คว้าชัยชนะในรุ่นใหญ่อย่างศึก MotoGP ได้เป็นทีเรียบร้อย สำหรับ Franco Morbidelli ในศึกสนามบ้านเกิด SanMarinoGP 2020 หลังจากที่เคยพลาดโอกาสไปที่ CzechGP 2020 ดังนั้นในวันนี้เราจึงขอพาเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับเขากันหน่อยดีกว่าครับ ว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างเกี่ยวกับ “จอมพลแฟรงค์” ศิษย์คนแรกแห่งค่าย VR46 Riders Academy คนนี้ 1. Franco Morbidelli เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ปี ค.ศ.1994 ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี (แต่เป็นลูกครึ่งอิตาลี-บราซิล) 2. Livio Morbidelli ผู้เป็นพ่อของ Franco เองก็เคยเป็นอดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์เช่นกัน ขณะที่แม่ของนักบิดคนนี้ก็มีชื่อว่า Cristina de Franco 3. Franco ได้เข้ามาสู่ประตูการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก World Grand Prix เป็นครั้งแรกในฐานะนักบิดรุ่น Moto2 เมื่อปี…
Author: admin
จากการแข่งขัน MotoGP ในศึก SanMarinoGP 2020 ที่ประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกคนจดจำได้ดีในเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คงหนีใหม่พ้นกรณีของ Fabio Quatararo ที่พลาดล้มไปถึง 2 ครั้งในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดพลาดนี้เป็นที่เรียบร้อย ว่าส่วนใหญ่แล้วมันเกิดขึ้นเพราะเขา “ทำตัวเอง” แทบทั้งสิ้น A rare mistake costs @FabioQ20 the championship lead 😲The Frenchman had a #SanMarinoGP to forget 👎#MotoGP pic.twitter.com/fIZIOVgDWr— MotoGP™🏁 (@MotoGP) September 13, 2020 “ในตอนที่ผมแซง Maverick (Vinales) ขึ้นไป, ผมบอกตัวเองว่า OK ผมต้องเร่งเครื่องเพื่อไปไล่ Jack (Miller)” Quartararo กล่าว “แต่น่่าเสียดาย…
แม้ทาง BMW จะไม่ได้มีการส่งตัวรถลงแข่งในเวที MotoGP แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีการพัฒนาโปรเจ็กท์หรือเทคโนโลยีที่เป็นที่สุดสำหรับรถมอเตอร์ไซค์เลยสักนิด เพราะล่าสุดเราพึ่งได้รับข้อมูลมาว่าพวกเขาเองก็กำลังสนใจในการทำเทคโนโลยีวิงเล็ทสำหรับรถมอเตอร์ไซค์เช่นกัน แถมยังเป็นวิงเล็ทไฟฟ้าที่สามารถปรับองศาได้ด้วยตนเอง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีจุดยึดแปลกสุดๆอีกด้วย ใช่ครับ สำหรับชุดวิงเล็ทสำหรับรถมอเตอร์ไซค์แบบใหม่ที่ BMW ได้จดสิทธิบัตรขึ้นมานั้น แม้แนวคิดหลักๆแล้วก็คือการทำขึ้นขึ้นมาเพื่อช่วยสร้างแรงกดให้กับตัวรถ แต่จุดยึดของชุดวิงเล็ททั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่วิศวกรของค่ายผู้ผลิตสัญชาติเยอรมันรายนี้ออกแบบไว้ กลับมีการออกแบบเวอร์ชันที่วิงเล็ทถูกนำไปติดตั้งบริเวณชุดแกนโช้กหน้า และตรงสวิงอาร์มหลัง ไม่ใช่ติดตั้งตรงบอดี้ หรือลำตัวรถในแบบที่ค่ายรถมอเตอร์ไซค์อื่นๆทำกันด้วย แต่ทั้งนี้ หากมองถึงแนวคิดที่พวกเขาระบุเอาไว้ในสิทธิบัตรนั้นก็ถือว่าน่าจะเป็นอีกแนวคิดที่น่าสนใจ เพราะด้วยการติดตั้งวิงเล็ทไว้ตรงระบบกันสะเทือน จึงทำให้หมายความว่าแรงกดบนวิงเล็ทจากลมที่เกิดขึ้นนั้น จะส่งแรงลงไปที่ล้อตรงๆ โดยไม่ไปรบกวนการทรงตัวของตัวรถด้านบน และเพื่อให้แรงกดเกิดขึ้นเท่าที่จำเป็น ทาง BMW ยังออกแบบให้วิงเล็ททั้ง 4 ชิ้น (หน้า 2 / หลัง 2) มีกลไกไฟที่ช่วยทำให้วิงเล็ทปรับองศาได้เองตามสถานการณ์ของตัวรถ ณ ช่วงเวลานั้นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นตอนเร่งที่ต้องการให้มีแรงกดที่ล้อหน้ามากเป็นพิเศษ, ตอนเบรกที่ต้องการเพิ่มแรงกดที่ล้อหลังเพื่อป้องกันล้อลอย, หรือแม้กระทั่งตอนเลี้ยวโค้งที่ต้องการแรงกดให้มีผลกับตัวรถแค่ด้านที่อยู่นอกโค้งเท่านั้นด้วย อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าโปรเจ็กท์วิงเล็ทสุดแหวกแนวของ BMW ในครั้งนี้ ดูเหมือนจะยังต้องใช้ระยะเวลาอีกนานกว่าที่พวกเขาจะนำมันมาใช้กับรถมอเตอร์ไซค์เวอร์ชันขายจริงได้ แต่ถ้าหากเพื่อนๆถามว่าแล้วโมเดลไหนที่เหมาะจะใช้วิงเล็ทแบบนี้ที่สุด คำตอบนั้นยังไงก็หนีไม่พ้น…
ด้วยความที่ตามกติกาการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ในรุ่นซุปเปอร์สปอร์ตทั่วโลกมีการระบุข้อจำกัดไว้อย่างชัดเจนว่าหากเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่อง 4 สูบเรียง ตัวแข่งคันนั้นจะต้องมีความจุไม่เกิน 600cc ดังนั้นกับ Kawasaki ZX-6R ที่มีความจุเครื่องยนต์เกินใครเพื่อนในคลาสเดียวกัน ดังนั้นทาง Kawasaki จึงต้องออกตัวรถรุ่นพิเศษออกมา และพวกเขาก็ได้เปิดจองมันแล้วในตอนนี้ เช่นเดิม สำหรับข้อมูลตัวรถ ZX-6R คันดังกล่าวก็มีอยู่ว่า มันจะใช้โครงสร้างพื้นฐานเหมือนกับ ZX-6R รุ่นพื้นฐานสำหรับขายให้บุคคลทั่วไปทั้งหมด แต่จะมีการปรับเปลี่ยนหลักๆในเรื่องของเครื่องยนต์ที่ถูกลดความจุลงเหลือ 599cc, ไม่มีการติดตั้งชุดระบบไฟส่องสว่างมาให้เพราะไม่ต้องใช้ ,ไม่มีการตอกเลขหมายประจำตัวรถเพราะตัวรถสร้างมาเพื่อลงสนาม ไม่ได้เอาไว้ใช้ต่อทะเบียนสำหรับใช้งานบนถนนหลวง, ไม่มีการฝังชิพอิมโมบิไลเซอร์นิรภัยตัวรถ, และไม่มีการรับประกันตัวรถใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้ทาง Kawasaki ยังระบุอีกว่า ชุดแฟริ่งที่ให้ไปจะมาแบบสีดิบ (ไม่มีการพ่นสีเพื่อให้ง่ายต่อการทำกราฟฟิกของแต่ละทีม) แต่อาจจะมีหน้าตาไม่เหมือน ZX-6R รุ่นปัจจุบัน เพราะจะไปเหมือนกับ ZX-6R รุ่นปี 2012 ก่อนที่จะปรับเป็นรหัส 636 มากกว่า และจะมีการแถมชุดกล่อง ECU ที่สามารถปรับจูนได้กับสายไฟแบบใหม่ที่เหลือแต่สายหลักเท่านั้น รวมถึงชิ้นส่วนจุกจิกสำหรับการแข่งขันอีกหลายรายการ ด้านราคาตัวรถเต็มๆแบบไม่รวมภาษีก็ถูกตั้งไว้แค่เพียง 946,000 เยน หรือราวๆ…
ยังคงอยู่กับการเรียกร้องและฟ้องร้องทางรัฐบาลให้แก้ไขกฏหมายการอนุญาตให้ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์สามารถใช้เส้นทางสัญจรบนสะพานและอุโมงค์ได้เช่นเคย ซึ่งหลังจากที่ทางผู้นำ “กลุ่มปลกแอกชาวสองล้อ” ได้มีการเข้าศาลปกครองชั้นต้นเพื่อรับฟังการตัดสินคำฟ้องเกี่ยวกับเรื่องที่ร้องขอไปแล้วปรากฏว่าทางศาลฯตัดสินไม่แก้ไขกฏหมาย ทำให้ล่าสุดทางผู้นำกลุ่มดังกล่าวขอนัดหมายชาวสองล้อมาชุมนุมกันในวันนี้อีกครั้งที่บริเวณถนนดินสอ ใกล้เสาชิงช้า เพื่อเรียกร้องให้ทางรัฐบาลแก้ไขปัญหานี้ต่อไป ก่อนที่ทางแอดมินกลุ่มปลดแอกฯ จะยื่นอุทธรณ์คำร้องอีกครั้งกับศาลปกครองชั้นสูงสุดต่อไปในเร็วๆนี้ ขอบคุณข้อมูลจาก กลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
หลังมีแต่ภาพหลุดอยู่นานสองนาน ในที่สุดว่าที่ All-New Benelli TRK 502 ก็ได้ถูกเผยโฉมเป็นที่เรียบร้อยแล้วในประเทศจีน ภายใต้ชื่อการทำตลาดเฉพาะในประเทศว่า “QJMotor SRT500” โดยสำหรับดีไซน์ของ SRT500 หรือว่าที่ TRK502 รุ่นใหม่ ก็จะมาพร้อมกับดีไซน์ภายนอกที่ดูมีความแหลมคม ปราดเปรียวกว่าเดิม ตั้งแต่หัวจรดท้าย ไม่เว้นแม้แต่ไฟหน้าที่อาจจะดีไซน์เป็นทรง 2 โคมแยกออกซ้าย/ขวาคล้ายๆเดิม แต่ก็ดูมีความทันสมัยมากขึ้น ราวกับเป็นรถมอเตอร์ไซค์คนละตระกูล (แต่ในขณะเดียวกันก็ดูมีความยืมเส้นสายจาก BMW GS-Series มาอยู่ไม่น้อย) นอกจากนี้ชุดล้อซี่ลวดหน้าขอบ 19 นิ้ว/หลังขอบ 17 นิ้วก็เปลี่ยนเป็นแบบขอบสำหรับใช้กับยางทูบเลสด้วย ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆของตัวรถนั้น ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันยังคงมีความคล้ายเดิมกับ TRK502 รุ่นปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นชุดเฟรม, เครื่องยนต์, รวมถึงระบบกันสะเทือนแบบตะเกียบคู่ด้านหน้ากับระบบเบรกทั้งหมด แม้เครื่องยนต์เอง ก็ยังเป็นบล็อค 2 สูบเรียง 500cc แต่คาดว่าจะถูกปรับจูนใหม่เล็กน้อยเพื่อให้ทำกำลังเพิ่มขึ้นจาก 47 PS เป็น 48 PS…
หลังจากมีแต่ชื่อให้กล่าวถึงอยู่นาน ในที่สุดวันนี้เราก็สามารถนำภาพของ All-New Ducati Multistrada V4 รุ่นใหม่ที่เป็นโฉมโปรโตไทป์มาให้เพื่อนๆได้รับชมกันสักที โดยสำหรับชุดภาพที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่ในตอนนี้ มีในเบื้องต้นหลายฝ่ายจะระบุว่ามันคือภาพ Spyshot ซึ่งหมายถึงภาพที่ถูกแอบถ่ายเอาไว้ได้โดยคนนอก แต่ถ้าดูจากมุมภาพและการออกแอคชันต่างๆแล้ว ดูเหมือนนี่จะเป็นภาพที่ Ducati ตั้งใจปล่อยออกมาเพื่อยั่วกิเลศของลูกค้าที่กำลังรอคอยการมาของ Multistrada V4 รุ่นใหม่อยู่ ต่างหาก ส่วนความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับ Multistrada V4 เมื่อเทียบกับ Multistrada 1260 รุ่นปัจจุบัน ก็จะเริ่มจาก เปลือกนอกที่ถูกปรับดีไซน์ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ตัวรถดูมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ขณะที่ซับเฟรมเอง ก็ถูกเปลี่ยนให้เป๋็นแบบเฟรมถักทั้งชิ้น ไม่ใช่ซับเฟรมอลูมิเนียมแบบของเก่า นอกจากนี้ชิ้นสวิงอาร์มเองก็ไม่ใช่แบบแขนเดี่ยวอีกต่อไป แต่เป็นแบบอลูมิเนียมแขนคู่เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับระบบกันสะเทือนด้านหลัง ขณะที่เครื่องยนต์ของมัน แม้ในตอนแรกเราจะคาดว่ามันคือขุมกำลัง V4 ที่ถูกดัดแปลงมาจาก Panigale V4 แต่จากข้อมูลล่าสุด กลับดูเหมือนว่าทาง Ducati จะลงทุนสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งบล็อค เพื่อให้มันเหมาะสมกับการใช้งานในแบบรถมอเตอร์ไซค์แนวแอดเวนเจอร์-ทัวร์ริ่งอย่างแท้จริง ขณะที่พิกัดเครื่องยนต์ที่แน่ชัดเอง ในขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถระบุข้อมูลตรงนี้ได้ แต่ก็คาดว่าคงจะไม่หนีไปจากช่วง 1,100cc -…
ด้วยความที่ HJC เป็นผู้ผลิตหมวกกันน็อคแบรนด์เดียวที่ได้ลิขสิทธิ์ตัวละครซุปเปอร์ฮีโร่จากทั้ง Marvel และ DC จึงทำให้เรามักเห็นคอลเลคชันหมวกลายพิเศษจากพวกเขาออกมาเรื่อยๆ ซึ่งรุ่นล่าสุดที่ถูกเผยโฉมออกมานั้นก็คือ HJC Rpha 11 Superman Edition ที่เพื่อนๆได้เห็นกันอยู่ในตอนนี้ เช่นเคย สำหรับหมวกกันน็อค Rpha 11 รุ่นนี้ ในเบื้องต้นแล้วทั้งเปลือกนอก, โฟมด้านใน, ไปจนถึงฟูกซับใน ทุกอย่างจะยังคงใช้วัสดุเดียวกันกับหมวก Rpha 11 รุ่นปกติทุกอย่าง แต่จุดขายที่พิเศษสุดๆของมันก็คือลวดลายภายนอก ที่เป็นลายลิขสิทธิ์ตัวละครซุปเปอร์ฮีโร่ชื่อดังอายุกว่า 80 ปี อย่าง Superman ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าโทนสีของหมวกจะเป็นโทนสีน้ำเงิน และแดง ซึ่งเป็นสีประจำชุดแต่งกาย รวมถึงตราสัญลักษณ์ความหวัง “S” ของบุษแห่งพระอาทิตย์รายนี้ ส่วนราคาวางจำหน่ายหมวก HJC Rpha 11 – Superman Edition รุ่นนี้สำหรับวางจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าจะอยู่ที่ราวๆ 20,000 บาทต้นๆเท่านั้น ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจล่ะก็…
ต่อจากการประกาศเปิดจอง Kawasaki Ninja H2R ล็อตสุดท้ายก่อนปิดสายการผลิต ล่าสุดทางค่ายยักษ์เขียวก็ออกมาให้ข้อมูลว่า Kawasaki Ninja H2 Carbon เอง ก็จะถูกยุติสายการผลิตในเร็วๆนี้ด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับ H2R การอัพเดทข้อมูลของ H2 Carbon ครั้งนี้ ก็มาพร้อมกับการเผยตัวรถโฉมปี 2021 ออกมา ซึ่งในเบื้องต้นแล้วมันก็ยังคงมีพื้นฐานเดิมกับตัวรถโฉมปี 2019-2020 ทุกอย่าง นั่นก็คือยังใช้บอดี้เดียวกันกับ Kawasaki Ninja H2 รุ่นพื้นฐานอีกที ทั้งระบบกันสะเทือนหน้า/หลัง, ระบบเบรกหน้า/หลัง, ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่ติดรถมา, รวมถึงเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 998cc ที่ทำแรงม้าสูงสุดได้ 231 PS ก็ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่จุดแตกต่างหรือความพิเศษของ H2 Carbon เมื่อเทียบกับ H2 ธรรมดา ก็คือการที่ชิ้นแฟริ่งด้านหน้าของมันจะถูกทำขึ้นโดยคาร์บอนไฟเบอร์ และชิ้นแฟริ่งอื่นๆก้จะมีการเสริมแถบสติ๊กเกอร์สีเขียวเข้ามาด้วยเพื่อให้ตัวรถดูโดดเด่นมากกว่าเดิม ทว่าหากลูกค้าคนไหนที่สนใจ ไม่สามารถจับจองตัวรถภายในระหว่างวันที่…
กลับมามีชื่อหัวแถวอีกครั้งจนได้ในรอบหลายปี สำหรับ Valentino Rossi ที่ล่าสุดนั้นสามารถกดเวลาดีที่สุดในรอบ FP3 ของศึก SanMarinoGP 2020 ไปได้แบบม้ามืด ด้วยตัวเลข 1’31.861 นาที โดยมี 2 นักบิดดาวรุ่ง Yamaha ได้แก่ Maverick Vinales ตามเข้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยเวลาช้ากว่าผู้นำ +0.075 วินาที และ Fabio Quartararo ตามเข้ามาในอันดับ 3 ด้วยตัวเลข +0.100 วินาที โดยสำหรับผลเวลาของนักบิด 10 อันดับแรกในรอบ FP3 ศึก SanMarinoGP 2020 มีรายละเอียดดังนี้ 1 : V. ROSSI : 1’31.861 2 : M.…