อาจจะจริงอยู่ที่ BMW R18 นั้นเกิดมาด้วยภาพลักษณ์ที่เน้นความคลาสสิค อนุรักษ์นิยมเป็นหลัก แต่ทว่าดูเหมือนนั่นจะจำเจเกินไปสำหรับสำนักดังอย่าง Roland Sand จึงทำให้พวกเขาเลือกตกแต่งมันใหม่ให้กลายเป็นตัวแข่ง Dragster สุดแรงในระยะ 1/4 ไมล์ไปเลยเพื่อสรรหาความมัน อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในตอนนี้ สำหรับข้อมูลตัวรถในเบื้องต้น ก็คือเจ้า R18 Dragster คันนี้ จะใช้พื้นฐานตัวรถจาก R18 Bobber ที่ทาง BMW Motorrad ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี แล้วทาง Roland Sand ซึ่งเป็นสำนักแต่งที่ตั้งใจทำของแต่งเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ของแบรนด์เยอรมันเจ้านี้โดยเฉพาะ เลือกที่จะนำเจ้า R18 ไปตกแต่งใหม่ในฉบับที่ตนเองต้องการอย่างที่พวกเขาถนัด และด้วยความที่คอนเซปท์การแจ่งเจ้า R18 คือการปรับภาพลักษณ์ให้มันเป็นตัวแข่ง Dragster ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำเป็นอย่างแรกเลยก็คือการรื้อเอาชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป แล้วเปลี่ยนชุดเฟรมของมันใหม่ให้กลายเป็นแบบ Hardtail เพื่อความแข็งแรง, เสริมความเสถียรของตัวรถด้วยการเปลี่ยนไปใช้โช้กหน้าหัวกลับที่สามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่าจาก BMW S1000RR พร้อมติดตั้งชุดกันสะบัดเข้าไป นอกจากนี้ยังเปลี่ยนแฮนด์บาร์เป็นแฮนด์จับโช้ก และปรับดีไซน์เบาะนั่งใหม่ให้มีพนักสูงขึ้นมาเพื่อปรับให้รับกับท่าทางผู้ขี่ที่ต้องหมอบหลบลม, เปลี่ยนชุดล้อหน้า/หลังใหม่ ให้เป็นแบบอลูมินัมอัลลอยด์ที่น้ำหนักเบากว่าเดิม และมีขนาดหน้ากว้างรับกับยางสลิกคู่ใหม่,…
Author: admin
แม้อันที่จริง ภาพของ All-New Yamaha Exciter 150 จะหลุดออกมาได้พักใหญ่ และเราก้เห็นได้ชัดเจนว่าสภาพรถอยู่ในสระดับที่ค่อนข้างสมบูรณ์ราวกับว่าพร้อมวางจำหน่ายในเร็ววันนี้ แต่จากข้อมุลล่าสุดที่ผ่านมา กลับเป็นการยืนยันว่ามันจะไม่ถูกวางจำหนายในช่วง 4-5 เดือนนับจากนี้แน่นอน เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลจากสื่อเวียดนามซึ่งเป็นประเทศตลาดเป้าหมายหลักของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ในชื่อ MX King ที่ได้มีโอกาสเข้าสัมภาษณ์กับผู้บริหารของ Yamaha Vietnams แล้วได้คำตอบว่า All-New Exciter 155 – VVA ยังไม่พร้อมวางจำหน่ายในปี 2020 และอาจรวมถึงตอนต้นปี 2021 เป็นอย่างน้อย ซึ่งน่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลของสื่ออินโดนีเซีย คาดว่าส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะทาง Yamaha Vietnams ที่เป็นแม่งานหลักในการพัฒนา Exciter 155 โฉมใหม่ที่มีภาพหลุดออกมานั้น เกิดเปลี่ยนใจอยากปรับหน้าตาของมันใหม่อีกครั้ง จึงทำให้โปรเจ็กท์ของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ต้องล่าช้าออกไปอีกพักใหญ่ และทั้งนี้ตัว Exciter 150 โฉมปัจจุบันก็พึ่งทำตลาดได้เพียง 2 ปี นิดๆเท่านั้น ทางค่ายจึงไม่จำเป็นต้องรีบปรับโฉมมันเร็วขนาดนั้นแต่อย่างใด นอกนั้นทางผู้บริหารก็ไม่ได้มีการกล่าวเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้นว่าพวกเขาจะปรับเปลี่ยนสเปคของตัวรถใดๆอีกบ้าง…
Yamaha XT500 ถือเป็นเอนดูโร่ไบค์ที่ประสบความสำเร็จพอสมควรในช่วงที่มันยังทำตลาดอยู่ (ช่วงปี ค.ศ.1976 – ค.ศ.1989) ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่ทางค่ายจะอยากทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี่้เพื่อย้อนตำนานอีกครั้ง ทว่าการกลับมาในครั้งนี้ขอมันกลับมีความแตกต่างไปจากเดิมพอสมควรเพราะขุมกำลังที่ใช้ จะเป็นขุมกำลังพลังน้ำ ! ใช่ครับ สำหรับคอนเซปท์ของ XT500 โฉมใหม่ที่ทาง Yamaha ได้ออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 2016 นั้น จะมาพร้อมกับจุดเด่นคือขุมกำลังพลังน้ำ ที่อาศัยหลักการปั๊มน้ำกับอากาศเข้าออกสลับไปมาในเสื้อสูบทั้ง 2 ฝั่งแบบระบบปิด (แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสิ่งที่ต้นกำเนิดพลังทำให้ปั๊มดูดน้ำไปมาจนส่งกำลังไปยังล้อหลังได้คืออะไร) ซึ่งในเบื้องต้นพวกเขาก็เคลมว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาทั้งเสียง และมลพิษได้อย่างหมดจด แถมยังสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องพักเติมน้ำมันเลยนั่นเอง นอกนั้นในส่วนหน้าตาของมันจะมีความล้ำสมัยสะดุดตากว่าใครตามคุณสมบัติพื้นฐานของคอนเซปท์ไบค์ที่ต้องออกแบบให้เว่อร์วังไว้ก่อน ทั้งระบบบังคับเลี้ยวที่ใช้ระบบบังคับเลี้ยวล้อหน้าแบบพิเศษ, ระบบกันสะเทือนล้อหลังแบบสวิงอาร์มแขนเดี่ยว, ระบบเบรกหน้าแบบดิสก์คู่, และดีไซน์ของชุดเฟรมกลางที่ดูปราดเปรียว และโฉบเฉี่ยวล้ำสมัยสุดๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ถือว่าเป็นอีกไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับเจ้า 2025 Yamaha XT500 H2O คันนี้ แต่ถ้าหากถามว่ามีโอกาสเกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น เราก็คงเรียนตามตรงว่าเป็นไปได้น้อยมากๆ เนื่องจากเทคโนโลยีต่างในปัจจุบันที่มีอยู่ตอนนี้ ยังอีกไกลที่จะสามารถต่อยอดให้รถมอเตอร์ไซค์คันนี้พร้อมขายจริงได้ในเ้ร็ววันนั่นเอง อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ…
ผ่านเวลาไปมากกว่าครึ่งปี นับตั้งแต่ Aprilia Tuono 660 – Concept ได้ถูกเผยโฉมออกมาสู่สายตาชาวโลก แต่นับจากนั้นเราก็แทยไม่เห็นความเคลื่อนไหวใหม่ๆใดๆทั้งสิ้น นอกไปเสียจากหลักฐานล่าสุดที่เรากำลังจะให้เพื่อนๆได้ชม กับข้อมูลที่ระบุว่าแผนการวางจำหน่ายของมันจะเกิดขึ้นในปีหน้า และสำหรับหลักฐานใหม่ของ Tuono 660 นั้น ก็คือก็ภาพสิทธิบัตรเวอร์ชันเตรียมขายจริงของมันที่ทาง Aprilia ได้ยื่นเอาไว้ ซึ่งหากให้เทียบตัวรถในสิทธิบัตรคันนี้ กับตัวรถโฉมโปรโตไทป์เมื่อปลายปีก่อน ก็จะเห็นได้ว่ามันมีความคล้ายคลึงกันมาก ตั้งแต่ช่วงไฟหน้า, แฟริ่งหน้า, แฟริ่งข้างพร้อมวิงเล็ท 2 ชั้นซ่อนด้านใน, แฮนด์บาร์, และอกล่าง นอกนั้นในส่วนของ ถังน้ำมัน, ชุดเมนเฟรม, เครื่องยนต์, ท่อไอเสีย, และระบบกันสะเทือนกับระบบเบรกเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก เว้นเพียงลักษณะท่อไอเสียที่ถูกปรับดีไซน์ใหม่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับตัวรถโฉมที่เป็นคอนเซปท์ไบค์ ทั้งนี้ก็คาดว่าจะเป็นเพราะทาง Aprilia ตั้งใจให้มันสามารถช่วยในการเผาไหม้ไอเสียจากเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 660cc ที่มีแรงม้าราวๆ 100HP ได้ดีขึ้นจนผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro5 ได้ฉลุย ด้านกำหนดการเปิดตัว Aprilia Tuono 660…
ขณะที่เรายังคงต้องมารอดูกันอีกทีว่า 2021 Honda CBR600RR จะมีสเปคที่เปลี่ยนไปจากเดิมอะไรอีกบ้างนอกจากที่เราสามารถสังเกตได้จากในคลิปทีเซอร์เมื่อไม่กี่วันก่อน ล่าสุดเราก็มีข้อมูลใหม่มานำเสนอเพิ่มเติม ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะมันว่าด้วยเรื่องกลุ่มเป้าหมายของเจ้าซุปเปอร์สปอร์ตคันนี้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลโดยตรงจากทาง Honda Global ที่ระบุว่า แม้ในทีสุดพวกเขาจะเลือกกลับมาทำตลาด CBR600RR และปรับโฉมมันใหม่อีกครั้ง แต่ยังไงพวกเขาก็ “ไม่มีแผนที่จะวางจำหน่ายมันในยุโรป” แน่นอน ซึ่งทั้งนี้ก็คาดว่าจะเป็นเพราะ ถึงเจ้าซุปเปอร์สปอร์ตไบค์รุ่นนี้ จะถูกปรับดีไซน์ครึ่งหน้าใหม่ทั้งหมด แต่เครื่องยนต์ของมัน อาจจะไม่ได้ถูกปรับจูนใหม่จนผ่านมาตรฐานไอเสียสุดเข้มงวดในทวีปดังกล่าวได้เลยอยู่ดี นั่นก็เพราะถ้าหากเพื่อนๆยังจำกันได้ สาเหตุหลักที่ทำให้ CBR600RR โฉมปี 2012-2017 ต้องถูกประกาศยุติการทำตลาดในทวีปยุโรปไป เนื่องจากเครื่องยนต์ของมันไม่สามารถปรับจูนให้ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro4 ได้ ดังนั้นในเมื่อตอนนี้ เครื่องยนต์ของ 2021 CBR600RR ก็เห็นได้ชัดเจนว่ามันยังเป็นบล็อคเดิมกับตัวรถปี 2012 จึงทำให้ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะถูกปรับจูนให้ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro5 ได้ง่ายๆเนื่องจากต้องใช้งบในการวิจัยสูงมาก รวมถึงอาจจะทำให้กำลังสูงสุดของมันลดลงไปอีกพอสมควรด้วย ทั้งๆที่เท่าที่มีอยู่ในตอนแรกก็น้อยกว่าคู่แข่งทุกค่ายอยู่แล้ว นอกจากนี้หากมองไปที่เรื่องการแข่งขันในตลาด จากข้อมูลที่เราได้รับมา ระบุไว้ว่าในทวีปยุโรปนั้น ยอดขายของรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มซุปเปอร์สปอร์ตไบค์นี้ขายแทบไม่ได้เลย ยกตัวอย่างเช่นในประเทศอังกฤษ ที่…
จากพิษการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่จะทำให้ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกของแต่ละแบรนด์ต้องร่วงหนัก ซึ่งรายล่าสุดที่พึ่งเปิดเผยข้อมูลนี้ออกมานั้นก็เป็นทาง Ducati ที่ได้ระบุว่ายอดขายในครึ่งแรกปี 2020 ว่าร่วงหนักไปถึงเกือบ 1 ใน 4 เลยทีเดียวเมื่อเทียบกับยอดขายเมื่อครึ่งแรกปี 2019 จากตัวเลขที่ Ducati ได้เผยออกมานั้น ระบุว่ายอดขายรถมอเตอร์ไซค์ทุกประเภทของครึ่งแรกปี 2020 นั้น มียอดตกลงไปถึง -24.24% เมื่อเทียบกับยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ทุกประเภทของครึ่งแรกปี 2019 แต่ถ้าหากเจาะไปที่ยอดขายของรถมอเตอร์ไซค์แต่ละประเภทแล้วล่ะก็ จะพบว่ารถมอเตอร์ไซค์ในแนวดูอัลเพอร์โพสท์ หรือแนวซุปเปอร์โมโต ที่มี Hypermotard กับกลุ่ม Multistrada เป็นรุ่นวางจำหน่าย คือกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ที่มียอดขายร่วงหนักสุด เพราะยอดขายตกลงไปถึง -38.14% เมื่อเทียบกับยอดขายช่วงเดียวกันของเมื่อปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่หายไปมากกว่า -43.36% เลยทีเดียวหากเที่ยบกับยอดขายในไตรมาส 2 เมื่อปีก่อน ในขณะเดียวกันรถมอเตอร์ไซค์ที่มียอดขายร่วงน้อยที่สุด ก็จะเป็นกลุ่มเนคเก็ทไบค์ ที่ร่วงเพียง 7.87% เมื่อเทียบกันแบบครึ่งปีแรก 2020 กับครึ่งปีแรก 2019…
แม้ว่าในรอบ FP1 ของศึก CzechGP 2020 Fabio Quartararo จะกดเวลาได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ในรอบ FP2 ที่พึ่งจบไปไม่นานนัก กลายเป็นว่าเขาสามารถกดเวลาดีที่สุดในรอบนี้ได้ ด้วยสถิติเวลา 1’56.502 นาที พร้อมพ่วงทีมเมท Petronas Yamaha SRT อย่าง Franco Morbidelli ขึ้นมาเป็นอันดับสอง ด้วยตัวเลขเวลาช้ากว่าเพียง +0.007 วินาที และมี Miguel Oliviera จาก Red Bull KTM Tech3 ตามเข้ามาเป็นอันดับ 3 ด้วยเวลาช้ากว่าผู้นำ +0.048 วินาทีเท่านั้น โดยสำหรับผลเวลาการฝึกซ้อมรอบ FP2 ของศึก CzechGP 2020 ทั้งหมด มีรายละเอียดดังนี้ 1 : Fabio QUARTARARO…
แม้ว่าจะยังไม่ทันได้ส่งมอบเนื่องจากพึ่งประกาศเดินสายพานผลิตไปเมื่อเดือนพฤษภาคม แต่ MV Agusta Superveloce 800 ก็พึ่งถูกคอนเฟิร์มสเปคอย่างเป็นทางการของมันเมื่อคืนที่ผ่านมานี้เอง โดยสำหรับข้อมูลสเปคทางเทคนิคๆของ Superveloce 800 เวอร์ชันปี 2020/2021 ที่ทาง MV Agusta พึ่งคอนเฟิร์มออกมานั้น ก็ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือการที่มันเป็น F3 800 แต่ถูกนำมาเปลี่ยนไปใช้เปลือกนอกแบบใหม่ ให้กลายเป็นถมอเตอร์ไซค์แนวคาเฟ่ต์-เรซเซอร์ ทั้งการใช้แฟริ่งด้านหน้าแบบหัวกระสุน เสริมด้วยชั้นวิ่งเล็ทชิ้นเล็กบนวินชิลด์ และแฟริ่งด้านท้ายทรงตูดมด กับกระจกปลายแฮนด์, ไฟหน้า/ไฟท้ายโคมกลม (แต่หลอดข้างในเป็น LED เรียบร้อย), ช้อล้อหน้า/หลังอัลลอยด์แบบใหม่ และถังน้ำมันที่แม้จะมีดีไซน์เดียวกับ F3 แต่ก็มีการปรับลักษณะฝาถังกับเพิ่มเข็มขัดรัดถังเข้าไปเพื่อความร่วมสมัย นอกนั้นในส่วนของพาร์ทหลักๆ ด้วยความที่พื้นฐานจริงๆของมันคือ F3 800 ทำให้ขุมกำลังหลักของมันยังคงเป็นแบบ 3 สูบเรียง 798cc ที่สามารถทำแรงบิดสูงสุดอีก 88 นิวตันเมตร ที่ 10,600 รอบ/นาที กับกำลังได้สูงสุด 148…
“การกำคลัทช์เข้าโค้ง” ถือเป็นกรณีดราม่าอย่างมากบนโลกโซเชียลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีเพื่อนๆหลายคนที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ โดยที่ไม่ทราบเลยว่ามันเป็นลักษณะการขี่ที่ค่อนข้างอันตรายอย่างมากสำหรับการใช้งานถนนสาธารณะร่วมกับผู้อื่น รวมถึงตัวผู้ขี่เอง ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะขออธิบายให้เพื่อนๆจำนวน 14% จากโพลที่เราตั้งไว้บนแฟนเพจ MotoRival เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทราบกันสักหน่อยดีกว่าครับว่า การขี่รถด้วยลักษณะนี้ มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง ? ก่อนอื่น ความหมายของ “การกำคลัทช์เข้าโค้ง” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการกำคลัทช์เพื่อป้องกันรถดับตอนที่เลี้ยวในซอยเล็กๆ เลี้ยวรถในจังหวะต้องจอดเตรียมยูเทิร์น หรือ เลี้ยวในเวลารถติดๆที่ต้องค่อยๆคลาน เพราะเหตุการณ์นั้นต้องกำคลัทช์อยู่แล้ว เนื่องจากถ้าไม่กำ เครื่องยนต์จะดับเนื่องจากรอบเครื่องยนต์ต่ำเกินไปจนรถกระตุกดับ ซึ่งการกำคลัทช์เช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติและไม่ได้ผิดอะไร ทว่าด้วยความเข้าใจในลักษณะนี้ จึงทำให้อาจมีผู้ขี่รถมอเตอร์ไซค์บางท่าน คิดว่าถ้าหากเราขี่รถออกทริปแล้วไปเจอโค้งหักศอก หรือโค้งแคบๆจนต้องผ่อนคันเร่งหนักๆขึ้นมา ก็เลยกลัวว่าเครื่องยนต์จะดับเหมือนกรณีที่เรายกตัวอย่างไว้ข้างต้น จึงเลือกกำคลัทช์เข้าโค้งไปเลยทั้งอย่างนั้น ซึ่งนี่ถือเป็นความเข้าใจที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะถ้าหากเพื่อนๆกำคลัทช์ในโค้งที่ใช้ความเร็วระดับหนึ่ง จากตอนแรกที่เราควรจะมีแรงเอนจิ้นเบรกมาช่วยหน่วงล้อหลังเพื่อชะลอความเร็วรถให้เข้าโค้งได้อย่างที่ควรจะเป็น กลายเป็นว่าจะไม่มี Engine Brake เลย เนื่องจากเราไปกำคลัทช์จนตัดกำลังเหล่านั้นทิ้งไปทั้งหมดแล้ว ซ้ำร้ายกว่านั้นเมื่อไม่มีเอนจิ้นเบรกมาช่วยชะลอความเร็ว หน้ารถก็จะยิ่งไหลบานออกจากโค้ง (แหกโค้ง) ไปง่ายขึ้นด้วย เพราะไม่มีแรงฉุดจากล้อหลังมาดึงล้อหน้าให้เหวี่ยงเข้าตามไลน์โค้ง แต่พอเป็นเช่นนี้ เพื่อนๆหลายคนอาจจะคิดว่า ถ้างั้นก็ใช้วิธีคลอเบรกหลังเพื่อประคองรถแทนสิ ? ใช่ครับ จริงๆทริกนี้ก็เกิดขึ้นเพื่อใช้แก้ปัญหาอาการหน้าบานออกจากโค้ง…
ยังคงถูกเอามานำเสนอข้อมูลกันอยู่เรื่อยๆสำหรับข่าวคราวของ All-New Suzuki Hayabusa ที่สื่อญี่ปุ่นขยันเล่นข้อมูลกันซ้ำๆเหลือเกินว่ามันจะถูกเปิดตัวในสักวันตั้งแต่ช่วงปี 2018 และล่าสุดพวกเขาก็ออกมานำเสนออย่างคาดหวังอีกว่ามันจะต้องถูกเปิดตัวภายในปี 2021 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็แน่นอนว่าจะยังคงเป็นข้อมูลจาก Young-Machine เช่นเดิม ที่ได้นำเสนอรายละเอียดเอาไว้ว่า Hayabusa รุ่นที่ 3 ยังคงอยู่ในแผ่นการทำตลาดของทาง Suzuki เช่นเคย โดยแม้พวกเขาจะเคยระบุว่ามีโอกาสสูงมากที่มันจะได้รับการปรับปรุงพัฒนาชุดใหญ่ โดยเฉพาะการใส่ระบบอัดอากาศเข้าไปให้กับเครื่องยนต์บล็อคใหม่ของมันเพื่อท้าชนกับ Kawasaki Ninja H2 SX ที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ในตลาดสอปร์ต-ทัวร์ริ่งเช่นกัน แต่จากข้อมูลในช่วงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนวามันจะไม่ใช่เช่นนั้นอีกต่อไป เพราะสุดท้ายแล้ว Hayabusa โฉมใหม่จะใช้เครื่องยนต์บล็อค 4 สูบเรียงความจุ 1,400cc ที่พัฒนามาจากเครื่องยนต์ความจุ 1,340cc บล็อคปัจจุบัน และได้รับการติดตั้งชุดคันเร่งไฟฟ้า, ชุดเซนเซอร์วัดแรงเฉื่อย IMU, กับระบบ Cornering-ABS เป็นอย่างน้อยเพื่อให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ขณะที่น้ำหนักตัวรถก็จะถุกรีดให้เบากว่าเดิมแน่นอนเพื่อแก้ไขข้อด้อยเดิม ที่แม้ว่ารถจะมีพละกำลังมาก แต่น้ำหนักตัวก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความอุ้ยอ้ายในการพลิกเลี้ยวคันหนึ่งอยู่ดี แน่นอนว่าในเรื่องกำหนดการเปิดตัวของ 2021…