รีวิว CBR500R 2022 เก็บตกฟีลลิ่งในสนามระดับโลก แทร็กช้างฯ บิดสนุกเข้าใกล้ Sport Replica ไปอีกขั้น

รีวิว CBR500R 2022 กันอีกครั้ง หลังจากที่ทำฟูลรีวิวกันไปแล้ว แต่วันนี้ได้มีโอกาสมาทดสอบในแทร็กระดับโลก เก็บตกฟีลลิ่งในสนามระดับโลก แทร็กช้างฯ

เมื่อกลางเดือนนี้ ทีม MotoRival เราได้นำเสนอฟูลรีวิว 2022 CBR500R & CB500F เจน4 กันไปแล้ว
ซึ่งเพื่อนๆ สามารถกดลิงค์ดูรายละเอียดเนื้อหาฟูลรีวิว ทั้งหมดก่อนได้ครับ เพราะในคอนเท้นต์ นี้ เราจะไม่ขอกล่าวถึงดีเทลซ้ำ
เพราะ จะเข้ามาเก็บตกที่รายละเอียดฟีลลิ่งการขี่ในแทร็ก แบบหวดจัดเต็มกันในแทร็กช้างฯ นี้

ในวันนี้ได้มีโอกาสมาเก็บตกกับโฉมสปอร์ตไลท์เวท กันอีกครั้ง ในแทร็กช้างฯ เพื่อเก็บตกฟีลลิ่งเพิ่มเติมครับ

เริ่มกันที่ท่านั่งแบบหมอบขี่สไตล์เรซซิ่ง
ตามที่ได้บอกไปในฟูลรีวิว แล้วครับว่า แฮนด์คลิปออน ของเค้าจับใต้แผงคอ แต่ยังนั่งได้สบายไม่คร่อมหลังเยอะ จึงทำให้การขี่ในเมือง
สบายมาก และคอนโทรลได้ง่าย

แต่พอมาลองขี่ในแทร็กใหญ่ ที่ต้องหมอบกันยาวๆ ในช่วงทางตรง
ผมพบว่า สรีระผม 175 ซม. พบว่าศอกกับเข่าติดกันไปหน่อย
ซึ่งทางนักแข่ง อย่างน้องดรีม ก็ได้แนะนำว่า ถ้าจะให้ดีได้ Aerodynamics จะต้องยกก้นขึ้นไปวางบนเบาะซ้อนท้ายเลย ให้ลักษณะของศอกกับเข่าชนต่อเนื่องเป็นเส้นเดียวกัน และทำให้เรา หนีบ Tank ได้กระชับ ซึ่งตัวผมเองก็ขอเรียนตรงๆ ว่า ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไร
เพราะปกติเวลาทดสอบอัตราเร่ง-TopSpeed ผมก็ จะนั่งร่นก้นไปหลังให้ได้มากที่สุด ดังนั้นผมยังรู้สึกว่า ถ้าจะเอาฟีลเรซซิ่งจ๋า เลย
CBR500R อาจจะไม่ได้ออกแบบมา ขนาดนั้น เพราะโจทย์ของ Honda เพื่อให้ขี่ Easy To Ride แบบ Everyday bike ได้ และ Track Day ก็ได้แบบสนุกๆ

นอกจากนี้ พักเท้าที่ปรับรูปแบบใหม่ มาเป็นเนื้อโลหะ จากเดิมที่เป็นยาง ทำให้เวลาเราวางเท้าแล้ว มันจิกเกาะกับพื้นรองเท้า Racing Boot ได้ดีขึ้นอีกด้วย

เครื่องยนต์ 2 สูบ พิกัด 471cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งใช้พื้นฐานเดิม
ต้องเรียนเช่นนี้ว่า ผมชอบเครื่องลูกนี้อยู่แล้ว เพราะให้แรงบิดดี Power อาจไม่ได้แรงมาก ไม่ได้เค้นรอบสูงมาก ซึ่งผมชอบเพราะมันได้อัตราเร่งดี ขี่สนุก และประหยัดน้ำมัน

พอมาขี่ในสนาม ก็ยังสนุก แต่ยังพบอากาารมาไว หมดไว จังหวะ Shift Gear ถ้าเผลอเพลินไป ก็เข้า Redline รอบตัดได้
ดังนั้น เห็น Shiftlight ก็เตรียมเริ่มเตะเกียร์ได้เลย เพราะรอบตัดแถวๆ 9,000rpm ดังนั้น 8พันนิดๆ เตรียมเตะได้ เพราะช่วงนี้รอบใช้งานอาจเริ่มตื้อๆ แล้ว

ในวันนี้ที่เทสนี้ลมแรงมากๆ ผมทำ TopSpeed ได้แถวๆ 173 กม./ชม.

สำหรับระบบ Assist & Slipper Clutch ต้องบอกว่ายังดีงาม
เพราะ นอกจากคลัทช์เบาแล้ว Engine Brake ก็กำลังดี คือไม่หนักไป ล้อไม่ล็อก แต่ จังหวะที่ Shift Down ลงจาก 6->3 ก่อนเข้าโค้ง T3 ผมรู้สึกว่า Engine เบรก กำลังดีเลย ชะลอความเร็วลงได้ดีเหมาะสมเลย

ระบบกันสะเทือน
ด้วยการปรับเป็นโช้ก USD แล้ว ฟังก์ชั่น SFF BP แบบตัว 650R และ 600R คือ ดีเยี่ยม อาการ Bump ออกมา แบบในตัวเจน3 ไม่มีให้เห็นแล้ว คือ เฟิร์มขึ้น ช่วงล่างด้านหน้าดูกระชับดียิ่งขึ้น

แต่มีจุดสังเกตุหนึ่ง คือ วันนี้ลมแรงมาก
ในช่วงจังหวะที่ผมตัดโค้ง T2 หักเข้าซ้ายเพื่อเบียด Apex มีช่วงลมแรงพัดวูบนึงมา ผมรู้สึกมีอาการ หน้าเบาๆ หวิว เหมือนมันส่ายนิดๆ
เนื่องจาก ตามที่ผมได้พูดไปในฟูลรีวิว ว่า CBR500R & CB500F ถือได้ว่าเป็นรถที่ให้การคอนโทรลดีเยี่ยม พลิกง่าย รถดูเบา หน้าเบา สลาลอม พวกนี้เข้าง่ายสะดวก แต่ การที่หน้าเบา ผมรู้สึกพอบิดความเร็วสูง และเจอลมแรงๆ เข้าไปแอบเสียวนิดๆ

ด้านหลังโช้ก Monoshock พร้อมกระเดื่อง Pro-Link ปรับเซ็ทใหม่ รวมถึงการปรับเปลี่ยนสวิงอาร์มใหม่
ล้อเองก็รีดน้ำหนักใหม่

มีการกระจายเวท สัดส่วนไปด้านหน้ามากขึ้น ผมรู้สึกว่า โช้กหลัง อันนี้ดีงาม เพราะตัวเก่าผมจำได้ว่ามันนิ่มเกินไป ขี่ในแทร็กยังมีจังหวะย้วย
แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกว่า กระชับขึ้น ไม่ถึงกับแน่นตึ๊บ แต่รู้สึกเลยว่า ขี่ตามหลังรถคันหน้า เวลาเจอพื้นแทร็กที่มี Bump ไม่พบอาการคลอนตัวเหมือนเก่าแล้ว

และอีกจุดดีงามมมากๆ ก็คือ ในเจน 4 ทั้งตัว CBR500R & CB500F จะใส่ยาง Road5 มาเลย
ในขณะที่เจน3 จะให้ Road5 มาแค่ตัว F
อันนี้ทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่าเข้าโค้งได้มั่นใจขึ้น เนื้อยางเค้าดีดูดโค้งอยู่แล้ว ผมสามารถเอียงรถลงได้เยอะกว่าตัวเก่า เจน3

ระบบเบรก
การที่อัพเกรดเบรกหน้ามาเป็น Radial 4 Pot แถมเป็น Twin Disc ซึ่งจุดนี้ก็ต้องเปลี่ยนตัวปั๊มเบรกบนให้ใหญ่ขึ้นด้วย
ขี่ในแทร็กแบบนี้ เยี่ยมเลยครับเบรกได้ลึกขึ้นกว่าโฉมเดิมมาก
น้ำหนักเบรก ไล่ลงได้ดี คือ จังหวะค่อยๆ ลงตอนแรกเหมือนรถจะไม่ค่อยชะลอความเร็วลงนัก เพราะสไตล์ปั๊ม Nissin เค้าจะมาแบบนิ่มนวลให้ไล่ นน. ได้สบายๆ เหมาะกับขี่ On Road และเมื่อมาลง On Track เช่นนี้พอกดลงหนักๆ บอกเลยว่า เอาอยู่ แต่การที่ลงน้ำหนักเยอะ ก็อาจทำให้โช้กหน้ายุบตัวมากหน่อย ดังนั้น ผมว่า Shift Down เกียร์ช่วยตามที่บอกไป จะให้การคอนโทรลรถโดยรวมดีกว่าครับ

สรุป รีวิว CBR500R 2022 เก็บตกฟีลลิ่งแบบหวดคันเร่งเต็มในสนามช้างฯ
ทำให้ได้เก็บส่วนที่ขาดหายไป
คือ อาจจะไม่ได้มาแนว Racing จ๋านัก เพราะโจทย์เค้า ดูจะไปทางขี่ง่าย Easy to Ride/Easy Control
คือ On Road ผมบอกเลยว่า รักมากๆ เป็นรถที่ขี่ดีสุดๆ คล่องตัว ควบคุมง่าย พลิกรถง่าย และว่องไว แม้ นน. ตัวจะดูเยอะ เกือบเท่า Superbike ก็ตาม
พอมาขี่สนาม ยังคงความดีงาม ที่การพลิกรถได้ไว แต่จะเอาคมเท่าพวก SS600 ที่เป็น Replica แท้อาจจะยังเทียบไม่ได้
แต่สำหรับผมก็ถือว่าใกล้เคียงล่ะ ส่วนตัวบอกเลย ผมขี่ CBR500R คันนี้เข้ามือกว่า CBR650R อีก
เอาเป็นว่าขี่ On Road เยี่ยม ขี่ Track Day ก็ดี

ราคา 2022 CBR500R ยืนเท่าเดิมกับ MY2021 ที่ 2.198 แสนบาท กับออปชั่นที่เพิ่มมา ทั้งโช้กหน้า เบรกหน้า
ล้อไล่เบาใหม่ สวิงอาร์มเปลี่ยนใหม่ บอกเลยโคตรคุ้ม! ถ้าจะมองหา BigBike คันแรก ไว้ใช้งาน หรือ ใช้สอบใบขับขี่ BigBike ในอนาคต ซื้อเถอะครับ และมีโอกาสขี่ Track Day คุณจะรู้ว่า CBR500R 2022 มันขี่สนุกใกล้ Sport Replica เข้าไปอีกขั้น