เงียบหายไปพักนึงนับตั้งแต่เปิดตัวออกมาเป็นครั้งแรกในงาน EICMA 2018 ที่ประเทศอิตาลี และแล้วก็ถึงเวลาที่ทาง BMW จะเริ่มประกาศราคาของ 2019 S1000RR ซักที โดยตัวเลขราคาที่เรานำมาเสนอข้อมูลในครั้งนี้เป็นของลูกค้าในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 19,950 ยูโร หรือราวๆ 742,000 บาท โดยหากนำตัวเลขราคาของ S1000RR เวอร์ชัน 2019 ไปเทียบกับเวอร์ชัน 2016-2018 โฉมก่อนหน้าที่ตั้งราคาสำหรับจำหน่ายในประเทศโซนยุโรปไว้ที่ 14,315 ยูโร หรือตีเป็นหน่วยเงินของบ้านเราก็คือราวๆ 592,000 บาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าเจ้าฉลามตาหวานโฉมล่าสุดนี้มีราคาค่าตัวที่แพงขึ้นถึงหลักหนึ่งแสนบาทเลยทีเดียว ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่หาก 2019 BMW S1000RR ถูกนำเข้ามาประกอบเพื่อจำหน่ายในบ้านเราในช่วงปลายปีหน้า (เพราะคงไม่น่าจะเปิดตัวตั้งแต่ Motor Show ต้นปี 2019) ราคาของมันอาจจะดีดขึ้นไปจนกลายเป็นเกือบแตะ 1,000,000 บาท เนื่องจากตอนนี้ราคาของ 2016-2018 S1000RR ก็มีตัวเลขอยู่ที่ 840,000 บาทอยู่แล้ว ยังไงสำหรับเพื่อนๆที่สนใจหรือกำลังตั้งตารอคอยโมเดลนี้อยู่ก็สำรองเงินไว้เผื่อก่อนก็ดีครับ…
Author: admin
Lightning Mototorcycle ผู้ผลิต Lightning LS-218 ซุปเปอร์ไบค์ไฟฟ้าเร็วที่สุดในโลก ที่สามารถทำท็อปปีดหรือความเร็วสูงสุดทะลุ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ออกมาให้ข้อมูลกับทางสื่ออเมริกาว่าขณะนี้ซุปเปอร์ไบค์รุ่นดังกล่าวได้ขึ้นไลน์ผลิตที่เมืิองซานคาลอส ที่รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นที่เรียบร้อย และสำหรับสเปคพื้นฐานของ LS-218 ที่เรากล่าวถึงในขณะนี้ก็มีอยู่ว่า มันเป็นซุปเปอร์ไบค์ไฟฟ้าที่พกเอามอเตอร์กำลังสูงสุด 201 แรงม้าติดตั้งไว้กลางลำตัวรถ ซึ่งดูเผินๆมันอาจจะไม่ได้ถือว่าแรงเกินหน้าเกินตาเหล่าซุปเปอร์ไบค์เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้เท่าไหร่นัก แต่จุดเด่นจริงๆของมันก็คือแรงบิดอันมหาศาลระดับ 228 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นแรงบิดแบบ Flat-Torque ที่มีให้เรียกใช้ตั้งแต่รอบต้นจนรอบปลาย ส่งผลให้มันสามารถผลักดันตัวรถจนทำความเร็วแตะ 352 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ลานเกลือ Bonneville อันเลื่องชื่อ ส่วนตัวแบตเตอร์รี่ที่ติดตั้งมากับตัวรถแบบเล็กสุดจะอยู่ที่ 12 กิโลวัตต์/ชั่วโมง รองรับระยะทางการขับขี่ได้ไกลสุด 190 กิโลเมตร และมีออพชั่นเป็นแบตเตอรี่ขนาด 15 กิโลวัตต์/ชั่วโมง กับ 20 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ซึ่งรองรับระยะทางในการขับขี่ได้ไกลถึง 240 กิโลเมตร กับ 290 กิโลเมตร ตามลำดับให้ลูกค้าได้เลือกซื้อเพิ่ม ขณะที่ราคาเริ่มต้นของมันสำหรับวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาก็อยู่ที่ 38,888…
พึ่งมีการประกาศรีคอลล์จากปัญหาออยคูลเลอร์ไปได้ไม่นานเพียงสัปดาห์นิดๆ มาตอนนี้ Ducati Panigale V4 เตรียมโโนเรียกกลับเข้าศูนย์ในประเทศสหรัฐอเมริกากันอีกครั้ง จากกรณีของความเสี่ยงที่น็อต “ตัวดันโซ่” อาจจะค่อยๆหลวมออกไปเรื่อยๆตามระยะเวลาการในใช้งาน แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงเสียงเครื่องยนต์จะดังขึ้นเรื่อยๆเพราะโซ่สบัดเท่านั้น แต่น้ำมันเครื่องยังพร้อมที่จะซึมออกเรื่อยๆตามรอยรั่วซึมที่เกิดขึ้นจากการคลายตัวของน็อตยึดดันโซ่ ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาตรงนี้ ในเอกสาร Recall ได้มีการระบุไว้ว่าเมื่อลูกค้านำรถเข้ามาให้ทางช่างที่ศูนย์ตรวจเช็ค พวกเขาจะทำการย้ำน็อตยึดดันโซ่ใหม่ให้แน่นตามสเปค (แรงขัน) ที่ถูกต้อง ส่วนจำนวนรถที่อยู่ในข่ายมีทั้งหมด 1,502 คัน ครอบคลุม Panigale V4 ทุกรุ่นย่อยทั้ง Standard, S, และ Speciale ขณะที่ช่วงเวลาที่ทาง Ducati จะเริ่มเรียกลูกค้าให้กลับเข้ามาแก้ไขจริงๆคือตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม ปี 2019 เป็นต้นไป ขอบคุณข้อมูลจาก NHTSA อ่านข่าว Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าวการ Recall เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ…
Lambretta หนึ่งในแบรนด์สกูตเตอร์ระดับตำนานจากประเทศอิตาลี เตรียมเดินตลาดสกูตเตอร์พลังงานไฟฟ้า โดยตั้งเป้าประเดิมงานเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศอินเดียภายในงาน Auto Expo ปี 2020 โดยจากข้อมูลที่เราได้รับมาระบุไว้ว่า ตัวรถต้นแบบที่ว่ากำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาที่สำนักงานของ Lambretta ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ส่วนสเปคตัวรถยังไม่สามารถระบุได้ในตอนนี้ว่ามันจะมีความแรงในระดับไหน และจะสามารถขี่ได้ไกลสุดด้วยตัวเลขระยะทางเท่าไหร่ แต่คาดว่าเมื่อถึงคราวผลิตจริง โรงงานที่จะรับผิดชอบในเรื่องนี้คือโรงงานในเมืองนอยดา ประเทศอินเดีย นอกจากนี้แหล่งข้อมูลเดียวกันนี้เองยังระบุเพิ่มอีกว่า ไม่ใช่แค่เพียงสกูตเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้นที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ทาง Lambretta ยังเดินแผนสร้างสกูตเตอร์แนวคลาสสิครุ่นใหญ่กว่าที่เคยทำมาอีกหนึ่งรุ่น โดยจะเป็นโมเดลที่ใช้โครงสร้างหรือบอดี้เหล็กทั้งคัน และจะเน้นตีตลาดสกูตเตอร์ระดับพรีเมียมซึ่งคาดว่าจะชนกับสกูตเตอร์พิกัด 300cc ของ Vespa ได้อย่างพอดิบพอดี แต่จะมีการส่งออกเพื่อจำหน่ายในประเทศอื่นนอกจากอินเดียหรือไม่นั้นยังต้องรอติดตามกันต่อไป ขอบคุณข้อมูลจาก Rushlane, Indianautosblog อ่านข่าว Lambretta เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
แม้ว่าตอนนี้ทาง Ducati จะมีทีมรองในรุ่น MotoGP ให้ทำงานร่วมกันถึง 3 ทีม เอาไว้รองรับนักบิดดาวรุ่งจากรุ่น Moto2 ที่น่าสนใจแบบเหลือเฟือเพื่อใช้ในการดูฟอร์มก่อนดึงเข้าทีมโรงงานต่อไป แต่เอาจริงๆแล้ว มันก็ไม่ทำให้พวกเขาสามารถดึงนักแข่งดาวรุ่งเหล่านั้นให้เข้ามาร่วมสังกัดได้ดีเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะติดสัญญากับทีมที่พวกเขาได้ตกลงเอาไว้แต่ตอน Moto3 (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Honda) นั่นจึงทำให้ผู้จัดการทีมอย่าง Luigi Dall’Igna ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางสื่อสายมอเตอร์สปอร์ตในยุโรปว่า ในตอนนี้ ทาง Ducati เองก็สนใจอยากจะทำทีมแข่งในรุ่น Moto3 ด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้พวกเขาอยากที่จะทำทีมแข่งในระดับ MotoGP ให้ได้แชมป์อย่างเต็มภาคภูมิซะก่อน ถึงจะเดินแผนในรุ่นเล็กต่อ โดยประโยคในบทสัมภาษณ์ของ Gigi เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีอยู่ว่า “ผมคิดว่า Moto3 คือคลาสสำคัญที่จะทำให้จัดการกับนักบิด และเข้าใจถึงลักษณะของนักบิด (ทั้งนิสัยและสไตล์การขี่ เพื่อที่จะได้เตรียมปั้นต่อยาวๆจนถึงรุ่น MotoGP)”, “ดังนั้น ผมเลยยังสนใจเรื่องนี้เพื่อ Ducati อยู่ คือการเข้าร่วมคาสนี้มันสำคัญมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องบรรลุเป้าหมายใน MotoGP ก่อน” ขอบคุณข้อมูลจาก…
ในปัจจุบัน ยางรถมอเตอร์ไซค์ในระดับเกิน 300-1,000cc มีให้เราได้เลือกซื้อนั้นมีค่อนข้างหลากหลายแบรนด์ หลากหลายรุ่น แต่สุดท้ายแล้วยังไงเพื่อนๆเกินครึ่งก็ต้องเลือกซื้อแต่ยางของแบรนด์ที่คุ้นเคยกันอยู่ดี อาจจะด้วยความที่ไม่ค่อยรู้จักแบรนด์ใหม่และไม่มีข้อมูลของยางเหล่านั้นให้ได้ค้นหาเท่าไหร่นัก ดังนั้นในวันนี้ เราจึงจะมา รีวิว Continental Contimotion ซึ่งเป็นที่หลายๆคนอาจมองข้ามไป แต่เราบอกได้เลยครับว่าหลังจากที่ผู้เขียนได้ลองสัมผัสดูแล้ว งานนี้อยากให้เพื่อนๆที่กำลังหายางเส้นใหม่อยู่ได้ลองสัมผัสมันดูซักครั้งจริงๆ ซึ่งทางทีมงานเราได้มีโอกาสไปร่วมทดสอบสมรรถนะของ Continental Contimotion กัน ณ สนามไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการทดสอบในเรื่องของสมรรถนะเป็นหลักแบบเต็มๆ ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จักกับข้อมูลเชิงเทคนิคยางตัวนี้กันก่อนดีกว่า โดยข้อมูลในเบื้องต้นของยาง Continental Conti Motion รุ่นนี้ ถูกจัดอยู่ยางในกลุ่มของสปอร์ต-ทัวร์ริ่ง ระดับกลางที่มีจุดเด่น คือรองรับระยะทางในการใช้งานได้มากกว่า 15,000 กิโลเมตรต่อเส้น และมีชั้นโครงสร้างภายในคล้ายแบบเรเดียล แต่มีการเดินเส้นโครงลวดด้านในใหม่แบบขดไปมาด้วยลวดเส้นเดียวไปตามตัวยาง อันเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Continental ที่เรียกว่า Zero Degree ซึ่งช่วยในเรื่องของการรักษาสเถียรภาพตอนเบรกและไม่ย้วยตอนเข้าโค้งหนักๆได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับเรื่องของลายดอกยางนั้น ด้วยความที่เป็นยางแนว สปอร์ต-ทัวร์ริ่ง จึงทำให้ตัวยางมีดอกที่ค่อนข้างลึก กว้าง เพื่อให้มันสามารถรีดน้ำได้ดี แต่ในขณะเดียวกันทาง…
เปิดประเด็นมาได้ค่อนข้างเดือดเลยทีเดียวสำหรับ Alberto Puig ผู้จัดการทีม Repsol Honda ที่ได้เผยมุมมองส่วนตัวของตนเองเกี่ยวกับ Valentino Rossi ที่ชวดแชมป์ MotoGP มาแล้ว 9 ปีติด ในการสัมภาษณ์ของสื่อประเทศสเปน ซึ่งเนื้อหาอาจจะทำให้เหล่าสาวก “สีเหลือง” ประจำการแข่งขัน MotoGP อาจจะเคืองในใจไม่น้อย โดยประโยคต่างๆที่ Puig กล่าวเอาไว้ก็มีอยู่ว่า “Rossi คือนักบิดผู้ยิ่งใหญ่, ผมเค้ารพเค้าจากใจจริง”, “ด้วยวัยเท่านี้ (39 ปี) เค้ายังมีความกระหาย อยากจะไปให้เร็ว และไม่เคยคิดเลยว่าตนเองไม่มีโอกาสที่จะชนะ” “แต่ตอนนี้เค้ากำลังมีช่วงเวลาอันยากลำบากในการยอมรับว่าช่วงเวลาของเค้ามันจบลงแล้ว, บางครั้งวิธีการที่เค้าใช้มันก็ไม่ถูกต้องเสมอไป”, “ผมยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้งที่ Marquez จะหลุดออกจากไลน์ หรือตั้งใจทำอะไรร้ายๆใส่ Rossi คือมันก็เป็นอุบัติเหตุในการแข่งขันทั้งนั้น” “ผมเคารพ Rossi แต่ชีวิตคนเรามันก็มีช่วงเวลาของมัน, และคุณจะชอบมันหรือไม่ ยังไงตอนนี้ Marquez ก็คือเบอร์หนึ่ง” นอกจากนี้ Puig ยังกล่าวเสริมถึง…
Shoei แบรนด์หมวกกันน็อคเบอร์ต้นจากประเทศญี่ปุ่นเปิดหมวกกันน็อคเรือธง X-14 ใบใหม่ที่มาพร้อมกับลายกราฟฟิกของ Marc Marquez แบบล่าสุด ซึ่งเจ้าตัวได้นำไปใช้แล้วเรียบร้อยนับตั้งแต่จบการแข่งขัน MotoGP 2018 ในรอบการเทสปิดฤดูกาล โดยลักษณะกราฟฟิกของหมวก X-Fourteen (X-14) – “MARQUEZ BLACK CONCEPT” ใบนี้จะเห็นได้ว่ายังคงใช้ลายหลักเป็นมดตัวใหญ่แปะไว้กลางหมวกเหมือนรุ่น X-Fourteen (X-14) – “MARQUEZ4” แต่สลับสีมดใหม่จากสีเงินเป็นสีแดง และเปลี่ยนสีพื้นจากแดงเป็นดำ แล้วก็เสริมแถบสปอนเซอร์ Pull&Bear ด้านซ้าย/ขวาของลำตัวมด และแถบ “/////93” ไว้บริเวณเหนือสปอยเลอร์ด้านหลังเป็นลูกเล่นใหม่ของหมวกเข้าไป สำหรับราคาแบบไม่รวมภาษีนำเข้าของหมวก Shoei X-Fourteen (X-14) – “MARQUEZ BLACK CONCEPT” ใบนี้อยู่ที่ราวๆ 22,000 บาทเท่ากับรุ่นลาย “MARQUEZ4” ซึ่งเราเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะมีการนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราเมื่อไหร่และจะมีราคาเท่ากับ MM93 ลายปกติหรือไม่ แต่มันก็ถือว่าเป็ฯหมวกอีกหนึ่งใบที่น่าจะโดนใจสาวกหลายคนเลยทีเดียว อ่านข่าว Shoei เพิ่มเติมได้ที่นี่…
ยังคงตามติดเกี่ยวกับข่าวคราวการรีคอลล์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ซึ่งวันนี้ก็เป็นการรีคอลล์ของ Yamaha YZF-R3 ที่มีการวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นเคย โดยหัวข้อปัญหาที่ทำให้ทางค่ายต้องประกาศเรียกรถกลับมานั้นมีอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน แบ่งเป็นปัญหาเรื่องสปริงคันเกียร์ กับ ระบบหม้อน้ำ โดยในส่วนของปัญหาแรกนั้น มีรายละเอียดคือ ตัว “สปริง” ที่ใช้ในการดันแกนเปลี่ยนเกียร์ให้กลับสู่ตำแหน่งเดิมมีความเสี่ยงที่จะแตกหรือหักระหว่างการใช้งาน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้ตัวรถเข้าหรือเปลี่ยนเกียร์ได้ยาก ดังนั้นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับจุดนี้จึงมีแค่อย่างเดียว คือการถอดเปลี่ยนตัวสปริงเท่านั้น และตัวรถ YZF-R3 ที่เข้าข่ายในปัญหานี้คือตัวรถโมเดลปี 2015-2016 ซึ่งมีทั้งหมด 11,240 คัน ส่วนปัญหาที่สองที่เกี่ยวข้องกับระบบหม้อน้ำ มีรายละเอียดคือ “ท่อน้ำตัวบน(ขาเข้า)” เปราะเกินไปจนทำให้มีความเสี่ยงที่จะแตกหรือรั่วระหว่างการใช้งาน ซึ่งแน่นอนว่าปัญหานี้ก็ต้องจบด้วยการถอดเปลี่ยนอย่างเดียวเท่านั้น โดยตัวรถ YZF-R3 ที่อยู่ในข่ายปัญหานี้ก็ครอบคลุมตัวรถโมเดลปี 2015-2018 จำนวนทั้งสิ้น 16,760 คัน ขอบข้อมูลจาก NHTSA (1) และ NHTSA (2) อ่านข่าว การรีคอลล์ เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว Yamaha…
ยังคงทยอยเปิดตัวกันออกมาหลายแบรนด์มากขึ้นเรื่อยๆสำหรับเหล่าผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหลาย ซึ่งรายล่าสุดที่เรากำลังจะกล่าวถึงอยู่ก็คือแบรนด์ Vigo น้องใหม่สัญชาติอังกฤษที่ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโมเดลแรกของตนเองออกมา และจุดเด่นของเจ้า Vigo คันนี้(ไม่มีชื่อรุ่น) หากไม่นับหน้าตาอันสะดุดตา และล้ำสมัย ก็คงจะอยู่ที่ชุดเเฟรมแบบคาร์บอนโมโนค็อกน้ำหนักเบา ซึ่งน่าจะชดเชยกับน้ำหนักแบตเตอรี่อันหนักอึ้งได้เป็นอย่างดี เพราะพวกพวกเขาได้เคลมน้ำหนักตัวรถไว้ที่ 160 กิโลกรัมเท่านั้น โดยหากผู้ใช้ขี่ตัวรถด้วยความเร็วเฉลี่ย 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวรถจะสามารถขี่ไปได้ไกลถึง 640 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ส่วนอายุการใช้งานของแบตเตอรี่จริงๆอยู่ที่ ประมาณ 400,000 กิโลเมตร) นอกจากนี้ตัวมอเตอร์เองยังเป็นแบบฝังไว้กลางดุมสวิงอาร์มแขนเดี่ยว (ถ้าอย่างนั้นจานเบรกหลังหายไปไหน ?) ซึ่งมอเตอร์ที่ว่านี้สามารถปั่นแรงม้าได้สูงสุด 120 ตัว ซึ่งเมื่อประกอบกับน้ำหนักตัวรถที่ค่อนข้างเบา จึงทำให้มันสามารถเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในระยะเวลาแค่เพียง 3.2 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดก็เคลมไว้สูงถึงเกือบ 290 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ดังนั้นฟีเจอร์อื่นๆที่ติดรถมาจึงล้ำไม่แพ้กัน เพราะมีทั้งชุดหน้าจอ TFT ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่านแอพพลิเคชันได้ เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันระบบนำทาง GPS, ระบบเล่นเพลง, และอื่นๆอีกมากมาย แถมยังตัวรถ…