Author: admin

จากกระแสช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาหลังจากที่ MotoRival เราได้นำเสนอภาพรถพร้อมรายละเอียดเบื้องต้น Big Scooter คันใหม่ ของค่ายปีกนก Honda ที่หลากหลายคนรอคอยกับ All-New 2018 Forza 300 ทำให้เราสามารถยืนยันได้เลยว่านี่คืออีกหนึ่งโมเดลที่มีสาวกรอคอยกันเยอะพอสมควร โดยก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอข้อมูลไปเพียงแค่เรียกน้ำย่อยเท่านั้น แต่ในคราวนี้เราจะพาเพื่อนๆทุกคนไปล้วงลึกถึงฟีเจอร์ต่างๆของมันออกมาให้ได้ทราบไปพร้อมๆกันในบทความนี้ เริ่มกันเลยครับ และจุดแรกที่เราจะขอไล่ก่อนเลยนั่นก็คือดีไซน์รอบคันที่ทาง Honda ได้ระบุเอาไว้ว่าพวกเค้าตั้งใจออกแบบให้มันดูมีความสปอร์ต ปราดเปรียว และโฉบเฉี่ยวมากขึ้นเหมือนกับที่เคยทำไปก่อนหน้านี้ใน Forza 125 ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าทั้งชุดโคมไฟ และแฟริ่งรอบคันต่างก็มีเส้นสายที่ตัดคมมากขึ้นผิดกับ Forza 300 รุ่นปัจจุบันไปมาก ในขณะที่ตัวรถโดยรวมก็มีขนาดเล็กลงเพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน ส่วนตำแหน่งเบาะนั่งก็มีการขยับให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ ด้านฟีเจอร์หรือระบบอำนวยความสะดวกต่างๆที่ถูกเพิ่มเข้ามาอย่างมากมายของเจ้า All-New 2018 Forza 300 คันนี้นั่นก็คือ ระบบวินชิลด์ที่สามารถปรับขึ้นลงได้ถึง 140 มิลลิเมตรผ่านการสั่งการที่ประแฮนด์ด้านซ้าย, กล่อง U-Box ขนาดใหญ่ที่สามารถใส่หมวกกันน็อคเต็มใบได้พร้อมกันสองใบ โดยที่ยังมีพื้นที่พอเหลือพอให้ใส่กระเป๋าเอกสารขนาดกำลังดีได้อีกหนึ่งใบ, ช่องเก็บของด้านซ้ายหน้าตัวรถสำหรับเก็บของจุกจิกอย่างเช่น ขวดน้ำ สมาร์ทโฟน หรือเพาเวอร์แบงค์ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องมีพอร์ทชาร์จไฟขนาด 12 โวลท์มาให้…

Read More

เชื่อว่าในกลุ่มคนรักความเร็วทั้งหลายคงมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จักแบรนด์ Lamborghini ซึ่งโด่งดังจากการผลิตสุดยอดซุปเปอร์คาร์ที่ไม่ว่าใครต่างก็ยอมรับ แต่ใครบ้างจะรู้ว่าครั้งหนึ่งช่วงปี 80-90 ทางค่ายที่ทำแต่ซุปเปอร์คาร์ค่ายนี้ (อาจจะมีทำรถไถนาบ้างในช่วงแรกเริ่ม) ได้มีแนวคิดที่จะสร้างรถซุปเปอร์ไบค์อย่างจริงจัง จนถึงขั้นประกอบเป็นรถต้นแบบหรือโปรโตไทป์ได้เรียบร้อย ซึ่ง 1 ใน 6 ของเจ้ารถคันที่ว่าก็ได้ถูกนำมาประกาศประมูลอยู่ในตอนนี้ สำหรับข้อมูลตัวรถคร่าวๆที่เราพอจะทราบเกี่ยวกับเจ้า 1989 Lamborghini Superbike คันนี้มีแค่เพียงว่ามันออกแบบโดยมีแรงบันดาลใจจาก Lamborghini Countach และใช้ขุมกำลังหลักเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงขนาดความจุ 997cc 130 แรงม้าจาก Kawasaki มีน้ำหนักตัวโดยรวมที่ 183 กิโลกรัม สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 257 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับต้นๆของรถซุปเปอร์ไบค์ยุคนั้น และเป็นคันที่ 2 จาก 6 คันที่ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Boxer ในประเทศฝรั่งเศส น่าเสียดายที่หน้าตาของมันมีความเป็นเอกลักษณ์หรือแปลกตามากเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ในยุคนั้น (หรืออาจจะรวมถึงยุคนี้) ทำให้มันได้รับกระแสวิพาษ์วิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก และผลสุดท้ายคือทาง Lamborghini ก็ตัดสินใจล้มเลิกโปรเจ็กท์ไปในที่สุด แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่าเจ้าตัวรถ Lamborghini…

Read More

ห่างหายไปได้พักใหญ่สำหรับเจ้าYamaha Tenere 700 ที่ก่อหน้านี้มันได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในฐานะคอนเซปท์ไบค์ “T7” ในงาน INTERMOT2017 และล่าสุดมันได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งด้วยดีไซน์ที่มีความเป็นแมสโปรดักฯมากขึ้นก่อนเปิดตัวขายจริงในช่วงปลายปี 2018 ดังที่เราเห็นได้จากรูปที่เราแนบมาตอนนี้ อย่างไรก็ตามจากภาพอาจจะมองถึงความแตกต่างได้ไม่มากนัก แต่จากข้อมูลที่เราได้รับมาระบุไว้ว่าความเปลี่ยนแปลงของ Terene 700 เมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่ยังใช้ชื่อว่า T7 นั้นอยู่ที่การปรับปรุงเฟรมหรือโครงหลักตัวรถใหม่ให้ครอบคลุมการใช้งานระหว่างออฟโรดและออนโรดมากขึ้น รวมไปถึงการปรับความสูงเบาะให้ต่ำลงกว่าเดิมเพื่อรองรับกับผู้ขับขี่โซนเอเชีย (ซึ่งอาจจะรวมถึงไทยเราด้วย) สำหรับข้อมูลเบื้องต้นของ Yamaha Tenere 700 นั้นก็มีเพียงว่ามันใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ CP2 689cc ลูกเดียวกันกับ MT-07 แต่มีการปรับกราฟเครื่องยนต์ใหม่ ไปจนถึงการติดตั้งชุดระบบกันสะเทือนช่วงระยะยุบกว้าง และตกแต่งตัวรถรอบคันในลักษณะเดียวกันกับตัวแข่ง Dakar Rally ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อให้มันเป็นตัวลุยที่สามารถคลุกวงในกับเหล่า Adventure-Bike พิกัด 700-800cc ได้อย่างสูสี ขอบคุณข้อมูลจาก Morebikes อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival

Read More

โดยปกติแล้วเรามักจะเห็นเจ้า BMW R nineT ถูกตกแต่งด้วยรูปโฉมแนวสแครมเบลอร์ไม่ก็คลาสสิคไบค์อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปพบกับเจ้า R nineT ที่ถูกตกแต่งให้เป็นตัวแข่งตะลุยหิมะชนิดจัดเต็มแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยสำหรับสำนักที่เป็นเจ้าของผลงานในครั้งนี้ก็คือสำนัก Wunderlich สัญชาติเยอรมัน ซึ่งพวกเค้าได้ให้ข้อมูลว่าเหตุผลที่ต้องตกแต่งเจ้า R nineT คันนี้ให้มีหน้าตาแบบที่เห็นนั้นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการใช้มันลงแข่งขันในรายการ “Harley and Snow” ทืี่แต่เดิมจะเปิดรับสมัครแค่นักแข่งที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ของ Harley-Davidson เท่านั้น แต่ในปัจจุบันด้วยกระแสตอบรับที่เปิดกว้าง ทำให้ทางผู้จัดอณุญาติให้รถมอเตอร์ไซค์จากค่ายอื่นสามารถลงทำการแข่งขันได้ และอย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่าเจ้า R nineT ที่เรากำลังเห็นอยู่ตอนนี้ถูกตกแต่งและสร้างมาเพื่อตะลุยหิมะ ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าชุดล้อหน้าหลังของมันนั้นถูกรัดด้วยยางหนามขนาดยักษ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตะกุยพื้นหิมะ และเนื่องจากว่าการแข่งขันรายการนี้เป็นการแข่งแบบขับขึ้นเขา ดังนั้นทาง Wunderlich จึงจัดการถอดชุดสิงอาร์มเดิมออกไปแล้วแทนที่ด้วยชุดสวิงอาร์มแบบท่อเหล็กถักที่ยาวกว่าของเดิมเข้าไปเพื่อป้องกันการหน้าหงาย ด้านเครื่องยนต์นั้นดูเหมือนว่าทางสำนักจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวในส่วนของไส้ในใดๆทั้งสิ้น จะมีก็แค่การเปลี่ยนชุดกรองอากาศ และท่อไอเสียใหม่เพื่อความดุดันเะพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนจุดที่น่าสงสัยที่สุดในรถคันนี้ก็คือช่วงท้ายเบาะนั่งผู้ขี่มีการติดตั้งชุดล้อรองเท้าสเก็ตเอาไว้ 1 คู่ซึ่งเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันถูกติดตั้งมาด้วยจุดประสงค์อะไร อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival

Read More

พบกับอีกหนึ่งงานคัสตอมสุดแปลกตาจากสำนักต่างประเทศ ซึ่งในคราวนี้ก็เป็นทีของเจ้า Kawasaki Z900RS ที่ถูกนำมาตกแต่งใหม่ด้วยรูปโฉมหรือหน้าตาราวกับหลุดมาจากภาพยนต์อเมริกาดังปี 1979 อย่าง Mad Max ใช่ครับเจ้า Z900RS คันนี้ถูกตกแต่งโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรถมอเตอร์ไซค์ของพระเอกในเรื่อง Mad Max จริง แต่ไม่ใช่ในเวอร์ชั่นปี 2015 ที่เรารู้จักกันดี โดยสำหรับ Mad Max เวอร์ชั่นแรกในปี 1979 นั้นจะดำเนินเรื่องโดยมีตัวเอกเป็นนายตำรวจชื่อ Jim Goose ซึ่งตัวรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขานั้นก็คือ 1977 Kawasaki KZ1000 ที่ถูกครอบด้วยชุดแฟริ่งสุดแฟนซีเพื่อไล่ล่าตัวร้ายในเรื่อง และนั่นคือที่มาของเจ้า Z900RS Mad Max ‘Goose’ คันนี้ โดยหลักๆสิ่งแรกทางสำนักแต่ง Deus Ex Machina เจ้าของผลงานทำก่อนเลยก็คือ การนำชุดแฟริ่งสำเร็จของทาง Airtech Streamlining ที่ลอกดีไซน์ของ KZ1000 Jim Goose มาแบบเป้ะทุกรายละเอียดติดตั้งลงไปบน…

Read More

เชื่อว่าในปัจจุบันนี้สำหรับนักแต่งรถสายคัสตอมชาวไทยคงไม่มีใครไม่รู้จักกับสำนักแต่ง K-Speed ที่โดดเด่นอย่างมากในเรื่องชิ้นงานตกแต่งตัวรถที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูงและสวยงามไม่แพ้สำนักแต่งอื่นๆทั่วโลก ซึ่งผลงานล่าสุดที่พวกเขาได้ทำออกมานั้นก็คือเจ้า Benelli Leoncino คันสีดำทะมึนสุดดุดันที่เรากำลังเห็นอยู่ตอนนี้ และจากชื่อรุ่นรถ Leoncino และเส้นสายมัดกล้ามรอบคันทำให้ทางสำนักเล็งเห็นว่าควรตกแต่งตัวรถดุดันเหมือนกับ “สิงโตหนุ่ม” ที่สุดจึงทำให้พวกเขาเล็งเห็นว่าควรนำคาแรคเตอร์ชื่อดังจากการ์ตูนดิสนีย์อย่างเจ้าสิงโตซิมบ้ามาใช้เป็นแรงบันดาลใจเบื้องต้น โดยเน้นไปที่คาแรคเตอร์ด้านมืดของตัวซิมบ้าเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อประจำตัวว่า “Dark Simba” ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าตัวรถนั้นถูกตกแต่งด้วยสีดำทะมึนแทบทุกชิ้นส่วนเพื่อความดุดันไปพร้อมกับการเน้นรูปลักษณ์ภายนอกให้เปลี่ยนจากนีโอ-คลาสสิคแน็คเก็ทธรรมดาๆ ให้กลายเป็นสแครมเบลอร์ไบค์ที่พร้อมบุกตะลุยไปได้ทุกที่ซึ่งเข้ากับลุคราชาแห่งสัตว์ป่าอย่างสิงโตเป็นอย่างมาก และสิ่งแรกที่ทางสำนัก K-Speed เลือกจับเปลี่ยนก่อนเป็นอย่างแรกนับตั้งแต่ได้รับเจ้า Leoncino 500 มาจากศูนย์ Benelli พวกเขาก็ได้ทำการจับชุดแฮนด์บาร์ทรงสูงอันเดิมทิ้งไป แล้วแทนที่ด้วยชุดแฮนด์บาร์อันใหม่ที่มีความเตี้ยลงแต่ทำมุมกว้างมากกว่าเดิม พร้อมกันนั้นก็ทำการเปลี่ยนปั๊มเบรกปั๊มคลัชท์เป็นของ Brembo หลังจากนั้นจึงจัดการย้ายชุดมาตรวัดมาไว้ที่ตรงกลางแฮนด์บาร์ ซึ่งแต่มันถูกติดตั้งเหนือโคมไฟหน้า ลำดับต่อไปคือการตัดชุดซับเฟรมหลังทิ้งเพื่อสร้างใหม่ให้สมกับความเป็นสแครมเบลอร์ไบค์มากขึ้นกว่าเดิม ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยเบาะนั่งทรงคลาสสิคและชุดไฟท้าย LED กับบังโคลนขนาดจิ๋ว ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าหลังยังคงเดิมทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันชุดล้อเดิมๆที่ถูกรัดด้วยยางเรเดียลติดมาตั้งแต่ออกโรงงานก็ได้ถูกถอดออกไปเพื่อสลับยางใหม่ให้เป็นแบบหนามขนาดใหญ่ทั้งหน้า/หลัง ตามด้วยการเปลี่ยนชุดปั๊มเบรกล่างเป็นของ Brembo กับเปลี่ยนชุดท่อไอเสียใหม่ที่มีดีไซน์ดุดันกว่าเดิมตั้งแต่คอยันปลายท่อ และจบงานสุดท้ายด้วยการติดตั้งครอบไฟหน้ากับแผ่นบังโคลนขนาดจิ๋วไว้ใต้โคมไฟก็เป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับเจ้า Benelli Leoncino 500 “Dark Simba” คันนี้ ขอบคุณภาพจาก Pipeburn.com อ่านข่าวสาร…

Read More

ไม่รู้ว่าจะจริงแค่ไหนกันแน่ แต่ดูเหมือนว่านี่อาจจะเป็นรูปโฉมที่ทาง Honda เลือกออกแบบมาให้กับเจ้า Forza 250 รุ่นใหม่ที่จะปรากฏตัวในเร็วๆนี้ หลังทางสื่อญี่ปุ่นเจ้าดัง Young-Machine ได้แนบรูปเรนเดอร์ของโมเดลนี้ไว้บนปกแมกกาซีนรอบเดือนเมษายน และทางสื่ออินโดนีเซียจอมเรนเดอร์อย่าง Motoblast ก็ได้นำไปขยายและเรนเดอร์ต่อจนกลายเป็นภาพที่เรากำลังเห็นอยู่ตอนนี้ จากภาพจะเห็นได้ว่าเจ้า Forza 250 ในภาพนั้นมีดีไซน์ผสมกันระหว่างตัว Forza 125 ที่สังเกตุได้แทบทันทีจากชิ้นส่วนแฟริ่งรอบคัน ชุดล้อหน้าหลัง และบังโคลน จะมีก็แค่เพียงชุดโคมไฟหน้าเท่านั้นที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนซ้ายขวาในตัวรถเรนเดอร์ ซึ่งเอาจริงๆแล้วในตัวรถดั้งเดิม (ตัว 125) เป็นแบบโคมเดี่ยวเท่านั้น) ผสานกับชิ้นส่วนของ PCX150 รุ่นใหม่อีกเล็กน้อยนั่นก็คือชุดการ์ดท่อไอเสียด้านล่างนั่นเอง และถ้าหากเจ้า Forza 250 ที่จะวางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีียหรือญี่ปุ่นมีหน้าตาแบบนี้จริง (ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาทาง Young Machine ไม่ค่อยพลาดเท่าไหร่นักในเรื่องดีไซน์ตัวรถ) แน่นอนว่าตัว Forza 300 ในบ้านเราก็ต้องได้รับอานิสงค์นี้ไปด้วยเช่นกัน รอติดตามกันได้เลยครับ ขอบคุณภาจาก Motoblast และ Young-Machine อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่…

Read More

หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้สำหรับผลการทดสอบรอบ Winter Test ที่สนามช้าง อินเตอร์แนชชั่นแนลเซอร์กิต บุรีรัมย์ ของทาง Movistars Yamaha Team นั้นดูไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทางฝั่ง Marverick Vinales ที่ได้แสดงอาการผิดหวังค่อนข้างรุนแรงออกมาหลังจบการทดสอบรอบดังกล่าว และลากยาวมาจนถึงการทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล 2018 ที่ประเทศกาตาร์ จนทาง Valentino Rossi เพื่อนร่วมทีมมากประสบการณ์ต้องออกมากล่าวกับทางสื่อว่า “Vinales ควรลดความคาดหวังของตัวเองลงบ้าง เพื่อไม่ให้เค้าผิดหวังกับสิ่งที่ Yamaha เป็นอยู่ตอนนี้” “ใช่, Maverick ดูซึมมากๆ (ในการทดสอบที่กาตาร์) แต่สุดท้ายเค้าก็จบตัวเลขบนตารางด้วยกันดับ 5 ของการทดสอบนี้”, ” เป็นเพราะว่าตัว Maverick อยากจบการทดสอบด้วยอันดับหนึ่งโดยที่ต้องทิ้งห่างเวลาจากคู่แข่งคนอื่นๆเป็นวินาที ซึ่งมันไม่ได้ใกล้ความเป็นจริงเลยซักนิด ซึ่งอาจจะเพราะว่าเค้ายังอ่อนประสบการณ์เกินไป” “แต่ในการแข่งขัน MotoGP ในปัจจุบันด้วยกฏกติกาหลายๆอย่างที่ระบุออกมาทำให้ตัวแข่งมีขีดความสามารถที่ไล่เลี่ยกันทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องของยาง ดังนั้นความต่างของนักบิดแต่ละคนจึงไม่ได้มากมายขนาดนั้น” โดยทาง Rossi ได้กล่าวเพิ่มเติมกับทางสื่อเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาเจ้า YZR-M1 เพิ่มเติมอีกว่า…

Read More

จากข้อสงสัยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งว่าด้วยเรื่องทำไมทาง Tech3 ถึงประกาศแยกตัวจาก Yamaha ทั้งๆที่ทีมสามารถทำผลงานได้ดีกับตัวแข่งค่ายนี้ และในที่สุดทาง Herve Poncharal ผู้จัดการทีมก็ได้ออกมาให้คำตอบว่าสาเหตุของการตัดสินใจแยกทางจากค่ายส้อมเสียงในครั้งนี้นั้นก็เป็นเพราะว่า “ทางทีมได้รับการสนับสนุนจากค่ายไม่มากพอ” โดยทาง Poncharal ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่าทั้งๆที่ในการแข่งขันฤดูกาลปี 2017 ที่ผ่านมา นักบิดในสังกัดอย่าง Johan Zarco สามารถจบผลงานการแข่งขันได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในสองสนามสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาล แต่แทนที่ทาง Yamaha จะตอบแทนผลงานของนักบิดและทีม Tech3 ด้วยการซัพพอร์ทเพิ่มขึ้น อย่างเช่นการให้นักบิดหมายเลข 5 ได้รับสิทธิ์ในการขับเจ้า YZR-M1 รุ่นปี 2018 ลงทำการแข่งขันในฤดูกาลที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เหมือนอย่างที่ทาง HRC มอบตัวแข่ง RC213V สเปคล่าสุดให้กับ Cal Crutchlow ส่วน Ducati เองก็ให้ Danilo Petrucci ใด้ใช้ตัวแข่ง GP18 แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า Zarco ก็ยังต้องใช้ตัวแข่ง…

Read More

จากความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้จากสื่อญี่ปุ่นที่ว่าทาง Yamaha มีแผนที่จะขยายตลาดรถมอเตอร์ไซค์ 3 ล้อที่ใช้ระบบช่วงล่างและบังคับเลี้ยวแบบ LMT (Leaning Multi-Wheeler) ซึ่งตัวรถที่ว่านี้จะมาพร้อมกับพื้นฐานเครื่องยนต์ความจุราวๆ 300cc หรือว่าง่ายๆก็คือเจ้าตัวรถมอเตอร์ไซค์ LMW น้องใหม่คันนี้จะใช้พื้นฐานเดียวกันกับ YZF-R3/MT-03 แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นซะแล้ว จากข้อมูลการวิเคราะห์ล่าสุดของทางสื่อฝั่งยุโรป ได้ระบุเอาไว้ว่าแท้จริงแล้วทางผู้บริหาร Yamaha ได้ให้ข้อมูลเพียงแค่ว่า ทางบริษัทมีความต้องการที่จะรุกตลาดมอเตอร์ไซค์แนว LMW อย่างจริงจัง และมีแผนที่จะเปิดตัวโมเดลใหม่ที่มาวางตลาดอยู่ระหว่าง Niken และ Tricity จริง แต่ทาง Asphalt&Rubbers ได้ระบุไว้ว่าเจ้าน้องใหม่คันนี้จะมาด้วยพิกัดเครื่องยนต์ระดับกลาง หรือ Mid-Sized ซึ่งหมายถึงช่วงพิกัดเครื่องยนต์ระหว่าง 600-800cc ดังนั้นจากข้อมูลในตอนนี้เราจึงสามารถระบุได้แค่เพียงว่าทาง Yamaha มีแผนจะเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ LMW รุ่นใหม่โดยทำตลาดอยู่ระหว่าง Tricity และ Niken นั้นเป็นเรื่องจริง แต่ในเรื่องของความจุเครื่องยนต์ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดเนื่องจากทางฝั่งสื่อญี่ปุ่นเองก็มั่นใจว่ามันจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 321cc ของ YZF-R3/MT-03 (หรือไม่ก็ 250cc จาก…

Read More