ราวกับว่าตั้งใจดึงจังหวะเอาไว้เพื่อเปิดตัวชนกับ Kawasaki ZX-25R แบบโต้งๆเลยทีเดียวสำหรับ 2020 Honda CBR250RR ที่ล่าสุดทาง Honda Japan พึ่งได้ประกาศเปิดตัวโฉมปี 2020 ของมันออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
โดยสำหรับไฮไลท์เด็ดของ 2020 CBR250RR นั้น หากมองโดยผิวเผิน เพื่อนๆอาจจะไม่พบความแตกต่างจากตัวรถสเปคปี 2019 เท่าไร่นัก เพราะเปลือกนอก และชิ้นส่วนหลักๆของมันยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เว้นก็เพียงในส่วนของเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 249cc ของมัน ที่ได้รับการปรับจูนใหม่, ลดขนาดเพลาข้อเหวี่ยง, ปรับความแข็งสปริงวาล์ว, ลดแรงเสียดทานระหว่างชิ้นส่วนภายใน และเพิ่มกำลังอัดจาก 11.5 :1 เป็น 12.1 : 1 เพื่อให้มีพละกำลังมากขึ้นจาก 39 แรงม้า ที่ 12,500 รอบ/นาที เป็น 41 แรงม้า (PS) ที่ 13,000 รอบ/นาที ขณะที่แรงบิดก็เพิ่มจาก 23 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบ/นาที เป็น 25 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบ/นาที เรียกได้ว่านอกจากกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีย่านกำลังให้เรียกใช้กว้างขึ้นอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นหากเราลองคำนวนอัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังสูงสุดของ CBR250RR โฉมปี 2020 นี้ เทียบกับของ ZX-25R ก็จะพบว่าตัวเลขดังกล่าวในฝั่งสปอร์ตไบค์ค่ายปีกนกนั้นจะสามารถทำได้ใกล้เคียงกันคือ 4.097 กิโลกรัม/แรงม้า กับเลข 4.089 กิโลกรัม/แรงม้า ของตัวรถจากค่ายยักษ์เขียว ที่เคลมแรงม้าสูงสุด 45 PS ที่ 14,500 รอบ/นาที กับน้ำหนักตัว 184 กิโลกรัม (สเปคของ Kawasaki ZX-25R SE เวอร์ชันขายในประเทศไทย) จึงถือว่าเป็นจุดที่น่าสนใจเลยทีเดียวว่าศึกสปอร์ตเรพลิก้าไบค์ 250cc หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ ทาง Honda ยังได้ทำการเพิ่มระบบสลิปเปอร์คลัทช์ให้กับเจ้า CBR250RR MY2020 ด้วย แม้ว่าจากการทดสอบในครั้งผ่านๆมา เอนจิ้นเบรกของเจ้านี่จะไม่ได้สูงมากนักจนมีแรงกระชากทำให้ล้อหลังล็อคง่ายๆอยู่แล้วก็ตามที ทว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะทำให้เพื่อนๆที่ต้องการออพชันเต็มใจชื้นมากขึ้น ขณะที่ออพชันอย่างควิกชิฟท์เตอร์แบบ 2 ทาง ขึ้น/ลง ก็จะเป็นออพชันเสริมที่ลูกค้าต้องซื้อเพิ่มเองแบบ Add-on ด้วยราคา 25,300 เยน หรือประมาณ 7,500 บาท ไม่ได้ติดตั้งมาให้ตั้งแต่ออกโรงงาน ซึ่งในอนาคตหากทาง A.P. Honda นำตัวรถโฉมนี้มาขายในไทย ก็ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนเช่นกันว่าพวกเขาจะมีออพชันนี้มาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อหรือไม่ ?
ด้าน ราคา 2020 Honda CBR250RR ก็ยังคงถูกตั้งไว้เท่าเดิมสำหรับวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น คือ 821,700 เยน หรือราวๆ 244,000 บาท สำหรับตัวรถสีขาวเงา Pearl Glare White, ดำด้าน Matte Gun Powder Black Metallic, แดง/ดำด้าน Grand Prix Red และจะขยับขึ้นเป็น 854,700 หรือราวๆ 254,000 บาท สำหรับตัวรถสีไตรคัลเลอร์ Grand Prix Red (Stripe) ทว่ามันจะถูกนำเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเราครบทุกสีหรือไม่ เราคงต้องรอดูกันต่อไปอย่างช้าที่สุดก็คือช่วงปลายปีนี้ครับ
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
