หลังจากการเปิดตัวของ Honda CB500 Super Four รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไฟกลมจากค่ายปีกนก เคียงคู่กับสปอร์ตแฟริ่งอย่าง Honda CBR500R Four ไปที่ประเทศจีน ชาวเน็ตไทยที่เคยสนใจ CB400 Super Four ในตำนานก็ให้ความสนใจกันไม่น้อย แต่ก็มีหลายเสียงที่แสดงความผิดหวัง เพราะรถรุ่นใหม่ไม่มีความคลาสสิกแบบที่คิด

แต่ทุกคนจะว่าอย่างไรถ้าเราบอกว่า Honda CB500 Super Four นั้นไม่จำเป็นต้องคลาสสิกก็ได้ เพราะว่ารถในตำนานของตระกูล Super Four ไม่ว่าจะคลาสเล็กหรือใหญ่ ก็ไม่เคยถูกวางแผนให้เจาะตลาดคลาสสิกตั้งแต่แรก และความคลาสสิกที่ว่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเราเติมแต่งให้มันทั้งสิ้น

เพราะถ้าหากเราย้อนไปในปี 1992 ในช่วงที่ค่ายปีกนกเปิดตัว CB1000 Super Four และ CB400 Super Four นั้นต่างก็มีตำแหน่งการตลาดระดับบน ชูทั้งความแรงและเทคโนโลยีที่เป็นมาตรฐานของยุคนั้น ถ้าดูให้ดีที่เส้นสายของมัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ รูปทรงของถังน้ำมัน หรือหางแบบตูดเป็ดก็ดูทันสมันสำหรับตอนนั้น

ของที่หลายคนในตอนนี้มองว่าเป็นของคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าโคมกลม จอแสดงผลแบบเข็ม โช้คหน้าหัวตั้ง โช้คหลังสปริงคู่นั้นก็ไม่ได้ใส่มาเพราะพยายามจะคลาสสิก แต่ใส่มาเพราะมันเป็นมาตรฐานปกติ และบ้างก็อาจจะถือว่าทันสมัยแล้วในยุคของมัน

แต่ภาพลักษณ์แนวคลาสสิกนั้นเป็นสิ่งที่คนดูอย่างเรามอบให้กับมันเองในช่วงหลัง เพราะรถตระกูล Super Four ถูกลากจำหน่ายมานานหลายสิบปี โดยที่แทบไม่ได้มีการปรับปรุงสเปคและหน้าตาเลย จนมันกลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิต

กรณีนี้คลาสกับ Yamaha SR400 ที่ตอนเกิดมานั้นก็ไม่ได้พยายามจะคลาสสิก แต่มันถูกลากจำหน่ายยาวจนคนรู้สึกว่ามันคลาสสิกไปเอง และถึงแม้ว่าตอนสร้างจะไม่ได้มีความต้องการแบบนั้น แต่ฝ่ายการตลาดในยุคใหม่ก็เห็นความต้องการในจุดนี้ จึงเลือกชูความคลาสสิกที่ว่านี้ให้เป็นจุดเด่น

จะเห็นได้ว่าช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ค่ายรถหลายรายไม่ว่าจะยุโรปหรือญี่ปุ่น ต่างก็พยายามผลักดันรถรุ่นใหม่โดยหากินกับตำนานเก่าของค่ายที่คนคิดถึง แต่แทนที่จะทำรถเก่าด้วยเทคโนโลยีเก่าจริง ๆ ซึ่งมันคงไม่มีใครต้องการอะไรแบบนั้น

ค่ายรถจึงใช้ทางลัดโดยการนำรถใหม่ที่มีอยู่ มาใส่งานออกแบบที่คนคิดถึงเข้าไปแทน ส่งผลให้ได้เห็นรถอย่าง Kawasaki Z900RS, Suzuki Katana, Yamaha XSR900, Honda CB650R หรือบ้างก็เอามาแค่ชื่ออย่าง Hornet, Transalp, Africa Twin

แน่นอนว่ารวมถึงชื่อของ Super Four ด้วยเช่นกัน ถ้าจะให้สรุปคือ CB400 Super Four และรถรุ่นอื่นในโปรเจค Big One นั้นไม่เคยถูกวางแผนให้มันออกมาเป็นรถคลาสสิกด้วยซ้ำ แต่ว่า CB500 Super Four รุ่นใหม่นี่ตั้งใจหากินกับตำนานคลาสสิกแน่นอน
แต่จะต้องคลาสสิกระดับไหนถึงจะดีนี่ก็คงเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่สำหรับผมแล้ว โช้คหน้าหัวกลับ, โช้คหลังเดี่ยว, คาลิเปอร์เรเดียลเม้าท์, ไฟรอบคันแบบ LED, หน้าจอสี TFT แถมยังมี E-Clutch บอกเลยว่าชอบ ขอคลาสสิกที่หน้าตาก็พอแต่สมรรถนะขอแบบรถใหม่เถอะนะ
อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่

