หลังประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน (เคอร์ฟิว) ที่ต้องให้ประชาชนอยู่ในเคหสถานของตนก่อน 22.00 น. – 04.00 น. มาเป็นระยะเวลาเกือบเดือน ล่าสุด เมื่อเวลา 9.00 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) ทางรัฐบาลได้มีการจัดประชุมเพื่อผ่อนปรนระยะที่ 2 และได้มีมติเห็นชอบร่วมกันหลายข้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการปรับเปลี่ยนเวลาเคอร์ฟิวจาก 23.00 น. – 04.00 น. สวนเวลาช่วงเช้าที่ประชาชนสามารถเดินทางออกจากเคหสถานได้ ยังคงเท่าเดิมคือเวลา 04.00 น. นอกนั้นยังมีการผ่อนปรนให้ธุรกิจศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ฯลฯ สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ด้วยช่วงเวลา 10.00 – 20.00 น. ขณะที่สถานออกกำลังกาย ในตอนนี้ยังสามารถเปิดให้บริการได้แค่บางประเภทเท่านั้น สำหรับฟิตเนสที่ผู้ใช้อาจใช้เครื่องเล่นใกล้กันยังไม่อนุญาตให้เปิดบริการ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและหวังว่าจะดีขึ้นกว่านี้ในเร็วๆนี้ครับ (แต่ยังไงก็อย่าฝ่าเคอร์ฟิวกันล่ะ) อ่านข่าวสาร มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ…
Author: admin
หากพูดถึงระบบคลัทช์ในรถมอเตอร์ไซค์ยุคปัจจุบัน เรามักจะเรียกแยกกันว่าระบบคลัทช์แมนวล ที่ต้องสั่งการด้วยมือของผู้ขี่เท่านั้น และรถคลัทช์ออโต้ ที่เราไม่ต้องคลอคลัทช์ใดๆขณะเปลี่ยนเกียร์ หรือเปิด/ปิดคันคันเร่ง เพียงสองอย่างเท่านั้น แต่อันที่จริงในกลุ่มรถคลัทช์ออโตเมติกนั้น ยังสามารถแยกออกได้อีกถึง 3 รูปแบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบบจะเป็นอย่างไรบ้าง เรามาดูกันเลยครับ 1. “CENTRIFUGAL-CLUTCH DESIGNS” หรือ “ระบบคลัทช์แรงเหวี่ยง” ซึ่งอันที่จริงระบบคลัทช์นี้มีใช้งานมานานแล้วในรถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านที่ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องมาพะวงกับการคลอคลัทช์หรือกำคลัทช์ใดๆ ขณะสับเกียร์ขึ้น/ลง หรือออกตัว รวมถึงชะลอรถ เนื่องจากระบบคลัทช์แรงเวี่ยงที่ว่านี้ จะทำงานตามรอบเครื่องยนต์ที่หมุนไป หากเครื่องยนต์หมุนเพียงแค่ในระดับรอบเดินเบา ตัวคลัชท์ก็จะไม่จับชามเพื่อไม่ให้มีแรงจากเครื่องยนต์ส่งไปที่ล้อ แต่ถ้าเปิดคันเร่งเมื่อไหร่ ตัวคลัทช์แรงเหวี่ยงก็จะกางออกไปจับชามที่หุ้มตัวมันเอาไว้ ส่งผลให้กำลังจากเครื่องยนต์ส่งไปยังชุดเกียร์ แล้วต่อลงชุดล้อในที่สุด 2. “Full-Automatics” ระบบคลัทช์และระบบส่งกำลังแบบนี้เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ CVT หรือ Continuously Variable Transmissions ซึ่งเราจะเห็นและคุ้นเคยกันอยู่แล้วในรถมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์ทั้งหลาย โดยประโยชน์ของมันก็แน่นอนนอกจากที่เราจะไม่ต้องมาคอยกำหรือคลอคลัทช์เพราะในตัวมันเองมีชุดคลัทช์แรงเหวี่ยงแล้ว ลักษณะการส่งกำลังที่เป็นแบบชุดพูลเลย๋หน้า/หลัง กับสายพานของมันยังถูกออกแบบให้เราไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ทีละขั้นเพื่อไต่ความเร็วอีกด้วย เพียงแค่เปิดคันเร่งระบบคลัทช์และระบบส่งกำลังแบบนี้ก็จะจัดการตัดต่อกำลังรวมถึงปรับอัตราทดของเกียร์อย่างต่อเนื่องให้โดยอัตโนมัติทั้งหมด เรียกง่ายๆว่าบิดอย่างเดียว ไม่ต้องมากำคลัทช์หรือสับเกียร์ใดๆทั้งสิ้น 3. “DUAL-CLUTCH MANUMATICS” ระบบเกียร์ DCT…
ชื่อของ AKO Trike อาจจะเป็นชื่อที่ใหม่ไปสักนิดเพราะพึ่งเปิดตัวเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แต่ถ้าหากเพื่อนๆได้รับทราบข้อมูลต่อจากนี้แล้ว เพื่อนๆอาจจะสนใจและเก็บมันไว้เป็นหนึ่งตัวเลือกในฝันก็ได้ เพราะเจ้ายานพาหนะ 3 ล้อไฟฟ้าคันนี้ ไม่ได้มีเพียงหน้าตาที่ดูล้ำสมัยกว่าใครเพื่อนเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมชุดมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำแรงม้าได้สูงไม้แพ้สปอร์ตคาร์แท้ๆบางคันเสียอีก โดยสำหรับข้อมูลในเบื้องต้น ทาง AKO ได้ระบุไว้วา คอนเซทป์ยานพานะคนใหม่ล่าสุดที่พวกเขาพึ่งเปิดตัวนี้ จะมาพร้อมกับระบบกลไกบังคับเลี้ยมที่ไม่เหมือนกับรถ 3 ล้อทั่วๆไป เพราะตัวล้อคู่หน้าของมัน จะไม่ใช่แค่สามารถหักเลี้ยวจากซ้ายไปขวาได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถเอียงรับกับองศาการเข้าโค้งเพื่อต้านแรงเหวี่ยงซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับที่ Yamaha ใช้ใน Tricity หรือ Niken ไม่เพียงเท่านั้นหากมองจากตัวรถ Prototype ที่อยู่ในคลิปนี้ เพื่อนๆจะเห็นว่าพวงมาลัยของมันนั้นค่อนข้างแปลกไปจากรถยนต์ทั่วๆไปพอสมควร เพราะถ้าดูจากรูปทรงแล้ว มันกลับเหมือนกับที่รถมอเตอร์ไซค์แนวแดรกไบค์แท้ๆในสนมใช้กันมากกว่า เนื่องจากมีลักษณะเป็นแฮนด์บาร์งุ้มลงมาข้างล่าง ซึ่งใช่ครับ ทั้งคันเร่ง และตัวก้านเบรกเองก็ถูกนำมาไว้ที่แฮนดบาร์ตรงนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้ที่เป็นผผู้พิการไม่สามารถใช้ขาได้ ก็สามารถขับขี่เจ้า AKO Trike ได้เช่นกัน เนื่องจากระบบสั่งการตัวรถถูกย้ายมาไว้ที่พวงมาลัยทั้งหมดแล้ว ส่วนจุดเด่นอื่นๆที่น่าสนใจของเจ้านี่ ก็ยังมีในเรื่องของชุดมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถปั่นแรงม้าสูงสุดได้ถึง 200 กิโลวัตต์ หรือราวๆ 268…
ยังคงมีข้อมูลทยอยหลุดออกมาเรื่อยๆสำหรับ Bimota KB4 ที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน มันพึ่งมีภาพในสตูดิโอหลุดออกมา และล่าสุดเราก็มีภาพตัวรถคันจริงมานำเสนอให้เพื่อนๆได้รับชมกันเพิ่มอีกครั้งหลังมีบุคลากรภายในแอบถ่ายเอาไว้แล้วเผลอปล่อยออกมาแบบงงๆ โดยสำหรับภาพตัวรถ KB4 ที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่ในขณะนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นตัวรถที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เพราะมีการใส่แฟริ่งที่เป็นทรงนีโอ-เรโทร คาเฟ่ต์ไว้ครบตั้งแต่หัวจรดท้ายแล้ว เหลือเพียงแค่การแปะสติ๊กเกอร์ลวดลายต่างๆลงไป กับใส่เบาะนั่ง (หรือเบาะนั่งจะเป็นสีขาว ?) นอกนั้นในเรื่องส่วนควบต่างๆก็ติดตั้งมาให้ครบครันเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบกันสะเทือนหน้า/หลัง, ชุดล้อ, ชุดเบรก, ชุดแฮนด์บาร์และก้านเบรก/ก้านคลัทช์ ขณะในฝั่งของเครื่องยนต์ที่ถูกระบไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นบล็อค 4 สูบเรียง 1,043cc ลูกเดียวกับ Ninja 1000 / Z1000 นั้น ณ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลใหม่ใดๆออกมาเพื่อระบุว่ามันจะได้รับการปรับจูนไส้ในใหม่หรือไม่เพื่อให้เข้ากับ Bimota KB4 แต่หากอิงจากแนวโน้มการเอาเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์คันอื่นๆมาใส่ในผลิตภันฑ์ตนเองในครั้งผ่านๆมาของ Bimota แล้ว เต็มที่ก็จะมีแค่การปรับเพิ่มแรงม้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือไม่ก็เท่าๆเดิม ไม่มีทางปรับลงแน่นอน แต่มันจะยังเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ สิ้นปีนี้ รอชมตัวจริงกันได้เลยครับ อ่านข่าว Bimota เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว…
ขณะที่บ้านเรายังต้องรอดูกันอยู่ว่าเมื่อไหร่กัน 2020 Honda CBR1000RR-R คันจริงจะพร้อมเปิดตัวในไทยเสียที ล่าสุด กลายเป็นว่าทาง TAMIYA แบรนด์ผู้ผลิตโมเดลของเล่นจากญี่ปุ่นเจ้าดัง กลับได้เปิดตัวโมเดลจำลองของเจ้าซุปเปอร์ไบค์คันนี้ออกมาเป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้เหล่านักสะสมโมเดลได้ซื้อหากัน โดยสำหรับโมเดล CBR1000RR-R SP by TAMIYA นี้ จะเป็นโมเดลขนาด 1/12 ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานสำหรับโมเดลรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งถ้าหากประกอบเสร็จแล้วมิติโมเดลนี้ก็จะอยู่ที่ 176 มิลลิเมตร ในด้านยาว, 68 มิลลิเมตร ในด้านกว้าง, และ 96 มิลลิเมตร ในด้านสูง ส่วนรายละเอียดโมเดลนั้นก็ถือว่าจัดเต็มสุดๆตามชื่อ TAMIYA เพราะพวกเขาเก็บลักษณะเด่นตัวรถมาไว้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์, หม้อน้ำ, เฟรม, ถังน้ำมัน, หม้อกรอง, ครอบถัง, ชุดโคมไฟรอบคัน ยันไฟเลี้ยว, และจุกจิกอื่นๆอีกมากมายไม่เว้นแม้ต่ตูดมด และเช่นเคยเพื่อให้ตัวโมเดล 2020 Honda CBR1000RR-R By Tamiya สมจริงไปอีกขั้น…
ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ร่วมผนึกกำลังในโครงการ “มอไซค์ฮอนด้า ปันน้ำใจ ใส่ตู้กับข้าว” อย่างเต็มกำลังจนสามารถจัดทำตู้ปันสุขได้ครบทุกจังหวัดรวมแล้วถึง 622 ตู้ กลายเป็นศูนย์กลางของการแบ่งปันอาหารให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างทั่วถึง ดร. อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “หลังจากที่เราได้เริ่มต้นโครงการมอไซค์ฮอนด้า ปันน้ำใจ ใส่ตู้กับข้าว ไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศต่างร่วมใจกันตั้งตู้ปันสุขที่หน้าร้านกันจนครบทั้ง 77 จังหวัด และมีจำนวนตู้มากถึง 622 ตู้ มากกว่าเป้าหมายตอนแรกที่เราตั้งไว้ที่ 500 ตู้ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงน้ำใจ และความตั้งใจของร้านผู้จำหน่าย ฯ ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือสังคมในยามที่เกิดวิกฤตการณ์ ด้วยการเป็นศูนย์กลางของการให้และการรับ” “ที่สำคัญที่สุด ฮอนด้าต้องขอขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ได้นำของมาบริจาคให้กับตู้ปันสุขในโครงการนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้ตู้ที่หน้าร้านผู้จำหน่าย ฯ ทุกแห่งมีอาหารและของใช้ที่จำเป็นวางอยู่ในตู้ตลอดเวลา ทำให้ผู้ยากไร้ได้แวะเวียนมาอย่างต่อเนื่อง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการของเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้คนไทยผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปได้” นางสาวนันทนัท ฐกัดกุล ผู้บริหารจากบริษัท สานต่อยานยนต์…
ย้อนไปเมื่อวันที่ 24 กันยายน ปี ค.ศ. 1948 ถือเป็นวันแรกที่บริษัท Honda ก่อตั้งขึ้น ซึ่งนับจากนั้นจนวันนี้ก็ผ่านไป 72 ปีแล้วที่บริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่รายนี้ได้ถือกำเนิดขึ้น ดังนั้นเพื่อฉลองวาระครบรอบ 70 ปี ทาง Honda Switzerland จึงได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษออกมานั่นก็คือเจ้า Honda CB1000R – 70th SWISS Limited Edition ที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่ในตอนนี้ และด้วยความที่ CB1000R คันนี้ คือรถที่ออกแบบโดยชาวสวิตเซอร์แลนด์ จึงทำให้เฉดสีของมันนั้นถูกปรับเปลี่ยนใหม่ให้มีความคล้ายสีของช็อคโกแลตเล็กน้อย (ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่) เพราะตัวสีดำที่ถูกพ่นลงไปใหม่บนบังโคลนหน้า, ถังน้ำมัน, และครอบเบาะตูดมดด้านท้ายนั้นเป็นสีแบบ High-Gloss ที่มีการเพิ่มเกล็ดที่ทองแดงเข้าไปเพื่อให้มันเกิดแสงสะท้อนและทำให้ตัวรถดูมีมิติมากขึ้น ส่วนตัวแผ่นอลูมิเนียมที่เป็นการ์ดหม้อน้ำไปในตัว ก็จะถูกทำสีเทาเข้มด้วยวิธีอโนไดซ์ซึ่งทำให้สีเกาะอยู่กับชิ้นส่วนนี้นานและทนทานยิ่งขึ้น ซึ่งอันที่จริงตัวฝาครอบกรองอากาศที่เห็นเป็นสีทองแดงและมีหมายเลข 70 สกรีนอยู่เองก็ถูกทำสีด้วยกรรมวิธีนี้ นอกนั้นก็มีการเสริมของแต่งจุกจิกเล็กน้อยเข้าไปอีกหลายจุด ทั้งท่อไอเสียไทเทเนียมที่มีการเลเซอร์สัญลักษณ์ CB1000R ลงไปจาก Akrapovic, ชิลด์หน้าชิ้นจิ๋วประทับตรา “70th”,…
ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Ducati Panigale ได้รับการปรับโฉมอยู่เรื่อยๆ แต่ในฝั่ง Ducati Scrambler ที่เปิดโฉมมานาน กลับมีเพียงแค่การเปลี่ยนสี หรือเสริมแต่งเปลือกนอกให่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีการปรับใหญ่ใดๆเลยทั้งสิ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทว่าในเร็วๆนี้มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปเสียแล้ว ? โดยสำหรับภาพด้านบนสุดที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่ในตอนนี้ คือภาพคอนเซปท์ของ All-New Scrambler ที่ Peter Harkins นักศึกษาจากสถาบันการออกแบบในอิตาลี ArtCenter ได้ทำเอาไว้ และจุดสำคัญก็อยู่ตรงที่ นี่คืองานออกแบบที่ทำให้ Ducati Design Center ซึ่งเป็นฝ่ายออกแบบของค่าย เลือกให้ Peter สามารถเข้าไปฝึกงานกับบริษัทได้ รวมถึงอาจจะนำเอางานออกแบบนี้ไปต่อยอดเป็น Scrambler ตัวขายจริงอีกด้วย ส่วนจุดเด่นหลักๆของ Scrambler Concept นี้ ก็คงต้องเริ่มจากการที่ Peter ได้ลบเอาภาพลักษณ์เดิมๆที่ตัวรถจะต้องมากับชุดโครงเหล็กท่อกลมถักทิ้งไป แล้วแทนด้วยการออกแบบชุดเฟรมให้เป็นแบบโครงอัลลอยด์ถัก ที่ดูร่วมสมัยและสวยงามกว่าแทน นอกนั้นในส่วนของชุดถังน้ำมัน กับเบาะนั่งก็ยังคงอิงเส้นสายเดิมกับ Scrambler รุ่นปัจจุบัน แต่มีการปรับรายละเอียดใหม่ให้มีความลื่นไหลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น ขณะที่ชุดไฟหน้าก็ตีความใหม่…
ยังคงมีการประกาศปรับกติกาสำหรับการแข่งขัน MotoGP ปี 2020 ออกมาเรื่อยๆในช่วงนี้ เพื่อให้แผนการจัดงานดำเนินไปได้อย่างเข้ากับสถานการณ์มากที่สุด ซึ่งในข้อมูลใหม่ที่เราได้รับมานั้น ก็ว่าด้วยเรื่องของการตัดสิทธิ์ตั๋วไวล์การ์ด สำหรับนักบิดทดสอบของแต่ละทีมในการแข่งขันปีนี้ โดยจากการประกาศของ MMSA หนึ่งในคณะกรรมการของ MotoGP ได้ระบุไว้ว่า สำหรับการแข่งขันปีนี้ จะอนุญาตให้เฉพาะนักบิดหลักเท่านั้นที่สามารถลงแข่งได้ ทั้งนี้ก็เพื่อลดจำนวนผู้เข้าร่วมการแข่งขันให้น้อยที่สุด ตามมาตรการความปลอดภัยและลดความเสี่ยงการระบาดเชื้อ COVID-19 ระหว่างบุคลากรของทีมแข่งและเจ้าหน้าที่นั่นเอง นั่นจึงหมายความว่า แม้ก่อนหน้านี้ Jorge Lorenzo จะเคยให้สัมภาษณ์ว่าจริงๆตนเองก็อยากจะลงแข่งกับ Yamaha YZR-M1 ในปีนี้ แต่มันก็กลายเป็นเพียงความต้องการที่ดับลงไปแล้วเรียบร้อยสำหรับปี 2020 ไม่เพียงเท่านั้นนักบิดมือทดสอบของค่ายอื่นเองก็หมดสิทธิ์แข่งขันด้วยเช่นกัน ทั้ง Stefan Bradl (Honda), Michele Pirro (Ducati), Sylvian Guintoli (Suzuki), Dani PEdrosa (KTM), และ Bredley Smith กับ Lorenzo Savadori…
ศึกสองล้อระดับโลก โมโตจีพี เผยไลน์อัพยอดนักบิดที่จะลงทำการแข่งขันแบบเสมือนจริง MotoGP Virtual Race สนามที่ 4 นำทัพโดยสองพี่น้องแชมป์โลกจากทีมแข่งเรปโซล ฮอนด้า มาร์ค และ อเล็กซ์ มาร์เกซ ควงคู่นักบิดเลือดซามูไร ทาคาอากิ นาคากามิ จากแอลซีอาร์ ฮอนด้า อิเดมิตสึ พร้อมประเดิมรุ่น MotoE เป็นครั้งแรก เตรียมถ่ายทอดสดความเร้าใจ วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคมนี้ เวลา 20.00 น. ตามเวลาในไทย เกมดวลความเร็วออนไลน์ MotoGP Virtual Race เดินหน้าจัดการแข่งขันมาถึงสนามที่ 4 ในสุดสัปดาห์นี้ โดยเตรียมตัดสินผู้ชนะบนสังเวียน มิซาโน เวิล์ด เซอร์กิต ประเทศอิตาลี ซึ่งครั้งนี้เพิ่มความตื่นเต้นยิ่งขึ้นด้วยการดึงยอดนักบิดจากศึกโมโตอี (MotoE) มาร่วมสร้างสีสันเป็นครั้งแรกอีกหนึ่งรายการ สำหรับรายชื่อนักบิดในรุ่นใหญ่อย่างโมโตจีพี ที่จะเข้าร่วมชิงเจ้าความเร็วบนหน้าจอ ยังคงนำทัพโดย “มาร์เกซบราเธอร์”…