“เอ.พี.ฮอนด้า” เดินหน้าเต็มสูบตามโร้ดแม็ปผลักดันนักบิดสายเลือดไทยไปสู่ โมโตจีพี ส่ง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ดาวรุ่งไทยวัย 20 ปี ลุยศึกโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เต็มฤดูกาลกับสังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” พร้อมชวนคนไทย เชียร์นักแข่งหนึ่งเดียวของไทยในเวิลด์กรังด์ปรีซ์
เมื่อวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด แถลงข่าวนโยบายด้านมอเตอร์สปอร์ตประจำฤดูกาล โดยนับเป็นการขยับตัวครั้งใหญ่เพื่อก้าวตามโร้ดแม็ป สร้างนักบิดสายเลือดไทย เข้าสู่การแข่งขัน “โมโตจีพี” ภายในปี 2025 ในโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม”
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้า พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นทีมระดับแนวหน้าของโลก จากการคว้าแชมป์โลกในศึก โมโตจีพี ในปีที่ผ่านมาทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทนักบิดจากผลงานของ มาร์ค มาร์เกซ ขณะเดียวกันรถแข่ง Honda RC213V ยังทำให้ ฮอนด้า คว้าแชมป์โลกประเภทผู้ผลิตมาครองด้วย อันเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงวิศวกรชั้นยอดของ ฮอนด้า เรซซิ่ง คอร์เปอเรชั่น (HRC : Honda Racing Corporation) องค์กรเฉพาะกิจด้านมอเตอร์สปอร์ตของ ฮอนด้า ซึ่งอีกรางวัลที่ได้มาอย่างยิ่งใหญ่คือแชมป์โลกประเภททีม
นายสุชาติ กล่าวถึงแนวทางด้านมอเตอร์สปอร์ตของ ฮอนด้า ในปี 2019 ว่า ในปีนี้ เอ.พี.ฮอนด้า พร้อมเดินหน้าแบบเต็มกำลังเพื่อเป้าหมายสูงสุดคือ ส่งนักแข่งไทยไปลุยศึก โมโตจีพี ภายในปี 2025 ภายใต้แนวคิด “เรซ ทู เดอะ ดรีม”-สปิริตไทย ท้าทายสู่ฝัน” หละงบุกเบิกส่งนักแข่งสัญชาติไทยไปลุยสังเวียนระดับเอเชียและระดับโลกมาอย่างยาวนาน
“นโยบายหลักของเราในปีนี้คือการยกระดับโครงการ เรซ ทู เดอะ ดรีม ให้มีความเข้มข้นขึ้น โดยมีมาตรฐานของ HRC เป็นที่ตั้ง เพราะการที่จะพานักบิดไทยไปสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ได้นั้น ต้องมีแนวทางการพัฒนานักบิดที่ชัดเจน และมีมาตรฐานสูงเช่นเดียวกับทีมระดับโลกที่ใช้ในการผลักดันนักบิดขึ้นไปสู้จุดสูงสุดของอาชีพในโมโตจีพี” นายสุชาติ เผย
ทั้งนี้ เอ.พี. ฮอนด้า ได้ปรับโครงสร้างการพัฒนานักบิดในปี 2019 ให้มีมาตรฐานสูงขึ้นโดยยึดตามแนวทาง ฮอนด้า เรซซิ่ง คอร์เปอเรชั่น (HRC) ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดคือผลักดันนักบิดในสังกัดเข้าสู่การแข่งขันชิงแชมป์โลกอย่างเป็นระบบที่ยั่งยืน โดยกำหนดให้ใช้รถแข่งระดับโลกที่ใช้ในการฝึกซ้อมอย่าง ฮอนด้า NSF100 สำหรับโครงการ เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี เช่นเดียวกับโรงเรียนเรซซิ่งระดับชั้นนำอื่นๆ ของโลก รวมถึงรถแข่งฮอนด้า NSF250 มาตรฐานเดียวกับ โมโตทรี มาใช้แข่งขันในรายการ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ เพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนขยับขึ้นสู่การแข่งขัน เอเชีย ทาเลนต์ คัพ และ โมโตทรี ต่อไป
ขณะเดียวกันยังมีแนวทางพัฒนาทักษะการขับขี่ให้แก่นักแข่งแบบก้าวกระโดด ด้วยโครงการแลกเปลี่ยนนักแข่ง (Rider Exchange Project) ซึ่งเป็นการร่วมมือกับ โมบิลิตี้ แลนด์ (Mobility Land) ทีมบริหารสนาม ซูซูกะ เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังออกแบบโปรแกรมพัฒนาศักยภาพความฟิตร่างกายของนักแข่ง ด้วยการให้คำแนะนำแบบตัวต่อตัว จาก HRC Support Trainer ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพร่างกายจาก HRC รวมไปถึงด้านทักษะของช่างประจำทีมที่ HRC Technical Master ก้าวเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มระบบ
นายสุชาติ เผยถึงโครงการดังกล่าวว่า “นอกจากจะดูแลนักบิดจากเอเชียในระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์แล้ว HRC ยังให้ความร่วมมือกับเราถึง 2 โครงการ คือ การส่งทีมงาน HRC และหัวหน้าช่างประสบการณ์สูงจาก โมโตจีพี มาเป็นผู้ชี้แนะด้านการบริหาร และด้านการเซอร์วิสรถแข่ง (Mechanic) ให้กับทีมงานเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ เพื่อยกระดับการทำทีมให้สูงขึ้นสู่ระดับสากล อีกโครงการคือการส่ง อิโต้ ชินอิจิ อดีตนักบิดเวิลด์จีพีของ ฮอนด้า มาเป็นผู้ฝึกสอนในโครงการ เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี เพื่อฝึกสอนเด็กๆ อย่างเป็นระบบและค่อยชี้แนะผู้ฝึกสอนชาวไทยไปในตัว”
โครงการพัฒนาเฟ้นหัวนักบิดรุ่นเยาว์อย่าง เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ จะสานต่อปีที่ 2 ด้วยความเข้มข้นมากกว่าเดิม มีนักบิดเยาวชนจำนวนทั้งสิ้น 15 คน โดยมอบหมายให้ “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดโมโตทูคนแรกของประเทศไทยมาเป็นทูตด้านมอเตอร์สปอร์ต (Race Ambassador) ในโครงการ เรซ ทู เดอะ ดรีม เพื่อสื่อสารกับสาธาณะชน และ สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยยุคใหม่ ซึ่งมีโครงการ “ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” เป็นบันไดขั้นต่อไป ซึ่งในปี 2019 นับเป็นปีที่ 4 ของโครงการนี้ มีนักบิดไทยเข้าร่วมทั้งสิ้น 12 คน
“สิ่งหนึ่งที่เป็นเป้าหมายสำคัญของ เอ.พี.ฮอนด้า นับตั้งแต่ปี 2017 คือการสร้างให้กีฬามอเตอร์สปอร์ตกลายเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทยทุกเพศทุกวัย ซึ่งหากทำได้ประเทศไทยจะมีวัฒนาธรรมมอเตอร์สปอร์ตที่สวยงาม เติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแรง หลังจากที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ในปี 2018 ครั้งแรกในประวัติศาสตร์” สุชาติ อรุณแสงโรจน์
โดยในปี 2019 เอ.พี.ฮอนด้า ได้ขยับตัวครั้งใหญ่เพื่อเข้าใกล้เป้าหมายการพานักบิดไทยเข้าสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ด้วยการส่ง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดดาวรุ่งอายุน้อยสุดของไทยในเวทีระดับโลกด้วยวัยเพียง 20 ปี ลงแข่งขันในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่น “โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” แบบเต็มฤดูกาลร่วมกับสังกัด “ฮอนด้า ทีม เอเชีย” โดยนับเป็นนักบิดไทยเพียงคนเดียวที่โลดแล่นในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกในฤดูกาล 2019
ส่วนในระดับภูมิภาคเอเชีย “เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 นำโดย “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งที่จะร่วมงานกับ 2 นักบิดดาวรุ่งอย่าง “ก๊อง” ธัชกร บัวศรี และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ลงล่าความสำเร็จในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. รวมถึง “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ และ “นิว” กฤชพร แก้วสนธิ ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. ขณะเดียวกัน “ก๊อง”-ธัชกร ยังได้รับโอกาสให้ลงดวลความเร็วในโปรแกรมเฟ้นหาดาวรุ่งจากทวีปเอเชียขึ้นสู่เรซระดับโลกในรายการ “อิเดมิตสึ ฮอนด้า เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2019” เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน โดยมี 2 ดาวรุ่งที่ขยับขึ้นมาจากรายการ “ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” อย่าง “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ และ “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ มาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม
นอกจากนี้ เอ.พี.ฮอนด้า ยังส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันรายการชิงแชมป์ประเทศไทย FMSCT Thailand Supercross 2019 ในรุ่น MX2-A นำทีมโดย รองแชมป์อันดับ 2 “แซ้ง” กฤษฎา จำรูญจารีต ร่วมด้วย “กั๊ก” ปิยะนัฐ เกิดศิริ และนักแข่งหน้าใหม่เจ้าของตำแหน่งแชมป์รุ่น MX2-B ที่เพิ่งขยับขึ้นมาขี่ในคลาสนี้เป็นครั้งแรกอย่าง “โอชิ” พัสกร ปริยวงศธร เพื่อสานต่อความสำเร็จใน การแข่งขันประเภททางฝุ่นและสร้างนักบิดรุ่นใหม่เข้าสู่ทีมอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ แฟนๆ ความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” และผลการแข่งขันของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2019 ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/ พร้อมรับชมการแข่งขันได้ผ่านทางช่อง Fox Sports ในทุกสนามการแข่งขัน
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
