หลังเผยโฉมในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อปลายเดือนตุลาคม ต่อมาในงาน Motor Expo 2019 ทั้ง Kawasaki Z H2 และ Ducati Streetfighter V4 ต่างก็พากันถูกนำมาเปิดตัวในงานมหกรรมครั้งนี้เพื่อจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็ฯทางการด้วย ดังนั้นไหนๆ มันก็เป็นสองเนคเก็ทไบค์เรือธงที่จะลงสู้ในตลาดเดี่ยวกันแล้ว เราจึงขอนำสเปคของมันมาเทียบกันหน่อยดีกว่าครับ เครื่องยนต์ Kawasaki Z H2 : 4 สูบเรียง / 4 วาล์วต่อสูบ / DOHC / ระบายความร้อนด้วยน้ำ / 998cc Ducati Streetfighter V4 S : V4 สูบ / 4 วาล์วต่อสูบ / Desmodromic Valve / ระบายความร้อนด้วยน้ำ / 1,103cc…
Author: admin
หลังมีเพียงข้อมูลจากสื่อวงในด้วยกันเองมานาน ว่า MV Agusta จะเตรียมลุยตลาดรถมอเตอร์ไซค์ระดับ Entry Bike ในเร็วๆนี้ ล่าสุดทาง CEO คนล่าสุดก็ได้ออกมาให้การยืนยันเองเสียทีว่าแผนนี้เป็นเรื่องจริง และแผนการไปถึงไหนบ้างแล้ว เกี่ยวเรื่องนี้ Timur Sardarov บอสใหญ่ชาวรัสเซียได้เปิดเผยว่า “MV Agusta จะเข้าร่วมตลาดมอเตอร์ไซค์ที่มีการแข่งขันใหญ่ที่สุดในโลก, ซึ่งก็คือตลาดมอเตอร์ไซค์พิกัด 350cc-500cc”, “เราจะสร้างรถเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า แต่มีพละกำลังสูง ด้วยเทคโนโลยีที่มี”, “เราจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 350cc ลูกใหม่, เรามีมันอยู่ในมือ และมันคือเครื่อง 2 สูบ, ดังนั้น เรากำลังจะมีเครื่องยนต์ 2 สูบ (เรียง) 350cc” นอกจากนี้ ด้วยเป้าหมายที่ Sardarov ต้องการอยากจะให้ MV Agusta 350cc คันนี้ เป็นรถที่เหมาะแก่การใช้งานในชีวิตประจำวัน ดังนั้นทางสื่อต้นทางจึงคาดว่าพวกเขาอาจะทำมันในเวอร์ชันครุยเซอร์ หรือ แอดเวนเจอร์ไบค์ด้วยก็ได้ ขณะที่ราคาก็จะถูกบีบลงเพื่อให้เจาะตลาดวัยรุ่นได้มากขึ้น…
ในงานเปิดตัวรถใหม่ของ Yamaha Indonesia เมื่อวานนี้ นอกจากพวกเขาจะเปิดตัว 2020 Yamaha Nmax 155 ที่ได้รับการปรับโฉมทั้งเปลือกนอกและเสริมฟังก์ชันภายในเพิ่มเติมแล้ว พวกเขายังทำารเปิดตัว All-New Yamaha WR155 รถมอเตอร์ไซค์แนวดูอัลเพอร์โพสพิกัด 150cc คันใหม่จากทางค่ายออกมาด้วย ด้วยความที่เป็น Enduro Bike ดังนั้น เรื่องระบบไฟ WR155 จะให้เป็นหลอดไส้รอบคัน สำหรับข้อมูลของ All-New WR155 นั้น ถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ทาง Yamaha ทำขึ้นใหม่แทบทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ชุดเฟรมแบบเปลคู่ ที่สร้างขึ้นมาเฉพาะ ด้านระบบกันสะเทือนคู่หน้าแบบตะเกียบคู่หัวตั้งขนาดแกน 41 มิลลิเมตร, โช้กหลังเดี่ยวช่วงยุบยาว ปรับ Preload ได้ มาพร้อมกับสวิงอาร์มเหล็กกล่อง และกระเดื่องทดแรง ระบบเบรกดิสก์เดี่ยวทั้งด้านหน้าขนาด 240 มิลลิเมตรและด้านหลังขนาด 220 มิลลิเมตร, ชุดมาตรวัดฟูลดิจิตอล ส่วนจุดเด่นที่ถือว่าเป็นไม้เด็ดไว้สู้กับคู่แข่งคันอื่นๆจริงๆของ WR155…
หลังเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันก่อน ตอนนี้เรจะขอพาเพื่อนๆมาทวนจุดเด่นของ 2020 Yamaha Nmax 155 กันอีกครั้ง เพื่อดูว่ามันจะมีจุดเปลี่ยนอะไรที่ต่างไปจาก Nmax โฉมก่อนหน้ากันบ้าง โดยหากกล่าวถึงรูปลักษณ์ภายนอก 2020 Nmax นั้นจะมาพร้อมกับเส้นสาย กับไฟหน้าที่ยังคล้ายเดิมแต่ถูกปรับใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นเหมือนอย่างพี่ๆตระกูล Max รุ่นอื่นๆ โดยเฉพาะกับไฟท้ายที่ดูคล้ายกับของ Xmax มากขึ้น แถมยังใช้หลอดด้านในเป็นแบบ LED แล้วเรียบร้อย ด้านชุดหน้าจอมาตรวัดก็เปลี่ยนเป็นแบบ LCD ทรงเหลี่ยม สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านสัญญาณบลูทูธ ด้วยระบบ Y-Connect เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันการรับสายโทรศัพท์, และข้อความ กับระบบกุญแจ Smart Key (Keyless) ซึ่งเป็นออพชันเฉพาะในรุ่นมีระบบ ABS เท่านั้น ขณะที่ พอร์ทชาร์จไฟอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, กับแทร็คชันคอนโทรล ซึ่งเป็นการติดตั้งครั้งแรกรถมอเตอร์ไซค์สกูตเตอร์ระดับ 150cc นั้นก็เป็นออพชันพื้นฐานทั้งรุ่นมีและไม่มีระบบ ABS ฝั่งเครื่องยนต์ ยังคงเป็นบล็อคสูบเดียว พิกัด 155cc พ่วงระบบวาล์วแปรผัน…
อย่างที่เราได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ ว่าในวันจันทร์ ที่ 2 ธันวาคม ทาง Yamaha ประเทศอินโดนีเซีย มีแผนที่จะเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ในบ้านตนเอง ซึ่งผลสรุปว่ามันก็คือเจ้า Yamaha Nmax รุ่นปรับโฉมที่มีข่าวมานานนั่นเอง โดยหากกล่าวถึงรูปลักษณ์ภายนอก 2020 Nmax นั้นจะมาพร้อมกับเส้นสาย กับไฟหน้าที่ยังคล้ายเดิมแต่ถูกปรับใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นเหมือนอย่างพี่ๆตระกูล Max รุ่นอื่นๆ โดยเฉพาะกับไฟท้ายที่ดูคล้ายกับของ Xmax มากขึ้น รวมถึงชุดหน้าจอมาตรวัดก็เปลี่ยนเป็นแบบ LCD ขนาดใหญ่ และสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านสัญญาณบลูทูธ เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันการรับสายโทรศัพท์ และระบบข้อความเป็นต้น ด้านเครื่องยนต์น่าเสียดายที่เรายังไม่สามารถหาข้อมูลความเปลี่ยนแปลงที่แน่ชัดได้ในตอนนี้ นอกเสียจากในเรื่องของระบบ Smart Motor Generator ที่ปรับให่ให้สามารถทำงานได้อย่างเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น (เหมือน Grand Filano Hybrid) ขณะที่ระบบกันสะเทือนก็มีการเซ็ทติ้งใหม่ด้วยเช่นกัน (ส่วนที่เห็นเป็นกระปุกแก๊สด้านหลังนั้นจะเป็นออพชันที่มีมาให้อยู่แล้วสำหรับ Nmax ในอินโดนีเซียตั้งแต่โฉมแรก) ด้านราคาสำหรับจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียของ 2020 Yamaha Nmax ก็อยู่ที่ราวๆ 64,000 บาท…
ขณะที่กำหนดการเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการของ Kawasaki ZX-25R ยังคงต้องรอกันไปยาวๆจนกว่าจะถึงช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า ข่าวคราวของ Honda CBR250RR ที่ทางค่ายปีกนกหมายมั่นปั้นมือให้เป็นราชันย์สปอร์ตเรพลิก้าไบค์พิกัด 1/4 ลิตร ก็เริ่มมีออกมาให้พูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงขั้นที่ว่า พวกเขาอาจไม่ได้แค่ปรับเล็กรับรับคู่แข่งคันใหม่ แต่เตรียมปรับใหญ่ใส่เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงมาให้เช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังคงเป็นสื่อญี่ปุ่นเจ้าเดิม ที่ระบุว่าพวกเขาได้มีโอกาสคุยกับผู้บริหารคนหนึ่งของ Honda Japan เกี่ยวกับ ZX-25R ก่อนเปิดตัวขายจริง ว่าทางค่ายจะทำอย่างไร หากสปอร์ตเรพลิก้าไบค์ 1/4 ลิตรของค่ายเขียวมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงจริง ซึ่งผู้บริหารคนดังกล่าวก็ตอบกลับว่า หากเป็นเช่นนั้น ทางบริษัทตนเองก็พร้อมที่จะพัฒนาเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ‘อีกครั้ง’ (เพราะเคยมีมาแล้วก่อนหน้านี้ช่วงปี 90’s) เพื่อสู้กลับเช่นกัน นอกจากนี้ในข้อมูลอัพเดทล่าสุดนั้น ทางสื่อฝั่งประเทศอินโดนีเซียเองก็ยังระบุอีกว่า เจ้า Honda CBR250RR ขุมกำลัง 4 สูบเรียงรุ่นใหม่นั้น อาจจะเปิดตัวในช่วงปี 2022…
กลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เริ่มเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับทาง Aprilia ที่ล่าสุดได้มีการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์คอลลเคชันใหม่ ซึ่งก็คือ RSV4 RR และ Tuono 1100 รุ่น Misano Edition ที่ผลิตขึ้นเป็นจำนวนจำกัดเพียงไม่กี่คันบนโลกเท่านั้นออกมา สำหรับที่มาของ RSV4 RR – Misano Edition และ Tuono 1100 – Misano Edition นั้นก็มีอยู่ว่า มันถูกทำขึ้นมาเพื่อฉลองให้กับสนาม Misano Circuit ซึ่งเปรียบเสมือนสนามบ้านเกิดของตน และเป็นการหวนรำลึกให้กับ Loris Reggiani แชมป์สนามศึก MisanoGP คนแรกของทางค่ายที่เคยทำผลงานเอาไว้เมื่อปี 1987 ส่วนการตกแต่งของตัวรถขุมกำลัง V4 – Misano Edition ของ Aprilia ที่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากตัวปกติที่สุดก็แน่นอนว่าจะเป็นเรื่องของลวดลายที่ทำสีกราฟฟิกมาเป็นลายธงชาติอิตาลี เขียว/ขาว/แดง แถมยังมีการทำลายตัวอักษร “A” ซึ่งเป็นตัวอักษรตัวแรกของแบรนด์ และเป็นลายทีมแข่งดั้งเดิมที่ใช้มาแต่ไหนแต่ไร…
ย้อนไปช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทาง Limberger ได้เปิดตัวชุดพาร์ทคาร์บอนสำหรับ 2019 BMW S1000RR ออกมาเป็นครั้งแรก ทว่ามันยังเป็นเพียงชุดพาร์ทที่เอาไว้ใช้กับรถเดิมๆสำหรับวิ่งถนนหลวงเท่านั้น และในวันนี้พวกเขาก็ได้ปล่อยภาพ “ชุดแฟริ่งสนาม” ของเจ้าฉลามรุ่นใหม่คันนี้ออกมาเพื่อเติม สำหรับสายซิ่งวิ่งเซอร์กิตทั้งหลายเสียที โดยสำหรับราคาในแบบไม่รวมภาษีของชุดแฟริ่งสนาม 2019 S1000RR นี้ก็จะเริ่มตั้งแต่ราวๆ 3,000 บาท ในส่วนของชุดครอบถังชิ้นกลาง และพร้อมขยับขึ้นไปสูงถึงราวๆ 63,000 บาทในส่วนของชิ้นแฟริ่งข้าง ซึ่งถือเป็นชิ้นที่ใหญ่ที่สุุดของรถหนึ่งคัน โดยหากผู้ใช้ติดตั้งชุดพาร์ททั้งหมดที่ว่านี้แล้ว อัตราส่วนน้ำหนักที่หายไปเมื่อเทียบกับชุดแฟริ่งโรงงานเดิมๆที่ถูกถอดทิ้งไปก็จะอยู่ที่ราวๆ 70% เลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น การออกแบบชุดแฟริ่งสนามโดย Limberger นี้ ยังเป็นโปรเจ็กท์ที่พวกเขาทำร่วมกันกับ Alpha Project ผู้ถนัดในการทำพาร์ทแต่งสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ของ BMW ซึ่งสิ่งที่พวกเขาออกแบบแล้วดูจะเข้าท่าและสายซิ่งทั้งหลายไม่น่าพลาดที่สุดก็คือ ชุดหม้อน้ำกับแผงออยคูลเลอร์ ที่ช่วยลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 4.3 กิโลกรัม สเปคเดียวกับตัวแข่ง WSBK ทว่าราคาแบบไม่รวมภาษีของมันก็แตะหลักราวๆ 99,500 บาท เข้าไปแล้ว งานนี้หากเพื่อนๆคนไหนจับจอง 2019…
บริษัท ไดนามิค มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์ Lambretta (แลมเบรตต้า) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดเซอร์ไพร์สเปิดตัวรถรุ่น V200 Stype ครั้งแรกในโลก! ในงาน Motor Expo 2019 [TIME2019] (มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 36) คุณ กวิน ร่วมใจพัฒนกุล กรรมการบริหาร ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท ไดนามิคมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “หลังจากที่เราได้เปิดตัวแบรนด์ Lambretta (แลมเบรตต้า) กับการนำเข้ามาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยกันครั้งแรกเมื่องาน Motor Expo ในปีที่แล้ว ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนมาในปีนี้ เราก็คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีกันอีกเช่นเคย ซึ่งในงานครั้งนี้ เราได้เตรียมความพิเศษมาให้ทุกท่านด้วยการเปิดตัวรถรุ่น V200 Stype ที่ถือเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นพิเศษในซีรี่ย์ V-Special โดยในส่วนของการออกแบบรถรุ่นนี้ ได้มีการหยิบยกเอาตำนานอันโด่งดังของรถรุ่น Lambretta…
แม้ว่า Kawasaki ZX-25R จะถูกเผยโฉมออกมาแล้วเป็นที่เรียบร้อยในงาน Tokyo Motor Show 2019 ทว่ามันกลับเป็นแค่การเปิดตัวแบบ Pre-Launch เท่านั้น ไม่ใช่การเปิดตัวพร้อมขายจริงแต่อย่างใด เนื่องจากสเปคของตัวรถยังไม่นิ่งเท่าไหร่นัก และมีแค่เพียงสเปคคร่าวๆที่เราเห็นได้จากป้ายข้างรถซึ่งบอกแค่ว่ามันใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 249cc กับได้รับการติดตั้งระบบควิกชิฟท์เตอร์และแทร็คชันคอนโทรลมาเป็นจุดขายหลักเท่านั้น และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เรามักเห็นข่าวคราวว่า ZX-25R จะยังคงไม่ถูกวางขายภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากสเปคตัวรถยังไม่นิ่งอยู่เรื่อยๆ (ไม่ใช่เพราะผู้บริหารตั้งใจดึงเช็ง) โดยในฝั่งของประเทศอินโดนีเซียก็มีสื่อท้องถิ่นให้ข้อมูลว่าพวกเขาคงได้เห็นมันในช่วงเดือนเมษายน ขณะที่สำหรับบ้านเราอาจจะต้องรอไปถึงไตรมาสที่ 2 (ช่วงเดือน 4-6) ของปีหน้า ส่วนประเทศญี่ปุ่นเองก็คาดว่าจะต้องลายาวไปถึงเดือนกันยายน หรือก็คือเดือนที่ 9 ของปี 2020 เลยทีเดียว หากอิงจากข้อมูลของสื่อต้นทางที่ได้มาจากดีลเลอร์ในแดนปลาดิบ ด้านสเปคโดยคร่าวๆของ ZX-25R ถึงครั้งหนึ่งเราจะเคยนำเสนอไปว่ามันอาจจะสามารถทำแรงม้าได้มากกว่า 50 PS ทว่าด้วยกฏมลพิษที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทาง Kawasaki สามารถปรับจูนให้มันรีดแรงม้าสูงสุดได้แค่ราวๆ 45 PS…