หลังจากที่ทาง A.P. Honda ได้เปิดตัวเจ้า New PCX Hybrid ให้สื่อมวลชนได้ทำการทดสอบไปเมื่อช่วงกลางเดือนที่แล้ว แต่ในวันเดียวกันนั้นทางผู้บริหารก็ไม่ได้มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ และมีแค่การเกริ่นเพดานราคาคร่าวๆ ว่าไม่เกินแสนสองเท่านั้น มาวันนี้ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ทางผู้บริหารได้เผยตัวเลขยอดขายในช่วงครึ่งปีแรก และเปิดตัว All-New Honda Wave 125i ใหม่ ในที่สุดพวกเขาก็ได้เคาะตัวเลขราคากลางของ PCX Hybrid กันซักที นั่นก็คือ 99,900 บาท ซึ่งดูๆ แล้วก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลกับเทคโนโลยีและฟีเจอร์เด็ดๆ ของตัวรถที่ให้มา ทั้งระบบไฮบริดที่ช่วยได้ทุกการเปิดคันเร่ง ไปจนถึง Riding Mode ที่สร้างความสนุกให้กับการใช้งานอย่างแท้จริง ส่วนช่วงเวลาที่ทางผู้บริหาร A.P. Honda จะส่งตัวรถ PCX Hybrid ให้กับดีลเลอร์ก็คือนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนั้นเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากสัมผัสตัวจริงก็เตรียมตัวเจอกันได้เลยครับที่ศูนย์ Honda ทั่วประเทศไทย เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ประกาศราคาสุดเซอร์ไพรส์กับนวัตกรรมแห่งความภาคภูมิใจในรถจักรยานยนต์ประเภทพรีเมียม เอ.ที. ขนาด…
Author: admin
ปล่อยให้คาดเดากันไปต่างๆนาๆอยู่นาน ในทึ่สุดก็ถึงเวลาที่ทาง Suzuki จะต้องออกโรงจริงๆกันซักที กับการปล่อยทีเซอร์แรกของ All-New Bandit 150 รุ่นใหม่ผ่านหน้าเพจเฟซบุ้คของตนเองตอนช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา เพื่อเกริ่นให้กับสาวกที่รอคอยว่าพวกเขาจะเปิดตัวมันจริงๆแล้วในค่ำวันนี่ที่งาน GIIAS 2018 ประเทศอินโนีเซีย และด้วยความที่เป็นเพียงคลิปทีเซอร์ดังนั้นจะให้เห็นรถเต็มๆคันก็คงไม่ใช่ สุดท้ายเราจึงเห็นได้แค่ภาพร่างผ่านๆเท่านั้น ซึ่งเริ่มด้วยปลายท่อไอเสียที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่าน่าจะใช้ชิ้นส่วนเดียวกันกับของสองพี่น้อง GSX-R150/GSX-S150 ถ้ดมาคือเบาะนั่งที่เผยให้เห็นว่าจะมาแบบตอนเดียวตรงตามภาพเรนเดอร์ที่เราเคยเสนอไปก่อนหน้า ตามด้วยชุดจานเบรกที่ก็เห็นได้ชัดเจนเช่นกันว่าใช้ชุดเดียวกับ GSX-R150/GSX-S150 ซึ่งรวมถึงชุดล้อ และระบบกันสะเทือนหน้า (ส่วนระบบกันสะเทือนหลังแม้ไม่ได้ปรากฏในคลิปแต่ยังไงก็คงไม่หลุดจากสองพี่น้องที่ว่านี้นัก) ปิดท้ายด้วยชุดไฟหน้าที่คาดว่าจะยกเอาของ Raider 150 โฉมล่าสุดมาใส่ เพราะชุดโคมไฟเลี้ยวอยู่ตอนบนของไฟหน้า ซึ่งต่างจากของ GSX-R150/GSX-S150 ที่วางตำแหน่งไว้ตอนล่างของไฟหน้าแทน ส่วนข้อมูลในเรื่องอื่นๆแม้จะไม่ได้มีการระบุอะไรไว้ในคลิป แต่ด้วยความที่กว่า 70% ของทีเซอร์ที่เราเห็นตรงนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเห็นได้ว่าชิ้นส่วนของ Bandit 150 คือชุดเดียวกันกับของ GSX-R150/GSX-S150 ดังนั้นทั้งชุดเฟรม สวิงอาร์ม และเครื่องยนต์สูบเดียว 150cc ที่ได้ชื่อว่าแรงที่สุดในคลาสก็น่าจะติดตั้งมาให้จอมโจร 150 คันนี้เช่นกัน ซึ่งถ้าหากว่าเพื่อนๆคนไหนรออยู่ ก็เตรียมรับชมกันได้เลยครับ ค่ำนี้เวลาทุ่มครึ่ง อ่านข่าว…
อาจจะด้วยความที่สถานการณ์ในปัจจุบันของทาง Harley-Davidson นั้นเป็นไปอย่างงุนงง เพราะหากดูกระแสตอบรับในบ้านเกิดของบ้านตัวเองจะเห็นได้ว่าต่ำลงๆเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันกับตลาดฝั่งเอเซียดันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แผนตีตลาดล่าสุดของบริษัท ค่อนข้างเน้นมาที่การบุกตลาดโซนบ้านเรามากขึ้น โดยหนึ่งในแแผนสำคัญที่น่าสนใจก็คือ แผนการผลิตรถมอเตอร์ไซค์พิกัดเล็ก ช่วงระหว่าง 250-500cc โดยสำหรับคำอธิบายเกี่ยวกับแผนการตลาดนี้ ทาง Harley-Davidson ได้ระบุไว้ว่าพวกเขาอยากสร้างมอเตอร์ไซค์รุ่นความจุเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย (รุ่น 250 – 500 ซีซี) เพื่อตีตลาดเกิดใหม่ในเอเชียโดยเฉพาะ ผ่านการจับมือเป็นพันธมิตรตามแผนกลยุทธ์กับผู้ผลิตในเอเชียซึ่งหลักๆก็คืออินเดีย จีน รวมถึงบ้านเราเองก็มีการมาตั้งโรงงานผลิตขึ้นแล้วเรียบร้อย เหลือแค่เก็บงาน และรอเวลาเปิดสายการผลิตอย่างเป็นทางการเท่านั้น ส่วนช่วงเวลาเปิดตัวเพื่อวางจำหน่ายจริง หากอ้างอิงตามแผนต่างๆในภาพรวมที่ Harley-Davidson ได้ให้ข้อมูลกับเราไว้ ก็สามารถคาดเดาได้ว่าจะต้องอยู่ในช่วงระหว่างปี 2020-2022 แต่ก่อนหน้านั้นในปี 2019 อาจจะมีการเผยภาพคอนเซปท์หรือรายละเอียดเพิ่มเติมที่เจาะลึกเกี่ยวกับโมเดลเหล่านี้มากขึ้น ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนที่เป็นสาวกของค่ายนี้ล่ะก็ อดใจรอกันอีกนิดครับ อีกเพียง 1 ปีนิดๆเราก็คงจะได้เห็นกันแล้ว อ่านข่าว Harley-Davidson เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
นอกจากการเปิดตัวสปอร์ตแน็กเก็ทคันแรกของค่ายที่เราได้นำเสนอไปเมื่อเช้านี้แล้ว ทาง Harley-Davidson ยังได้ทำการเปิดเผยโฉมขายจริงของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เผยแผนเตรียมผลิตมาเนิ่นนานอย่าง Livewire คันนี้ด้วย โดยความเปลี่ยนแปลงของ Livewire Prototype เมื่อเทียบกับ Livewire Concept นั้นมีหลายจุดด้วยกัน เริ่มจากชุดเฟรมอลูมิเนียมที่มีการหล่อแบบขึ้นใหม่ให้ดูแข็งแรงและสวยงามเหมาะกับการทำขายจริงมากยิ่งขึ้น, ถอดชุดฝาครอบแบตทิ้งไปเพื่อเผยให้เห็นครีบระบายความร้อนที่เรียงรายตั้งแต่บนยันล่างทั่วตัวแบตฯ, ชุดไฟหน้ามีการปรับขนาดโคมให้ใหญ่ขึ้นและเสริมด้วยชุดวินชิลด์ขนาดจิ๋วตามฉบับรถมอเตอร์ไซค์ยุคหลังของ Harley-Davidson ส่วนถังน้ำมันหลอกทรงหยดน้ำที่ทำเอาไว้เพื่อให้ดูมีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของทางค่ายก็มีการปรับดีไซน์ใหม่และคาดแถบตัวอักษร Harley-Davidson ไว้เช่นกัน, ชุดซับเฟรมมีการเปลี่ยนจากโครงอลูมิเนียมเป็นโครงเหล็กและติดตั้งเบาะนั่งกับพักเท้าสำหรับผู้ซ้อนเสริมเข้ามา, ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบหัวกลับเหมือนตัวคอนเซปท์แต่กับโมโนโช้กหลังมีการเพิ่มกระปุกแก๊สเข้ามา, และสุดท้ายคือชุดล้อหน้าหลังที่แม้ว่าจะมีลายเส้นเหมือนเดิมแต่มีการเพิ่มชุดจานเบรกมาอีก 1 ชุด จนกลายเป็นดิสก์คู่ ราวกับต้องการบ่งบอกว่าเจ้า Live Wire คันนี้ก็แรงใช่ย่อย สำหรับช่วงเวลาเปิดตัวเพื่อทำขายจริงนั้นคาดว่าทาง Harley-Davidson จะเปิดให้จองจริงๆในช่วงปลายปี 2019 เพื่อวางจำหน่ายในฐานะโมเดลปี 2020 ซึ่งมีความเป็นไปได้ไม่น้อยเช่นกันที่ Livewire คันนี้จะผลิตในไทยเพราะจังหวะเวลานั้นโรงงานของพวกเขาที่ตั้งอยู่ในบ้านเราน่าจะเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยพร้อมเดินสายการผลิตทันที อ่านข่าว Harley-Davidson เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
แม้ว่าที่จริงแล้วทาง A.P.Honda ได้ทำการเปิดตัวเจ้า PCX Hybrid ให้สื่อมวลชนได้ทดสอบกันไปพอหอมปากหอมคอกันเมื่อกลางเดือนก่อน แต่เพื่อนๆคงจะทราบกันดีว่าในงานวันเดียวกันนั้นทางผู้บริหารยังไม่ได้มีการเปิดเผยราคาสำหรับวางจำหน่ายจริงใดๆทั้งสิ้นออกมา และมีเพียงแค่การเกริ่นเพดานตัวเลขไว้แค่ “ไม่เกินแสนสอง” กับช่วงเวลาประกาศราคาจริงๆอีกทีว่าเป็นต้นเดือนนี้เท่านั้น แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงตัวเลขราคาที่น่าจะเป็นไปได้ เราขอเกริ่นถึงสเปคและข้อดีคร่าวๆของเจ้า PCX Hybrid คันนี้ก่อนว่า จุดเด่นและจุดแตกต่างหลักๆของมันเมื่อเทียบกับ PCX 150 นั้นก็คงหนีไม่พ้นชุดระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบใหม่ที่ถูกติดตั้งเข้ามาเพื่อทำหน้าที่แทนมอเตอร์ ACG ของเดิมที่ทำได้แค่สตาร์ทเครื่องยนต์และชาร์จไฟกลับแบตฯกับจ่ายไฟให้ระบบอิเลกทรอนิกส์ของตัวรถเท่านั้น โดยเจ้ามอเตอร์ลูกใหม่ที่ว่านี้ จะมีหน้าที่ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์จังหวะออกตัว เร่งความเร็ว หรือเร่งแซง โดยอาศัยกระแสไฟจากแบตเตอรี่ Li-ion ที่ติดตั้งไว้ใต้เบาะนั่ง แถมยังมีชุดกล่องควบคุมการทำงาน และโหมดการขับขี่อีก 2 ระดับให้ผู้ใช้ได้ปรับเล่นตามความต้องการอีกต่างหาก ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้จากการสอบถามข้อมูลกับทางผู้บริหารคร่าวๆเกี่ยวกับต้นทุน ก็พบว่าต่ำๆก็มีหลัก 2 หมื่นขึ้นไปแล้วจากค่าตัวของแบตฯแยกลูกดังกล่าว ดังนั้นเมื่อบวกกับราคาดั้งเดิมของ PCX 150 ที่ตั้งตัวเลขกลางไว้ราวๆ 86,000 บาท จึงเห็นได้ว่าแค่นี้ก็แตะ 106,000 บาทเข้าไปแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ได้คิดค่ามอเตอร์และกล่องควบคุมด้วยซ้ำ ทำให้ตัวเลขราคาแสนสองตามการประกาศในข้างต้นสำหรับ PCX Hybrid จึงไม่น่าใช่อะไรที่เกินจริงไปนัก…
หลังจากที่เมื่อวันก่อนทาง Harley-Davidson ได้มีการให้ข้อมูลกับสื่อยุโรปถึงแผนการทำตลาดในช่วงปี 2020-2022 พร้อมกับยั่วน้ำลายสาวกด้วยการเปิดเผย 5 โมเดลใหม่ที่จะใช้ทำขายจริงในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในโมเดลที่น่าจะได้รับความสนใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเจ้า Streetfighter 975 ที่เพื่อนๆกำลังเห็นกันอยู่ในตอนนี้ โดยสำหรับข้อมูลในเบื้องต้นของ Streetfighter 975 น่าเสียดายที่ทาง Harley-Davidson ไม่ได้ระบุตัวเลขทางเทคนิคใดๆไว้ทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ก็คือการสังเกตุจากภายนอก ซึ่งจะเห็นได้ว่าดีไซน์เปลือกนอกของมันมีความแตกต่างจากพี่ๆร่วมแบรนด์ทั้งหมด เพราะปกติแล้วทางค่ายมักจะทำแต่รถมอเตอร์ไซค์แนวครุยเซอร์ ไม่เคยทำแน็คเก็ทไบค์อะไรแบบนี้มาก่อน แถมยังออกแบบให้ตัวรถมีความทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ ด้านเครื่องยนต์ของมันเป็นแบบ V-Twin ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาดความจุ(น่าจะ)ตามเลขรุ่นคือ 975cc ส่วนชุดเฟรมเป็นแบบเหล็กท่อ Twin-Spar ในขณะที่ชุดระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบหัวกลับ ทำงานคู่กับชุดดิสก์เบรกคู่พร้อมเรเดียลเมาท์คาลิปเปอร์จาก Brembo, ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบโมโนโช้ก ทำงานร่วมกับดิสก์เบรกพร้อมเรเดียลเมาท์คาลิปเปอร์เช่นกัน ส่วนระบบส่งกำลังคาดว่าจะเป็นแบบสายพานขับ เพราะสังเกตุได้จากที่มันมีจานพูลเลย์ไว้ใส่สายพานที่ล้อหลังนั่นเอง (แต่ตัวรถในภาพไม่ได้ใส่สายพานเอาไว้ สงสัยจะกะแค่เอามาถ่ายแบบเท่านั้น) อ่านข่าว Harley-Davidson เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
กับเทคโนโลยีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เมื่อก่อนเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกตา แต่ด้วยความที่ในปัจจุบัน รัฐบาลทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ จนยานพาหนะสันดาปภายในชักอยู่ยาก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เริ่มมีผู้ผลิตน้อยใหญ่ให้ความสำคัญกับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และเปิดตัวออกมาให้เห็นกันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่นเจ้า Italian Volt – Lacama คันนี้ เริ่มจากขุมกำลังหลักที่เป็นชุดมอเตอร์ แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำกำลังได้สูงสุด 95 แรงม้า กับแรงบิดอีก 208 นิวตันเมตร สามารถดันตัวรถ Lacama คันนี้ที่หนัก 250 กิโลกรัม จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.6 วินาที แต่จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง และแน่นอนตัวแบตเตอรี่เองก็เป็นแบบลิเทียม-ไอออน ความจุ 15 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งมาพร้อมระบบ Fast-Charge สามารถชาร์จไฟจาก 0-80% ได้ในเวลา 40 นาที (แต่ใช้เวลาชาร์จให้เต็มใน 3 ชั่วโมง) รองรับระยะทางในการใช้งานได้สูงสุด 180…
ยังคงมีข้อมูลหลุดออกมาให้เห็นกันเรื่อยๆก่อนเปิดตัวจริงปลายสัปดาห์นี้ กับ New Yamaha Exciter ที่เมื่อวันก่อนเราได้นำเสนอข่าวไปทั้ง ชุดไฟหน้า LED แบบใหม่ และภาพโบชัวร์ หรือใบปิดประกาศ ที่หลุดออกมา และในวันนี้ก็มีตารางข้อมูลทางเทคนิคเผยออกมาให้เห็นกันซักที โดยส่วนแรกที่เราขอพูดถึงก่อนก็คือชุดมาตรวัด ที่มีการถูกจับภาพไว้ได้ว่าจะเปลี่ยนเป็นแบบ Full Digital LCD แทนที่แบบลูกผสม วัดรอบเข็มกวาด ความเร็ว ดิจิตอล แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นจอสีมั้ย เพราะไม่ได้มีการต่อไฟให้เห็นอินเตอร์เฟซของหน้าจอ สำหรับข้อมูลในเรื่องนี้จากที่เราได้ลองเทียบกับแบบคร่าวๆ ความแตกต่างของ 2019 Exciter (โฉมใหม่) เมื่อเทียบกับ 2017 Exciter (โฉมปัจจุบัน) จะมีข้อสังเกตุอยู่ 5 จุดด้วยกัน ได้แก่ – ขนาดตัวรถ กว้าง x ยาว x สูง ในหน่วยมิลลิเมตร เปลี่ยนไปจากโฉม 2017 ที่มีตัวเลขมิติ 670 x…
หลังประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าตนเองจะกลับมาร่วมลงแข่งขันรายการระดับ GP อีกครั้งในปี 2019 เมื่อราวๆ 2 เดือนก่อน ล่าสุด MV Agusta F2 ก็ได้ถูกเผยหน้าตาว่าที่ตัวแข่ง Moto2 ให้เราเห็นกันจริงๆซักทีก่อนที่จะนำไปทดสอบในช่วงปลายปีนี้ โดยจากภาพจะเห็นได้ว่าตัวแข่ง Moto2 ของ MV Agusta F2 คันนี้ เป็นความร่วมมือกันกับ Forward Racing สร้างขึ้นมาแล้วใช้ชื่อในตอนนี้ว่า Prototype 1 นั้นมีจุดแตกต่างไปจากตัวแข่งในของทีมอื่นๆพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเล่นเส้นสายตั้งแต่หัวจรดท้ายด้วยลายเซ็นต์ที่ไม่ว่าใครก็สามารถมองออกได้ในทันทีว่านี่คือตัวแข่งของทีมไหน แถมตัวเฟรมหลัก หรือโครงรถเองก็แปลกไปจากชาวบ้าน เพราะเป็นโครงลูกผสมระหว่าง เหล็กถัก และอลูมิเนียมหล่อ (คล้ายๆของ F3 และ F4) ไม่ได้เป็นแบบใดแบบหนึ่งเหมือนที่ทีมอื่นๆใช้กัน และในส่วนของเครื่องยนต์เองแม้ว่าจะไม่ได้เป็นของที่ทางค่ายผลิตขึ้นมา เพราะต้องใช้เครื่องยนต์ของ Street Triple 765 จาก Triumph ตามกฏการแข่งขัน Moto2 ปี 2019 อย่างไรก็ดี…
อาจจะด้วยกระแสความนิยมในตลาดโลกที่เปลี่ยนไปจนแค่การขายรถมอเตอร์ไซค์แนวครุยเซอร์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้ Harley-Davidson เลือกเดินทางใหม่ที่แตกต่างจากเดิมด้วยการเตรียมเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์แนวที่พวกเขาไม่เคยผลิตมาก่อนในอีก 2 ปีข้างหน้าเป็นต้นไป เกี่ยวกับเรื่องนี้ทาง Harley-Davidson ได้ระบุไว้ว่ารถมอเตอร์ไซค์โมเดลใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงระหว่างปี 2020-2022 ตอนนี้มีจำนวนคร่าวๆ 16 คัน 16 แบบด้วยกัน โดยแต่ละคันนั้นจะมีรูปลักษณ์หรืองานออกแบบที่เน้นเอาใจวัยรุ่นมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีการติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขี่ยกตัวอย่างเช่น Traction Control และ Riding Mode เป็นต้น และเพื่อเป็นการยั่วน้ำลายสาวก Harley-Davidson กันเล่นๆ พวกเขาจึงได้เปิดตัวคอนเซปท์ไบค์ทั้งหมด 4 คันด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย Custom 1250 สปอร์ตครุยเซอร์ดีไซน์ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่ทางค่ายเคยทำมา, LiveWire แน็คเก็ทไบค์ไฟฟ้าคันแรกของค่ายที่มีข่าวลือออกมาตั้งแต่ปลายปี 2016 ซึ่งในที่สุดก็มีการเปิดเผยโฉมโปรดักชั่น หรือโฉมขายจริงออกมาเสียที, Pan America 1250 แอดเวนเจอร์ไบค์ “เครื่องยนต์ V-Twin พิกัดกลาง” คันแรกของทางค่าย, และ ที่เด็ดที่สุดก็คือ Streetfighter 975…