Tips Trick : รถ “ทัวริ่ง” มีกี่แบบ? อาจมีเยอะกว่าที่เราคิด

0

รถมอเตอร์ไซค์มีกี่ประเภทกันแน่? แล้วรถแบบนี้อยู่ประเภทไหน? หลายคนคงจะเคยมีคำถามแนวนี้เมื่อเริ่มศึกษาเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ ๆ และหลายคนก็อาจจะยังถามแบบเดิมอยู่ Tips Trick ในวันนี้เราจะขอมาอธิบายและจำแนกชนิดพันธุ์เหล่ารถมอเตอร์ไซค์สไตล์ “ทัวริง(Touring)” ที่มีอยู่ในท้องตลาด พร้อมชี้ความแตกต่างของรถแต่ละประเภทในแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกซื้อรถที่ตรงกับความต้องการของตัวเองได้มากที่สุด

คำจำกัดความสไตล์ MotoRival : รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ “ทัวริ่ง” หรือ “Touring” คือรถมอเตอร์ไซค์ประเภทหนึ่งที่มีจุดเด่นด้านความสามารถในการเดินทางไกลเป็นระยะเวลานาน แต่ยังคงรักษาความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ ซึ่งการเดินทางไกลในที่นี้ คือการเดินทางบนถนนทางเรียบเป็นหลัก โดยรถกลุ่มนี้อาจจะมีน้ำหนักที่มาก ขนาดตัวที่ใหญ่ เนื่องจากมีการใส่อุปกรณ์ช่วยเหลือด้านการขับขี่ และสิ่งอำนวจความสะดวกเข้ามาหลายอย่าง จึงอาจต้องและมาด้วยความคล่องตัวที่ลดลงหากเทียบกับรถประเภทอื่น

คำเตือน : ชื่อเรียกของรถแต่ละกลุ่มที่เรานำมาใช้เรียก เป็นเพียงแค่ชื่อที่เราเลือกขึ้นมาเพื่อใช้จำกัดความ และจับกลุ่มรถที่คล้ายกันในบทความนี้เท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับคำเรียกของผู้อื่นบางกลุ่ม เนื่องจากไม่มีค่ายรถหรือหน่วยงานใด ทำการจำกัดความรถที่มีขายในตลาดแบบเฉพาะเจาะจง แถมรถแนวใหม่ยังโผล่ขึ้นมาตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาดตลอดเวลา

2022 BMW K1600GT

Touring

รถทั่วริ่งเลือดบริสุทธิ์ นี่คงจะเป็นรถกลุ่มที่เราสามารถใช้เป็นเกณฑ์ และนิยามที่ดีที่สุดของคำว่ารถสำหรับรถการท่องเที่ยว มีจุดเด่นด้านความใหญ่ยาว มีแฟริงบังลมใหญ่โตอลังการ ถังน้ำมันขนาดใหญ่สำหรับเดินทางไกล หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่มองเห็นง่าย หรือก็คือทุกอย่างใหญ่หมด เฟรมที่แข็งแรงสามารถรับน้ำหนักคนและสำภาระได้เป็นจำนวนมาก ติดกระเป๋าเพพิ่มได้หลายใบ มักจะมาพร้อมชุดเครื่องเสียง ตัวรถระยะห่างจากพื้นไม่ต่างกับรถถนนทั่วไป เพื่อให้สามารถเอียงรถเทโค้งที่ความเร็วสูง แต่ก็แลกมากับน้ำหนักตัว และความสูงของเบาะที่มากกว่ารถกลุ่มอื่น โดยรถกลุ่มนี้เป็นรถที่แทบจะหายไปจากตลาดโลกอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากราคาที่สูง และความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป

ตัวอย่าง : BMW K1600GT, BMW R1250RT, Kawasaki 1400GTR, Yamaha FJR1300

2022 BMW K1600B

Bagger

นี่ก็คงเป็นรถอีกประเภทที่สามารถใช้นิยามความเป็นรถท่องเที่ยวได้ไม่ต่างจากรถกลุ่มแรก ซึ่งโดยหลักการแล้วมันก็คือการนำเอารถ Touring ปกติมาลดความสูงเฟรมท้ายให้ต่ำลงมา เพื่อให้ผู้ขี่สามารถเอาเท้าเหยียบพื้นได้ง่ายขึ้น โดยยอมแลกกับระยะยุบของระบบกันสะเทือน และความสูงจากพื้นรถที่ลดลง ทำให้ลดความคล่องตัวในทางโค้งไปบ้าง ซึ่งรถแนวนี้ก็จะให้ความรู้สึกคล้ายกับรถครุยเซอร์สไตล์อเมริกันที่ถูกนำมาทำให้ทันสมัยมากกว่าเดิม

ตัวอย่าง : BMW K1600B, Honda GL1800 Goldwing

2023 Suzuki Hayabusa

Sport Touring

ในเมื่อรถ Touring มันให้เทอะทะเกินไปจนขี่ไม่สนุก แต่ยังมีจุดเด่นที่เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ค่ายรถบางเจ้าจึงนำพื้นฐานรถที่มีอยู่แล้ว มาถอดชิ้นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงทิ้ง แต่ยังเก็บเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูงไว้เหมือนเดิม ผมที่ได้คือรถคันใหญ่ที่เหมาะกับการขับขี่ทางตรงด้วยความเร็วสูงและยังคงนิ่งสู้ลม แต่ความนิยมของรถกลุ่มนี้ก็หายไป เมื่อรถสปอร์ตสายสนามยุคใหม่สามารถสร้างพละกำลัง และทำความเร็วได้ในระดับเดียวกัน แต่ด้วยเครื่องยนต์ที่เล็กกว่า และน้ำหนักที่เบากว่าก็ทำให้คล่องตัวมากกว่าในทางโค้ง

ตัวอย่าง : Suzuki Hayabusa, Kawasaki ZX-14R

Honda VFR800F

Sport Touring (อีกแบบนึงที่ “ไม่ทั่วริ่ง” และ “ไม่สปอร์ต” เท่าไร)

รถประเภทนี้คงเป็นรถที่ดูจืดจากที่สุดในลิสต์ เนื่องจากมันเป็นรถที่อยู่ตรงกลางของทุกอย่างและไม่ได้มีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษ มันเหมือนเป็นการนำรถสปอร์ตมาทำให้อ้วนขึ้นในหลายมิติ หรือจะมองว่าเป็นการนำรถในกลุ่มก่อนหน้านี้มาลดความสปอร์ตก็ได้ โดยยกแฮนด์ขึ้นมาจากตำแหน่งของรถสปอร์ตปกติเล็กน้อย ให้ปวดหลังน้อยลงขณะขับขี่ในเมือง แต่ก็ไม่ได้ทำให้การขับขี่ทางไกลสบายมากนัก ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถยกแฮนด์ให้สูงขึ้นกว่านี้ได้ เพราะมันจะดูไม่สปอร์ต เรียกได้ว่าเป็นรถที่อยู่ตรงกลาง สามารถขี่ได้ทุกคน แต่ก็ไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานใดเป็นพิเศษ ซึ่งปัจจุบันก็ไม่มีรถกลุ่มนี้เหลืออยู่ในตลาดแล้ว

ตัวอย่าง : Honda VFR800F, Honda VFR1200F

Kawasaki Ninja 1000SX

Sport Touring (ที่เป็น “สปอร์ต” สไตล์ “ทัวริ่ง” ของจริง)

คือรถประเภทที่ใช้พื้นฐานแบบอเนกประสงค์ แบบเดียวกับที่ใช้ในรถถนนหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นรถ Adventure หรือ Naked ถ้ารถกลุ่มก่อนหน้านี้คือการนำรถ Touring มาทำให้ Sport ที่สุด เราจะมองว่ารถกลุ่มนี้คือการนำรถ Sport มาทำให้ Touring ที่สุดก็คงไม่ผิดนัก เพราะท่านั่งในภาพรวมแทบไม่ได้มีความแตกต่างจากรถแนวสปอร์ตเปลือยเลย แต่มีการเพิ่มแฟริ่งสำหรับเดินทางไกลเข้าไป แฮนด์ของรถก็มีความสูงที่มากไม่ต่างจากรถ Touring เต็มตัว แต่ยังคงสไตล์การขับขี่ที่คล่องตัวจัดเต็มอยู่

ตัวอย่าง : Kawasaki Ninja 1000SX, Suzuki GSX-S1000GT, BMW R1250RS, KTM 1290 Super Duke GT

Harley-Davidson Heritage Classic

Touring Cruiser

มันคือการนำรถแนว Cruiser เบาะเตี้ย ท้องรถติดพื้น ท่านั่งเหยียดแขนขา สไตล์อเมริกันพันธุ์มาใส่ชิลด์บังลมขนาดใหญ่ที่ด้านหน้า เพื่อให้สามารถเดินทางไกลได้โดยที่ผู้ขี่ไม่ต้องเหนื่อยกับการสู้ลมโต้มากเกินไป อาจมีการติดกระเป๋าเดินทางเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย แต่ก็แค่นั้นไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนกว่านี้ รถครุยเซอร์ปกติใช้งานยังไง คันนี้ก็ทำได้เหมือนกันหมด ใส่ของให้เทอะทะขึ้นอีกนิดเพื่อแลกกับความสามารถในการเดินทางไกล

ตัวอย่าง : Harley-Davidson Heritage Classic, Harley-Davidson Road King, Indian Chief Vintage

Harley-Davidson Street Glide

Classic Bagger

ต้นแบบของรถสไตล์ Bagger ที่เราเขียนถึงตอนต้นบนความ แต่รถกลุ่มนี้ไม่ใช่การนำรถ Touring มาทำให้มีความเป็น Cruiser แต่คือการนำรถ Cruiser มาทำให้สามารถ Touring ได้เต็มตัว โดยการเพิ่มแฟริ่งหน้าหนาดใหญ่ที่มีการออกแบบมาโดยเฉพาะ แบบเดียวแฟริ่งของรถประเภทในกลุ่มรถสำหรับการท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่การนำแผ่นพลาสติกใสมาเสียบเข้าไปโดยตรง รถบางรุ่นก็จะมีการเพิ่มแฟริงด้านล่างเข้าไปด้วย นั่นจึงทำให้ Classic Bagger มีพื้นที่สำหรับการติดตั้งหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่อ่านง่าย และระบบเครื่องเสียง ซึ่งในบางครั้งเครื่องเสียงดังกล่าวก็อาจจะมีติดอยู่ที่กระเป๋าเดินทางด้วย

ตัวอย่าง : Harley-Davidson Street Glide, Harley-Davidson Road Glide, Indian Challenger

อ่าน Tips Trick เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!