท้านนิ้วมือเลย

ส่วนเบรกหลังก็มีน้ำหนักในการควบคุมที่พอดี กดให้ล้อล็อกได้ไม่ยาก เอาไว้ เล่นปัดฝุ่นทาง Off-Road ก็สนุกได้เช่นกัน

สรุป รีวิว Aprilia SR GT200 แบบ บิดเต็มทริป ในครั้งนี้ ทำให้ รู้สึกเลยว่า มันไม่ใช่แค่รถที่เอาไว้ขี่หล่อๆ แบบดูดีมีระดับ
แม้รถอาจจะไม่ได้แรงอะไรมากมาย แต่ มันก็ มีความอเนกประสงค์ ไปได้ทุกทาง
ด้วย Setting ของช่วงล่าง และการบาลานซ์ของตัวรถ ที่ทำได้ดีมาก On Road ขี่แบบทัวริ่ง ไปได้สบายๆ เรื่อยๆ จะเจอถนนแบบไหน หรือ จะขี่เร็วก็ยังมั่นใจ
ขี่เล่นโค้งในเขาใหญ่ เข้าโค้งแบบอารมณ์ขี่ในสนามก็สนุก ช่วงล่างแน่น
และ Off Road ที่บอกเลยว่าลุยได้จริง!

ซื้อรถคันเดียว ไปได้ทุกทาง ถ้าเอาไปแต่งอีกนิด ผมขอเปลี่ยนโช้กหลังแต่ง ทำชามขออัตราเร่งอีกหน่อย เปลี่ยนแฮนด์แบบ Fatbar ทรงรถหล่อขึ้น จับคอนโทรลเวลาขี่ลุยได้ดีขึ้น จะลงตัวมากๆ

Aprilia SR GT200 ราคา 143,900 บาท มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี ได้แก่สี ดำ, เทาเข้ม
Aprilia SR GT200 Sport ราคา 148,900 บาท มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ แดง, เหลือง, เทาอ่อน
ผู้ที่สนใจสามารถไปรับชมตัวจริง ได้เลยที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ นอกจากนี้ผู้ออกรถ 500 ท่านแรก รับไปเลย Premium Kit