“เอ.พี.ฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย ย้ำชัดจุดยืนเดินตามโร้ดแม็ป ผลักดันทีมแข่งของคนไทย เพื่อคนไทยก้าวสู่นักแข่งระดับโลก “โมโตจีพี” ภายในปี 2025 ล่าสุดส่งสุดยอดช่างไทย “สิทธิชัย กานิวาสน์” และ “รมิดา เลาหจตุพร” เจ้าหน้าที่ประสานงานสาวไทย ที่เข้าร่วมทัพ “ฮอนด้า เอเชีย ดรีม เรซซิ่ง ทีม” ทำงานสุดท้าทายในศึกเอ็นดูรานช์ชิงแชมป์โลกสนามสุดท้าย รายการ ซูซูกะ 8 ชั่วโมง ที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนช่วยทีมคว้าอันดับท็อปเท็นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทีมแข่งไทย 100 เปอร์เซ็นต์อย่าง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ เพิ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบมาราธอนนานาชาติสุดโหด รายการ “ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง 2018” ด้วยการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
โดยในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้ 2 ดาวรุ่งดวงใหม่ “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ผลผลิตจากโครงการไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ ลงเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อหวังให้พัฒนาความสามารถ ผนึกกำลังกับทีมช่างชาวไทยพาทีมคว้าอันดับ 7 มาครองได้อย่างสุดมันส์ ในเกมที่มีจุดเปลี่ยนตลอดการแข่งขัน
นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เผยว่า “ในสุดสัปดาห์นี้ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ เราเดินมาตามแผนที่วางไว้ในระยะยาว คือปั้นทีมแข่งของคนไทยไปสู่รายการโมโตจีพี ให้ได้ภายในปี 2025”
“จากการทำงานด้านต่างๆ ของทีมถือว่าเราสอบผ่าน ผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ขณะที่นักแข่งของเราทั้ง 2 คน ก็ทำเวลาได้ดีกว่าเดิมหากเทียบกับปีก่อน ซึ่งโดยรวมแล้วทุกอย่างที่เราทุ่มเทเป็นไปตามแผนในระยะยาวเพื่อปั้นทีมแข่งของไทยให้ก้าวสู่การแข่งขันระดับโลก “โมโตจีพี” ต่อไปนายอารักษ์ กล่าว
ด้าน นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลลัพธ์ของการแข่งขันในปีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่เรายกระดับทีมแข่งของคนไทยให้ขึ้นสูงไปอีกขั้นเพื่อเตรียมก้าวสู่ทีมแข่งมืออาชีพระดับโลก”
ขณะเดียวกัน นายสุชาติ ยังย้ำถึงนโยบายมอเตอร์สปอร์ตที่มีเป้าหมายในระยะยาว ต้องการสร้างทีมบิดสายเลือดไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ไปสู่ศึกระดับโลกในปี 2025 สำหรับทีมแข่งที่ประกอบไปด้วย นักแข่ง ช่าง โค้ช และทีมงาน ซึ่งก่อนหน้านี้เราเรียนรู้จากทีมต่างชาติที่มีประสบการณ์ระดับโลกมาเป็นเวลาพอสมควร ซึ่งในปัจจุบันศักยภาพของทีมเราพร้อมแล้วที่จะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น อย่างเป็นระบบเทียบเท่ามืออาชีพ ”
บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด จึงได้ยกระดับโครงสร้างด้านมอเตอร์สปอร์ตด้วยการสร้างทีมบุคลากรที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับโลก เข้าสู่วงการเต็มรูปแบบ พร้อมกับก่อตั้งโปรเจกต์บิดล่าฝัน ปั้นนักบิดเยาวชนไทยสู่ศึกการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ อย่าง “เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์”
“โครงการดังกล่าว ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเฟ้นหาดาวรุ่งดวงใหม่ อายุระหว่าง 9-14 ปี เข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาเป็นนักแข่งมืออาชีพ ควบคุมการฝึกสอนโดย “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดคนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่โลดแล่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ในศึกโมโตจีพี รุ่นโมโตทู ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดกับการดูแลโครงการนี้” นายสุชาติ กล่าวและว่า
“เมื่อเริ่มต้นดีแล้ว สเต็ปต่อไปจะก้าวขึ้นสู่โครงการ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ ตามด้วยเอเชีย ทาเลนต์ คัพ และเมื่อเขาฉายแววที่ดี เราก็พร้อมจะผลักดันต่อไปยังเวทีใหญ่ระดับยุโรป เริ่มต้นจาก รายการเอฟไอเอ็ม ซีอีวี เรปโซล อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ รวมถึงศึกใหญ่ระดับโลก ไล่เรียงตั้งแต่รุ่นโมโตทรี โมโตทู และเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่โมโตจีพี”
นอกจากการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง แล้ว ในสุดสัปดาห์เดียวกัน เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ก็ทำการส่งสุดยอด “ช่างชาวไทย” อย่าง สิทธิชัย กานิวาสน์ เข้าร่วมทำงานในศึก เอฟไอเอ็ม เอ็นดูรานซ์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามสุดท้าย ในรายการ ซูซูกะ 8 ชั่วโมง ภายใต้สังกัด “ฮอนด้า เอเชีย ดรีม เรซซิ่ง ทีม” เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ระดับโลก พร้อมกับช่วยทีมแข่งชั้นนำของเอเชียประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าอันดับท็อปเท็นมาครอง
“ไม่เพียงแต่นักแข่งเท่านั้น ในส่วนของทีมช่างเทคนิค เราก็ต้องมีแผนการพัฒนาเช่นกัน โดย 2-3 ปีที่ผ่านมา เริ่มส่งไปเรียนรู้ระบบการทำงานร่วมกับทีมแข่งมืออาชีพอย่าง โมริวากิ ตลอดจนในรายการเอ็นดูรานซ์รุ่นใหญ่ 8 ชั่วโมง ก็มีช่างคนไทยร่วมประจำอยู่ในทีมแข่งฮอนด้า เอเชีย ดรีม เรซซิ่งทีมด้วย”
“นอกจากนี้เมื่อนักบิดพร้อม ทีมช่างพร้อม ผู้จัดการทีมและโค้ชผู้ฝึกสอนก็ต้องพร้อมด้วย ดังนั้น จากนักบิดที่เป็นฮีโร่ของคนไทยทั้งประเทศ ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ จึงขยับขึ้นมาเป็นเฮดโค้ช ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาจากการแข่งขันทั่วโลกให้เด็กไทยนำไปใช้และพัฒนาตัวเองต่อไป” รองประธานกรรมการบริหาร เอ.พี.ฮอนด้า กล่าว
สำหรับผลงานของ 2 ดาวรุ่งไทยอย่าง วริทธิ์ และ ปิยวัฒน์ นับเป็นการสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมให้กับทีมแข่งไทย เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ หลังได้รับโอกาสให้ลงแข่งขันในรายการ ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง ภายใต้รถแข่ง ฮอนด้า ซีบีอาร์ 600 อาร์อาร์ ซึ่งมีความแรงกว่ารถแข่งที่ทั้งคู่ใช้ในรายการไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ (รถแข่งฮอนด้า เอ็นเอสเอฟ 250 อาร์อาร์ เครื่องยนต์ 250 ซีซี.) แต่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และเป็นครั้งแรกของสองนักแข่งไทยลงแข่งในสนามนี้ ซึ่งสามารถทำผลงานได้ดีเกินคาดที่ ขยับขึ้นมาสูงสุดได้ถึงอันดับ 2 ก่อนเจอสถานการณ์พลิกผันหลายครั้ง และคว้าอันดับ 7 มาครองได้สำเร็จ
อ่านข่าว Honda อื่นๆได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
