TVS แบรนด์คู่ขา BMW จากอินเดียเตรียมนำเทคโนโลยีไฮบริดมาใช้กับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในอีกราวๆสองปีข้างหน้า ซึ่งก็คือเจ้า Zeppelin คอนเซปท์ครุยเซอร์ที่เรากำลังเห็นกันอยู่ตอนนี้ โดยในส่วนของข้อมูลตัวรถนั้นด้วยความที่มันยังเป็นเพียงแค่คอนเซปท์ไบค์จึงยังไม่มีอะไรชี้แจงออกมามากมายนัก นอกจากชุดโช้กคู่หน้าที่ยกมาจาก TVS Apache RTR 300 (หรือถ้าให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกนิดก็คือชุดเดียวกับ BMW G310R) ส่วนขุมกำลังหลักก็เป็นเครื่องยนต์ขนาด 220cc สูบเดียว ที่สามารถสร้างแรงม้าได้สูงสุดราวๆ 20 ตัวที่ 8,500 รอบ/นาที ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยแรงโดนใจนักบิดเท่าไหร่นัก แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่าเจ้านี่คือมอเตอร์ไซค์ไฮบริด ดังนั้นแหล่งกำลังเสริมอย่างมอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกติดตั้งเข้ามาเพิ่มนั้นน่าจะมีความสามารถในการสร้างแรงบิดให้กับตัวรถได้อีกพอสมควร รอติดตามกันได้เลยครับ ขอบคุณภาพจาก Indianautosblog ขอบคุณข้อมูลจาก Motorcycle-Magazine อ่านข่าว TVS เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
Author: admin
เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ประเทศเสปนได้มีกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่ง ย่องเข้าไปขโมยรถมอเตอร์ไซค์คัสตอมไบค์คันงามของสำนักแต่ง CRD (Cafe Racer Dream) ที่ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด ซึ่งจากข้อมูลที่ทางสำนักระบุไว้นั้น มีตัวรถตัวรถที่ถูกขโมยไปทั้งหมด 9 คันด้วยกันได้แก่ BMW ตระกูล R ทั้งหมด 5 คัน, Triumph อีก 1 คัน, Bimota 1 คัน, ตัวแข่ง Honda 1 คัน รวมถึงคลาสสิคคาร์ในตำนานอย่าง Porsche 356 อีก 1 คัน เริ่มจาก – BMW R100 RS / รหัสประจำสำนัก CRD105 / เลขโครง 6392392 / หมายเลขทะเบียน CA-4374-N – BMW…
แม้ว่าหลังจากที่ทางกรรมการการแข่งขัน MotoGP ทางด้านเทคนิค Danny Aldridge ได้ทำการออกกฏแบน “ปีก” ที่ถูกออกแบบมาช่วยแก้ปัญหาอาการหน้ารถลอยของตัวแข่งไปหลังจบฤดูกาล 2016 เนื่องจากมีหลายเสียงวิจารณ์ออกมากล่าวว่าเจ้าปีกดังกล่าวนั้นอันตรายต่อนักบิดผู้อื่นเกินไป เพราะมันอาจจะแทงเข้าไปยังลำตัวของพวกเขาได้ทุกเมื่อ แต่จนแล้วจนรอดเหล่าผู้ผลิตต่างๆก็ได้ทำการออกแบบแฟริ่งชุดใหม่ที่มี “ปีกแบบซ่อนตัวภายในแฟริ่ง” ออกมาเพื่อใช้กับตัวแข่งโฉมปี 2017 ของพวกเค้า โดยทีมแรกที่ทำออกมาให้เห็นก็คือ Yamaha ซึ่งออกแบบให้ตัวแฟริ่งมีชั้นโป่งออกมาด้านนอกแล้วแทรกตรงกลางระหว่างเปลือกแฟริ่งชั้นในกับเปลือกแฟริ่งชั้นนอกด้วยครีบเรียงอากาศสามอันไว้ด้านใน ซึ่งเป็นไปตามกฏที่ระบุไว้ว่า “ชิ้นส่วนหรือรูปทรงใดๆก็ตามที่มีผลถึงหลักกากาศพลศาสตร์ของตัวรถ แต่ไม่ได้เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งกับบอดี้พาร์ท จะถูกระงับใช้” อย่างไรก็ตาม Danny ไม่ต้องการที่จะแบนระบบแฟริ่งที่ช่วยในเรื่องหลักอากาศพลศาสตร์ไปเลยซะทีเดียว แต่เพียงแค่ต้องการให้มันปลอดภัยขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเค้าจึงออกกฏมาเพิ่มเติมอีกว่า “ทีมแข่งสามารออกแบบแฟริ่งเพิ่มเติมได้อีก 2 แบบด้วยกัน โดยอนุญาติให้ชิ้นส่วนแอโร่แฟริ่งที่ออกแบบมาสามารถถอดออกได้โดยไม่กระทบต่อข้อกำหนดแฟริ่ง (ขนาดตัวรถ) แต่ไม่อนุญาติให้มีชิ้นส่วนเพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง” และจุดที่เป็นปัญหาของกฏเกี่ยวกับกฏควบคุมปีกจนทำให้เหล่าผู้ผลิตหัวหมอใช้เป็นช่องโหว่ก็คือ “อนุญาติให้ชิ้นส่วนแอโร่แฟริ่งที่ออกแบบมาสามารถถอดออกได้” จึงทำให้ผู้ผลิตเริ่มออกแบบแอโร่แฟริ่งรูปทรงใดก็ได้แบบแยกส่วนออกมาเพราะไม่ได้ระบุเอาไว้ แต่หากเพื่อนๆได้เคยเห็นผ่านตามาซักนิด จะเห็นได้ว่าชุดแอโรแฟริ่งแบบล่าสุดของทาง Yamaha ที่ถูกนำมาทดสอบในรอบพรีซีซั่น 2018 ที่สนามเซปัง ได้มีการติดตั้ง ชิ้นส่วนครีบที่งอกออกมาจากข้างลำตัวรถแล้วงุ้มกลับเข้าทางด้านล่าง แต่เมื่อมองมิติต่างๆของครีบที่ว่า มันค่อนข้างดูเหมือนปีกจนมากเกินไป (มีมิติทางกว้างมากกว่าทางสูง) และจากจุดนี้นี้แหล่ะครับที่เป็นปัญหาอันน่าขบคิดของ Danny…
อย่างที่ใครหลายคนทราบกันดีว่าเมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมาทาง MotoGP ได้มีการจัดให้ทีมแข่งต่างๆทดสอบตัวรถที่สนามเซปัง ประเทศมาเลเซียขึ้นเป็นเวลาทั้งหมด 3 วัน ซึ่งทางนักบิดอย่าง Maverick Vinales หมายเลข 25 และ Valentino Rossi หมายเลข 46 จากทีม Yamaha สามารถทำเวลาต่อรอบได้ดีที่สุดเพียงแค่อันดับ 18 และ 8 เท่านั้นเมื่อเทียบกับนักบิดรายอื่นๆในการทดสอบเดียวกัน โดยสาเหตุที่เป็นอย่างนั้น ทาง Valentino Rossi ได้เปิดเผยว่า “ผมคิดว่าผมยังเร็วได้มากกว่านี้ (หากเทียบกับเมื่อวาน) แต่ในความเป็นจริงมันมีปัญหาค่อนข้างเยอะพอสมควร” ,”เราต้องวิเคราะห์สาเหตุของปัญหานั้นให้ได้ (เรื่องกริปล้อหลังที่หายไป) แต่เราไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นเพราะอะไร” ในขณะเดียวกันทาง Maverick Vinales กลับให้การเปิดเผยสั้นๆเนื่องจากไม่พอใจในผลการทดสอบของเจ้าตัวมากนักว่า “ผมอยากจะหยุดเพียงแค่นั้นเพราะเวลาตัวเลขระยะเวลาต่อรอบของผมมันไม่อยู่ในแบบที่ควรจะเป็น” อย่างไรก็ตามแม้ว่าหากดูจำนวนรอบที่นักบิดทั้งสองได้ทำการหวดตัวแข่งตลอดทั้งสามวันทางฝั่ง MV25 จะใช้เวลาในสนามมากกว่าทางฝั่ง VR46 อยู่พอสมควร แต่ Massimo Meregalli ผู้ทำหน้าที่ควบคุมทีม Movistar Yamaha…
แม้ว่าเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาทาง Ducati จะได้ทำการเปิดตัวซุปเปอร์ไบค์เรือธงรุ่นใหม่อย่าง Panigale V4 ออกมาทำตลาดในฐานะรถมอเตอร์ไซค์โมเดลปี 2018 แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่าในการแข่งขัน WSBK ฤดูกาล 2018 พวกเค้าจะยังใช้ 1199 Panigale R เป็นตัวแข่งประจำทีมเช่นเดิมดังเช่นที่เรากำลังเห็นอยู่ตอนนี้ แน่นอนว่าในส่วนของสปอนเซอร์หลักประจำทีมนั้นก็ยังคงเป็น Aruba.it เช่นเดิมดังที่เห็นได้จากแถบคาดสีดำขนาดใหญ่ ส่วนลวดลายอื่นๆบนตัวรถก็ยังคงวางไว้ตำแหน่งเดิมไม่มีผิดเพี้ยนเมื่อเทียบกับตัวแข่ง Panigale R เมื่อปีก่อน อาจจะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อยจนแทบจะต้องใช้ทักษะในการเล่นเกมจับผิดภาพมาสังเกตุข้อแตกต่างกันเลยทีเดียว ส่วนตัวขับของทีม Aruba.it RACING – Ducati ก็ยังคงเป็นรองแชมป์โลก WSBK เมื่อปีที่แล้ว Chaz Davies ผู้มากับเลขนำโชคหมายเลข 7 และ Marco Melandri นักบิดหมายเลข 33 ผู้ผ่านการขับขี่ตัวแข่งระดับ MotoGP มาแล้วกว่า 9 ปี อ่านข่าว WSBK เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว…
เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา PATA Yamaha Superbike อีกหนึ่งทีมจากเวทีการแข่งขัน WSBK เปิดตัวรถแข่ง YZF-R1 เวอร์ชั่นล่าสุดที่จะใช้ทำการแข่งขันในฤดูกาล 2018 โดยยังคงมีสองนักบิด Alex Lowes หมายเลขประจำตัวเบอร์ 22 และ Michael van der Mark หมายเลขประจำตัวเบอร์ 60 ทำหน้าที่เป็นผู้คุม “กระเบนราหูซิ่ง” นี้เช่นเดิมเหมือนกับปีที่แล้ว โดยสำหรับการเปลี่ยนแปลงของตัวแข่ง YZF-R1 ประจำปี 2018 ของ Pata Yamaha เมื่อเทียบกับตอนปี 2017 จะอยู่ที่เฉดสีหลักที่ถูกพ่นลงไปบนแฟริ่ง ซึ่งในด้านของลวดลายปี 2018 นั้นจะมีการเน้นพื้นที่สีดำเป็นหลัก ในขณะที่ตำแหน่งสปอนเซอร์ต่างๆที่เราเคยเห็นบนตัวรถปี 2017 นั้นยังคงอยู่ที่เดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น รวมถึงชิ้นส่วนหรือของแต่งที่ถูกติดตั้งไปบนตัวรถก็ยังคงเป็นของเดิมกับที่ใช้เมื่อปีที่แล้วด้วยเช่นกัน ทั้งชุดท่อไอเสียจาก Akrapovic, ชุดระบบเบรกจาก Brembo, ชุดล้อน้ำหนักเบาจาก Marchesini, และชุดระบบกันสะเทือนหน้าหลังจาก Ohlins…
ในขณะที่บ้านเรายังคงต้องลุ้นกันว่าทาง AP Honda จะเปิดตัว CBR250RR ที่มาพร้อมกับความจุเครื่องยนต์ระดับ 300-400cc หรือไม่จนหลายคนที่เฝ้ารอคอยโมเดลนี้ต่างหนีไปซบสปอร์ตไบค์พิกัดเดียวกันแทบหมดตลาด แต่ขณะเดียวกันนั้นทางฝั่งสาวกปีกนกในประเทศอินเดียกลับยังไม่ได้รับการอัพเดทหน้าตาเดิมๆของ CBR250R ให้กลายเป็น CBR300R ไฟหน้าคู่แบบบ้านเราด้วยซ้ำทั้งๆที่มันเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงปี 2011 และเหมือนฟ้าจะยังคงไม่เป็นใจให้กับชาวอินเดียเท่าไหร่นัก เมื่อล่าสุดในงานมหกรรมยานยนต์ของประเทศพวกเขานั้นทาง Honda ได้ประกาศเปิดตัว CBR250R รุ่นปรับโฉมใหม่ที่ไม่ใช่แค่การปรับลายกราฟฟิคเท่านั้น แต่ออพชั่นเด็ดของเจ้า CBR250R เวอร์ชั่นปี 2018 สำหรับประเทศอินเดียนั้นยังมาพร้อมกับ ชุดเรือนไมล์สกรีนลายพื้นแบบใหม่, คาลิปเปอร์เบรกหน้า 2 พอรฺ์ท (แบบเดียวกับของ CBR300R ในบ้านเรา) แทนที่ชุดคาลิปเปอร์ 3 พอร์ทของเดิมในรุ่น ABS, และที่เด็ดที่สุดคือโคมไฟหน้าที่มาพร้อมกับโคมภายในแบบ LED ตามสมัยนิยม ซึ่งมันหมายความว่าทางค่ายปีกนกแดนโรตีจะยังยืนยันที่จะขายเจ้า CBR250R หน้าตาแบบนี้กันต่อไปอีกพักใหญ่ ด้านเครื่องยนต์ดูเหมือนว่าจะได้รับการปรับปรุงเล็กน้อยเพื่อให้มันผ่านมาตรฐานมลพิษใหม่ของประเทศอินเดียที่เข้มงวดมากขึ้น และกำลังถูกบังคับใช้อยู่ในตอนนี้ แต่ตัวเลขที่ระบุไว้ในใบตารางสเปคตัวรถนั้น ดูเหมือนว่าค่าแรงม้า/แรงบิดโดยรวมของตัวรถจะยังคงเท่าเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 8 ปีที่แล้ว สำหรับราคากลางของเจ้า 2018…
ในขณะที่ระยะเวลาการเปิดตัวของว่าที่ All-New Hayabusa รุ่นใหม่จากค่าย Suzuki ก็ใกล้เข้ามาทุกทีนั้น สิ่งนึงที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเหล่าสาวกเหยี่ยวอ้วนทั้งหลายจนปัจจุบันอยู่นั่นก็คือ “ทาง Suzuki จะงัดไม้เด็ดอะไรบ้างออกมาใช้กับเจ้าไฮเปอร์ไบค์คันนี้ ?” และจากข้อมูลล่าสุดของทางสื่อยุโรป “Asphaltandrubber” ก็ได้ออกมาระบุไว้ว่าในช่วงเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีข่าวลือออกมาหลายทางซึ่งเมื่อดูจากความเป็นไปได้ต่างๆ ก็ถือว่ามีโอกาศสูงอยู่เหมือนกันที่ทาง Suzuki จะจัดออพชั่นชุดใหญ่มาให้เจ้าเหยี่ยวอ้วน V3 ตามข้อมูลที่ระบุไว้ ได้แก่ ชุดระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เต็มขั้น หลักๆก็จะเป็นแทรคชั่นคอนโทรลและระบบ Cornering ABS, เสริมด้วยชุดระบบกันสะเทือนแบบ Semi-Active, และที่เด็ดสุดๆคือเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่จะถูกขายความจุจาก 1,340cc เป็น 1,440cc เพื่อให้มันสามารถทำลายกำแพงความเร็ว 200 ไมล์/ชั่วโมง หรือราวๆ 322 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยจุดสังเกตุก็คือข้อมูลเรื่องเครื่องยนต์ใหม่ของ Hayabusa จากทางฝั่งยุโรปนั้นค่อนข้างเอนเอียงไปทาง “การขยายความจุ” ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันทางสื่อฝั่งเอเชียอย่าง ญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย กลับให้ข้อมูลว่า “เครื่องยนต์ลูกใหม่จะถูกลดความจุ แล้วยัดระบบเทอร์โบชาร์จผสมกับวาล์วแปรผัน VVA” เพื่อให้มันสามารถตบคู่แข่งตัวสำคัญอย่าง…
ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโมเดลใหม่ออกมากันอยู่เรื่อยๆจริงๆสำหรับแบรนด์ CCM จากประเทศอังกฤษที่ในคราวนี้พวกเขาได้ทำการเปิดตัวอีกหนึ่งโมเดลจากตระกูล Spitfire ที่ถูกดัดแปลงหน้าตาใหม่ให้กลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนว Bobber หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางค่ายได้เคยเปิดตัวทั้งในรูปแบบของ Tracker, Cafe Racer และ Scrambler กันไปแล้ว จากภาพเรนเดอร์จะเห็นได้ว่าเจ้า CCM Spitfire Bobber คันนี้นั้นยังคงใช้ชุดเฟรมหรือโครงหลักแบบเหล็กท่อกลมดัดขึ้นรูปเช่นเดียวกันพี่น้องร่วมตระกูล แต่ในส่วนของช่วงซับเฟรมที่ใช้รองรับตัวผู้ขับขี่นั้นมีการกดองศาให้วางราบต่ำกว่าเดิมเพื่อลดต่ำแหน่งของเบาะนั่ง รวมถึงแฮนด์บาร์ที่จัดองศางุ้มลงและเข้าหาตัวให้ตรงตามคอนเซปท์ที่ตั้งไว้ สำหรับข้อมูลเครื่องยนต์นั้นยังคงใช้แบบลูกสูบเดียว 600cc พละกำลังสูงสุด 55 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอีก 58 นิวตันเมตรเช่นเดิม โดยในโฉม Bobber นี้จะถูกผลิตขึ้นเพียง 150 คันเท่านั้น และเราเชื่อว่าทันที่ทาง CCM เริ่มเปิดจอง เหล่าสาวกที่ชื่นชอบในผลงานสร้างมอเตอร์ไซค์แบบแฮนด์เมดของทางค่ายคงไม่รอช้ากดคิวสั่งกันจนเต็มจำนวนในระยะเวลาอันสั้นแน่นอน ขอบคุณข้อมูลจาก MCN อ่านข่าว CCM เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เราเริ่มรู้จักแบรนด์ Royal Enfield ก็ยังไม่เคยเห็นพวกเขาเปิดตัวโมเดลที่มีดีไซน์สมัยใหม่กันซักที แต่ดูเหมือนว่าในอีกไม่นานนับจากนี้เราจะได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์แนวแทรคเกอร์จากทางค่ายอย่างจริงๆจังๆกันซักที โดยใช้ชื่อประจำตัวโมเดลนี้ว่า Thunderbird 350X และ Thunderbird 500X จากภาพ Spyshot ที่เรานำเสนออยู่นั้น จะเห็นได้ว่าเจ้าแทรคเกอร์ของ Royal Enfield ทั้งสองคันนั้นมีดีไซน์ที่ฉีกไปจากพี่ๆร่วมค่ายมาพอสมควร เนื่องจากมันถูกออกแบบและติดตั้งด้วยชุดบอดี้พาร์ทดีไซน์สมัยใหม่แทบทั้งคัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชุดไฟหน้าโปรเจกเตอร์, ไฟท้าย LED, ล้อแม็ก, ท่อไอเสีย, เบาะนั่งที่ดูทันสมัยขึ้นมากกว่าโมเดลอื่นๆที่เน้นดีไซน์อ้างอิงยุคสงครามโลก ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นยังคงใช้พื้นฐานเดิมที่ประจำการอยู่ในโมเดลอื่นๆของทางค่ายนั่นก็คือเครื่องยนต์สูบเดียว 350cc 19.8 แรงม้า สำหรับรุ่น 350X และสูบเดียว 499cc 27.2 แรงม้า สำหรับรุ่น 500X ส่วนวันเปิดตัวจากข้อมูลที่ระบุไว้โดยสื่ออินเดียก็คือภายในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ โดยพร้อมเปิดราคาจำหน่ายที่ 148,000 รูปีย์ หรือราวๆ 72,700 บาทในรุ่นเล็ก ส่วนรุ่นใหญ่จะมีราคาเปิดตัวที่ 200,000 รูปีย์ หรือราวๆ…