ย่างเข้าสู่เดือนที่ 4 ของปี 2019 แต่ทว่าทาง Yamaha Motors Thailand ก็ยังไม่ปรับโฉมเจ้า YZF-R15 เสียที จนกระทั่งล่าสุดเมื่อราวๆ 1-2 วันที่ผ่านมา ทาง Yamaha Indonesia ได้ทำการอัพเดทข้อมูลสีใหม่ของโมเดลที่ว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องเป็นเฉดเดียวกับที่ใช้ทำตลาดในบ้านเราด้วย โดยสำหรับชุดสีใหม่ของ 2019 YZF-R15 นั้น ก็ยังคงมีให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกันอยู่ 3 เฉดหลักๆเช่นเดิม (ไม่นับเฉด MotoGP) นั่นก็คือ น้ำเงิน/ดำ , แดง/ดำ , และ เหลือง/เทา (แทนสีเหลือง/ดำ) แต่หากเจาะจงไปที่รายละเอียดของสติ้กเกอร์บนตัวจริงๆ จะเห็นได้ว่าทาง Yamaha ได้ออกแบบให้กราฟฟิกมีความโฉบเฉี่ยว ดูพุ่งทะยานไปข้างหน้ามากขึ้น เว้นก็แค่ในส่วนของสี น้ำเงิน/ดำ ที่จะออกแบบให้ไปใกล้เคียงกับเหล่าพี่ๆอย่าง YZF-R6 และ YZF-R1 มากกว่า (แต่ก็แค่ใกล้เคียง) ทีนี้หากถามกันต่อว่า…
Author: admin
ในปัจจุบัน หนึ่งในเทคโนโลยีที่ค่อนข้างมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อรถมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสายหรูทั้้งหลาย ก็คือระบบกุญแจ Keyless หรือระบบกุญแจที่ไม่ต้องใช้การเสียบ-บิด-ไข เพื่อสตาร์ทรถ แต่ผู้ใช้อย่างเราๆมีหน้าที่แค่พกกุญแจรถติดตัวไว้ เดินมาคร่อมรถแล้วบิด หรือกดปุ่มสตาร์ทออกรถไปได้เลย ซึ่งนี่คือหัวข้อที่เราจะมาพูดถึงในบทความ Tips Trick วันนี้กันครับ และสำหรับเทคโนโลยีที่ใช้ในระบบกุญแจ Keyless จริงๆก็คือ เทคโนโลยีที่เรียกกันว่า RFID หรือ Radio Frequency Identification ซึ่งเป็นระบบที่คิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 1980 เพื่อใช้ในการระบุสิ่งต่างๆด้วยคลื่นความถี่วิทยุ โดยอาศัยหลักการปล่อยคลื่นวิทยุในความถี่ใดความถี่หนึ่งตลอดเวลา เพื่อตรวจจับชิพที่มีคลื่นความถี่เดียวกัน ซึ่งอันที่จริงเทคโนโลยีที่ว่านี้มีให้เห็นอยู่แทบทุกแห่งในชีวิตประจำวันของพวกเรา ทั้งบัตรจอดรถในห้าง, บัตรเข้าหอพัก/คอนโด, บัตรรถไฟฟ้า, บัตรผ่านทางด่วน และอีกมากมาย เนื่องจากมันทนต่อการกระแทก, ความชื้น, แถมยังใช้เวลาในการระบุตัวตนที่น้อยมากๆ กลับมาที่ตัวรถอีกครั้ง แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตัวรถที่ใช้ระบบกุญแจ Keyless จะมีตัวปล่อยสัญญาณวิทยุตลอดเวลา เพื่อคอยตรวจจับว่า กุญแจที่มีชิพฝังอยู่นั้น คือดอกที่มีชิพรหัส(ความถี่คลื่น)ตรงตามที่กล่องระบุไว้หรือไม่ ถ้าใช่ ตัวกล่อง ECU ก็จะอนุมัติให้ระบบไฟที่ใช้ในการสตาร์ททำงาน (คล้ายกับระบบ…
หลังจากที่ปล่อยหมวกของตนเองที่ได้รับการตกแต่งภายใต้ธีมตัวละครจากการ์ตูนค่าย Marvel มานาน ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ HJC จะไปจับเอาลิขสิทธิ์ตัวละครของฝั่ง DC Comics มาทำเป็นธีมในการตกแต่งหมวกกันน็อคของตนเองบ้าง เริ่มจากใบแรกก็คือ RPHA 11 ที่ตกแต่งภายใต้ธีม Batman บุรษรัติกาลแห่งเมืองก็อทแทม ผู้มีหน้าฉากเป็นมหาเศรษฐี บรูซ เวนย์ ซึ่งแน่นอนว่าโทนสีหลักของหมวกใบนี้ก็จะต้องเป็นสีดำเทา โดยหากสังเกตไปที่ลวดลายหมวก เพื่อนๆจะเห็นได้ว่ามันมีลายเส้นเหมือนกับเสื้อเกราะเคฟล่าของ Batman ฉบับภาพยนต์เวอร์ชันล่าสุด ที่แสดงโดย คริสเตียน เบล สนนราคาสำหรับจำหน่ายในประเทศโซนยุโรปที่ราวๆ 21,400 บาท ขณะที่ใบที่สองคือ i70 ที่ตกแต่งภายใต้ธีม The Flash หรือที่จริงก็คือ แบรี อันเลน นักนิติวิทยาศาสตร์หนุ่มผู้ได้รับพลังปริศนานามว่า “สปีดฟอร์ซ” ด้วยความบังเอิญ จนส่งผลให้ต่อมาเขาได้กลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ผู้เร็ว(เกือบ)ที่สุดในจักรวาล DC ดังนั้นตัวหมวกกันน็อคใบที่ว่านี้จึงถูกตกแต่งด้วยสีแดงทั้งใบ และเพิ่มลายกราฟฟิกที่บ่งบอกถึงความเป็น The Flash อย่างชุดเกราะ, ปีกข้างหมวก และตราสัญลักษณ์ตรงกลางหมวก สนนราคาสำหรับจำหน่ายในประเทศโซนยุโรปที่ราวๆ…
ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าเสียใจไม่น้อย สำหรับหนุ่มเจ้าของ Yamaha YZF-R1 ที่กำลังซิ่งซุปเปอร์ไบค์คู่ใจมาด้วยความเร็วหลัก 264 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่จู่ๆเกิดเหตุบางอย่างทำให้เจ้าตัวกับรถเบี่ยงหลุดถนนไปทางด้านขวาและเสียชีวิตทันทีจากอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยหากมองจากคลิปกล้อง GoPro ที่หนุ่มเจ้าของ YZF-R1 ได้บันทึกไว้ จะเห็นได้ว่าขณะที่เขากำลังบิดไต่ระดับความเร็วซุปเปอร์ไบค์ของตนไปเรื่อยๆจนแตะ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองบนถนนก็เส้นขวางวางตัดอยู่เพื่อบอกผู้ใช้ถนนว่าข้างหน้ามี “อะไรบางอย่าง” ให้ชะลอความเร็ว แต่หนุ่มคนดังกล่าวยังบิดต่อไปเรื่อยๆทั้งอย่างนั้น จนกระทั่งผ่านเวลาไปเพียงพักเดียว ตอนที่ตัวรถทำความเร็วแตะ 264 กิโลเมตร/ชั่วโมง จู่ๆหนุ่มเจ้าของรถก็ผ่อนคันเร่ง R1M ราวๆ 2 วินาที (สังเกตแถบแรงเหวี่ยงเล็กๆด้านขวาสุด) แล้วจึงเบรกอย่างหนัก (สังเกตแถบแรงเบรกด้านซ้ายแถบแรงเหวี่ยง) แต่ก็ไม่ทันและหลุดออกจากถนนไป แล้วตัวผู้ขี่พยายามดีดตัวออกจารถ ทว่าหัวไปกระแทกกับฐานเสาไฟจนเสียชีวิตในที่สุด จากการไล่หาข้อมูลเพิ่มเติม มีชาวเน็ทซึ่งคาดว่าเป็นคนท้องที่ระบุไว้ว่า ณ จุดเกิดเหตุนั้น เป็นทางเบี่ยงขวาเพื่อบีบถนนจาก 4 เลนเหลือ 2 เลน แถมยังอับสายตา เพราะมีเนินก่อนถึงทางเบี่ยงทำให้ผู้ขี่ไม่เห็นว่าข้างหน้าจะต้องเลี้ยว จึึงทำให้นักบิดหนุ่มซึ่งอาจจะไม่ชำนาญทางไม่สามารถเตรียมตัวได้ทัน และเกิดเหตุสลดขึ้นนั่นเอง ทางทีมงาน MotoRival…
ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่า ณ วินาทีนี้ ความเอกอุของ Alvaro Bautista กับตัวแข่ง Ducati Panigale V4R นั้นถือว่าเป็นที่สุดของการแข่ง WSBK 2019 มากๆ แต่ทว่าแม้ผลแข่งจะขาดลอยมากแค่ไหน เจ้าตัวกลับตอบสื่อสายมอเตอร์สปอร์ต Speedweek เกี่ยวกับความสมบูรณ์ของตนกับตัวแแข่ง มาแบบน่าขนลุกว่า “กับตัวแข่ง V4R ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันพึ่งเริ่มเท่านั้น” “ตัวรถยังใหม่, เราเลยยังไม่มีเวลาได้พัฒนามันมากมายนัก, ตอนวันศุกร์ที่ Assen (สนามล่าสุด), ผมมีปัญหาตรงที่รถผมมันดันเลี้ยวได้แย่กว่า Yamaha หรือ Kawasaki, ตัวแข่งคันอื่นๆดูจะมีสเถียรภาพกว่าเราเยอะในจังหวะออกโค้ง, เรายังมีช่องว่างอีกเยอะให้พัฒนาตัวรถ, และผมหวังว่าเราจะทำมันไปได้เรื่อยๆที่ละขั้น” “มันเป็นอะไรที่พิศวงมากสำหรับผม”, “คือรถมันใหม่มาก ทั้งตัวรถแล้วก็เกือบทุกแทร็คเลย มันใหม่สำหรับพวกเรา, โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างผมกับเจ้ารถคันนี้, ในเอสเซ่น เรียได้โอกาสดีที่จะต่อสู้กับเรา, แต่โชคดี ผมได้พบสิ่งที่ถูกต้องสำหรับรถตลอดจนการแข่งขัน แล้วชนะในที่สุด, ตอนนี้เรามาดูกกันดีกว่าว่าในศึกครั้งหน้าจะเป็นยังไง, มันคือการท้าทายว่าเราจะยังแข็งแกร่งเหมือนที่่ผ่านมาหรือไม่, คือผมคิดว่าผมสามารถสู้ได้กับทุกคน กับทุกที่ แต่ก็นั่นแหล่ะครับ…
แม้ว่าในตอนแรกตัว “วิงเล็ทติดสวิงอาร์ม ของ Ducati” จะได้รับการฟ้องว่าผิดกติกาการแข่งขัน แต่ท้ายที่สุดแล้วทางกรรมการก็ได้ให้คำตัดสินว่า “ค่ายแดงไม่ผิด” เพราะกติกาไม่ได้ห้าม หรือครอบคลุมถึงจุดนั้น จึงส่งผลให้ในเวลาต่อมา ทาง Honda ได้เริ่มเอาบ้าง เพื่อลดข้อเสียเปรียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ของตนเองให้มากที่สุด แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาของ Aprilia บ้างที่ต้องทำเช่นกัน สำหรับการแข่งขัน MotoGP 2019 ณ สนามเฆเรซ ประเทศสเปน สัปดาห์หน้า โดยจากข้อมูลทั้งก่อนหน้านี้ และที่เราพึ่งได้รับมาล่าสุด ระบุไว้ว่า ตัววิงเล็ทติดสวิงอาร์ม ที่ Aprilia ออกแบบขึ้นมานั้น จะเป็นแบบมีปีกย่อยซ้อนกัน 3 ชั้น เพื่อหวังลดอุณหภูมิที่หน้ายางให้มากที่สุด ซึ่งหากอิงจากข้อมูลของ Ducati นั้น พวกเขาได้เคลมไว้ว่าเจ้าวิงเล็ทที่ว่านี้สามารถลดอุณภูมิหน้ายางขณะแข่งขันได้ถึง 7 องศาเซลเซียส (ทั้งๆที่ Ducati ใช้วิงเล็ทชั้นเดียว) ขณะที่ผลพลอยได้ในเรื่องของแรงกดท่ล้อหลังมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น (จริงรึ ?) งานนี้ก็ได้แต่ลุ้นกันล่ะครับ ว่าเมื่อทาง Aprilia…
ผ่านไป 4 เดือนหลังจากที่เราได้พบว่าทาง KTM กำลังทดสอบ RC390 โมเดลใหม่ มาตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่ Duke 390 จะได้ฤกษ์ทดสอบโฉมใหม่ของมันกันบ้าง โดยจากภาพ Spyshot ที่เราได้รับมา (คลิ้กชมที่นี่) เพื่อนๆจะเห็นได้ว่า เจ้า Duke 390 รุ่นใหม่ที่กำลังถูกทดสอบอยู่นั้น มีจุดต่างเมื่อเทียบกับโฉมปัจจุบันอยู่หลักๆ 4 จุดด้วยกัน (เท่าที่เราสังเกตได้) เริ่มจากชุดไฟท้าย+ไฟเลี้ยวที่ย้ายไปติดตั้งไว้กับบังโคลนหลัง, ชุดหน้าจอแสดงผล ที่ดูจากรูปทรงแล้วยังไม่ต่างจากเดิม แต่มีการเพิ่มแถบไฟชิฟไลท์ด้านบนมาให้ ต่อมาคือ สวิงอาร์มอลูมิเนียมด้านหลังที่มีการสานโครงด้านในต่างจากแบบปัจจุบัน และสุดท้ายคือชุดเฟรมหลัก ที่ดูเล็กกระทัดรัด และทำเหล็กถักซ้อนมากกว่า แถมยังมีหูหิ้วเครื่องยนต์ยื่นลงมายึดช่วงแครงก์ด้านล่างที่ดูจะทำมุมสามเหลี่ยมชัดขึ้นกว่าเดิม นั่นจึงเท่ากับว่า ในการปรับโฉมใหม่ของ KTM Duke 390 ในครั้งนี้นั้นจะไม่ได้มีแค่การแต่งหน้าทาปาก หรือเปลี่ยนเปลือกภายนอกอย่างเดียวแบบที่ค่ายญี่ปุ่นมักทำกัน แต่มันคือการปรับโฉมแบบทั้งคันไล่ตั้งแต่โครงสร้างหลัก ขณะที่เครื่องยนต์ก็อาจจะยังเป็นบล็อคเดิม แต่ก็คาดว่าจะมีการปรับจูนใหม่เพื่อให้มันรอบรับกับมาตรฐานไอเสีย Euro5 ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ส่วนช่วงเวลาเปิดตัวนั้นมีแนวโน้มจะเป็นช่วงปลายปี 2020 เพราะไม่ใช่ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน…
ยอดทีมแข่งไทย เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สร้างผลงานกระหึ่ม เดอะ เบนด์ มอเตอร์สปอร์ต พาร์ค ในศึก เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนาม 2 หลัง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่งผงาดคว้าอันดับ 2 ในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ไล่บี้หัวแถวเหลือแค่ 7 แต้ม เส้นทางลุ้นแชมป์สดใส พร้อมควงรุ่นน้องจากโครงการ เรซ ทู เดอะ ดรีม “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี เข้าป้ายอันดับ 3 พาเหรดขึ้นโพเดียมอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ “เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ…
ผ่านไปเพียงแค่ 2 เดือนนิดๆเท่านั้น หลังจากมีข้อมูลหลุดออกมาเป็นครั้งแรกว่าขณะนี้ทาง Kawasaki ได้เริ่มพัฒนา KLX230R รถมอเตอร์ไซค์แนวดูอัล-เพอร์โพส หรือ เอนดูโร่น้องใหม่ ที่ตั้งใจเอาไว้ทำตลาดคั่นกลาง KLX150BF กับ KLX250 อยู่ในขณะนี้ แต่จู่ๆวันดีคืนดี เราก็ได้รับภาพ Spyshot ชุดใหม่มา ซึ่งดูเหมือนว่า ทางค่ายใกล้ที่จะพร้มเปิดตัวมันแล้ว โดยจากภาพ Spyshot ที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าจะไม่ช่ภาพรถเต็มคัน และเป็นแค่ถาพปีกแฟริ่งด้านข้างลำตัวรถเท่านั้น แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วว่าเจ้า KLX230R ที่กล่าวถึงอยู่นี้มีอยู่จริง แถมเมื่อดูจากการแปะสติ๊กเกอร์ลายกราฟฟิก และติดตั้งบนตัวรถพร้อมหุ้มพลาสติกกันฝุ่นอยางดี จึงทำให้เราพอจะเดาได้ว่าคงอีกไม่นานแล้วที่มันจะได้ฤกษ์เปิดตัวในประเทศอินโดนีเซีย (ส่วนไทยยังต้องดูท่าทีก่อน ว่าผู้บริหารจะคิดเห็นอย่างไร) ส่วนข้อมูลตัวรถอย่างไม่เป็นทางการของ Kawasaki KLX230R เพราะมีแค่คำบอกเล่าจากวงในก็มีอยู่ว่า มันจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวดูอัล-เพอร์โพส ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียว 230cc ระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นบล็อคที่พัฒนาต่อยอดมาจาก KLX150BF และแม้แต่ชุดเฟรมเองก็มีแนวโน้มที่จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน ส่วนตัวระบบกันสะเทือน ด้วยความที่ Kawasaki ต้องการบีบราคา จึงทำให้โช้กหน้าของมันจะต้องเป็นแค่แบบตะเกียบคู่ธรรมดาเท่านั้น…
หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ จู่ๆในวันนี้เราก็มีข่าวลือที่น่าสนใจเกี่ยวกับสปอร์ตไบค์พิกัด 250cc รุ่นใหม่ของ Kawasaki ให้เพื่อนๆได้ลองพิจารณาข้อเท็จจริงกันอีกครั้ง นั่นก็คือ การที่ว่าขณะนี้ เจ้าสปอร์ตไบค์คันดังกล่าวได้ถูกสร้างบนพื้นฐานเดียวกับ Kawasaki Ninja ZXR250 และตอนนี้มันได้พัฒนามาไกลจนถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นรถต้นแบบหรือ Prototype แล้วเรียบร้อย โดยสำหรับแหล่งอ้างอิงของข้อมูลในครั้งนี้นั้น ทางสื่อต้นทางได้ระบุไว้ว่าพวกเขาได้รับการถ่ายทอดข้อความมาจาก “คนใน” ของทาง Kawasaki Motor Indonesia มาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งในเบื้องต้นเขาก็ได้ระบุอย่างที่เราว่าไว่ด้านบน และลงรายละเอียดในเชิงลึกอีกว่า เครื่องยนต์ของ All-New Kawasaki ZX-2R (ชื่อสมมุติ) นั้น จะยังมีพื้นฐานเดียวกับพี่รุ่นเก๋า ZXR250 จะต่างกันหลักๆก็แค่เพียงเปลือกนอก และระบบจ่ายน้ำมันที่ต้องกลายเป็นหัวฉีดเพื่อรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเท่านั้น นั่นจึงหมายความว่า เจ้า ZX-2R ที่กำลังอยู่ในขั้น Prototype ที่โรงงาน Kawasaki ประเทศอินโดนีเซีย จะได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 250cc ช่วงชักสั้น…