Yamaha Tenere 700 Extreme Edition นักโดดเนินลุยทรายคลาสกลางรุ่นใหม่จากค่ายส้อมเสียง Yamaha ที่ถูกเปิดตัวไปในทวีปยุโรป โดยตัวรถรุ่นนี้จะเป็นการอัพเกรดรายละเอียดเล็กน้อยรอบคัน ให้เหมาะสมกับการใช้งานแบบสายลุยได้มากขึ้น ทั้งการเพิ่มความสูงของระบบกันสะเทือน และความสูงเบาะ แต่การขณะเดียวกันก็คงเป็นฝันร้ายสำหรับนักขี่ขาสั้นไซส์เอเชีย Yamaha Tenere 700 Extreme Edition นั้นยังคงถูกสร้างอยู่บนพื้นฐานของ Tenere 700 รุ่นปกติที่พกหัวใจสหกรณ์คลาสกลาง CP2 ระบายความร้อนด้วยน้ำ 2 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 689 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุด 73.4 Hp @ 9,000 RPM และแรงบิดสูงสุด 68 Nm @ 6,500 RPM ลูกเดิมที่แชร์กับรุ่นพี่น้องรุ่นอื่นของมันไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับหน้าจอสี TFT และระบบอิเล็กทรอนิกส์รอบคัน(ที่ปกติก็ไม่ค่อยมีอะไรเยอะซับซ้อนอยู่แล้ว) การอัพเกรดภายนอกที่เห็นได้ชัดคือ บังโคลนหน้าสายลุยทรงจงอยจากนก และพักเท้าสายลุยที่ทำจากวัสดุไทเทเนียม แต่จุดสำคัญคือการเพิ่มความสูงของระบบกันสะเทือน KYB…
Author: Kristha
2023 BMW R1250GS Trophy และ R1250GSA Trophy รถแอดเวนเจอร์ตัวสุดจากค่ายฟ้าขาว BMW เจ้าของตำแหน่งตัวจบสายลุย ที่ไม่ว่านักขับคนนั้นจะผ่านรถมอเตอร์ไซค์มากี่สไตล์ หลายคันมากขนาดไหนก็ตาม สุดทายก็มักจะมาลงเอยกับรถยกสูงคันใดคันหนึ่งใน 2 รุ่นย่อยนี้ ซึ่งสำหรับรถรุ่นใหญ่ของตระกูล GS ในปีหน้านั้นก็ได้ถูกเผยโฉมออกมาเรียบร้อยด้วยสีใหม่ พร้อมราคาเริ่มต้นที่ 1.11 ล้านบาท ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรายการแข่งขันชื่อดังที่จัดขึ้นในค่ายทุกปีอย่าง GS Trophy 2023 BMW R1250GS Trophy และ R1250GSA Trophy นั้นจะมาพร้อมกับสีใหม่ น้ำเงิน Gravity Blue Metallic ที่ผสมให้ละมุนด้วยสีขาว และตัดเพิ่มความโดดเด่นด้วยสีส้ม เพิ่มความน่าสนใจด้วยลายกราฟฟิกตัวเลข 1250 วางเรียงเป็นแนวตั้งที่ข้างถังน้ำมัน และเติมรายละเอียดเล็กน้อยด้วยโลโก้ GS Trophy ตามรายการแข่งขันที่เป็นต้นแบบ นอกจากนี้ยังได้ทำการเพิ่มอุปกรณ์อื่นเข้าไปจากตัวรถปกติ เช่น เบาะแรลลี่, การ์ดหม้อน้ำและเฟรม, พักเท้าแบบเอนดูโร่…
Cyclone RT1 ราคา เคาะแล้วเจ้าพายุมังกรเล็ก รถมอเตอร์ไซค์ สไตล์ Sport Premium AT 150cc รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่ายรถแดนมังกรอย่าง Zongshen ที่เราหลายคนอาจจะรู้สึกคุ้นหูหรือเห็นผ่านตากันมาบ้าง โดยครั้งนี้ทางค่ายก็ได้เปิดตัวรถโมเดลใหม่ เพื่อมาตีตลาดรถคลาสยอดนิยมที่ถูกครองโดยเจ้าตลาดอย่าง Honda PCX และ Yamaha Nmax รวมถึง GPX Drone Zongshen Cyclone RT1 นั้นถูกถอดแบบรูปร่างภายนอกออกมาจากรถบิ้กสกู๊ตเตอร์รุ่นพี่อย่าง Zongshen Cyclone RT3 (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Honda Forza และ Yamaha Xmax) โดยมันจะมาพร้อมเส้นสายที่เป็นเหลี่ยมสันแหลมคมทันสมัย ระบบไฟส่องสว่างรอบคันแบบ LED และหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทอล LCD และมีจุดเด่นเหนือคู่แข่งตรงที่มันมาพร้อมชิลด์บังลมหน้าขนาดใหญ่สูงกว่าเพื่อนในคลาสเดียวกัน ชุดกุญแจแบบ Remote Key และมี USB Port ให้ เหนือเบ้ากุญแจ Cyclone…
ค่ายรถส้อมเสียงจากแดนอาทิตย์อุทัย Yamaha ผู้ผลิตรายเดียวในการแข่งขัน MotoGP ที่ยังคงใช้เครื่องยนต์แบบ I4 ในขณะที่ค่ายรถคู่แข่งรายอื่น ต่างก็ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์แบบ V4 กันแล้วทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นรูปแบบเครื่องยนต์ที่ได้รับความนิยมและกำลังประสบความสำเร็จในยุคนี้ ทำให้หลายคนเริ่มอยากให้ค่ายรถรายนี้หันมาใช้เครื่องยนต์รูปแบบใหม่บ้าง ซึ่งผู้ที่ได้มาตอบข้อสงสัยนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้จัดการทีมอย่าง Lin Jarvis ที่เขาได้อธิบายไว้ว่า “ผมจินตนาการว่าเราใช้เครื่องยนต์ V4 ก่อนปี 2027 ไม่ออกเลย เพราะมันเป็นเรื่องยากและใหญ่มาก ในการออกแบบและผลิตเครื่องยนต์ 1000 ซีซี V4 ใหม่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า” เขากล่าว “ถ้าเราจะเอาเครื่องยนต์ใหม่ไปใช้ในกติกาใหม่สำหรับปี 2027-2031 ก็คงพอจะเป็นไปได้ แต่ผมก็ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ เพราะกติกาใหม่นั้นมันยังไม่ออกมา” “ถ้าเราจะทำแบบนั้น เราต้องตัดสินใจภายในปี 2023 เราจะได้มีเวลาอีก 4 ปี ในการพัฒนาของใหม่เพื่อให้มีโอกาสที่ทัดเทียมกับคู่แข่ง และมันคงเป็นเรื่องบ้ามากที่จะไปทางใหม่ที่ต่างออกไปมากขนาดนั้น เราเลยมองว่ามันมีเหตุผลมากกว่าที่จะยึดรูปแบบเครื่องยนต์ปัจจุบัน ที่เรารู้ไส้รู้พุงของมันทุกอย่างไว้เป็นหลัก เรามั่นใจว่ามันยังมีที่ว่างให้พัฒนาเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง อยู่อีกมาก” ที่มา tmcblog…
ในยุคนี้เรามีรถมอเตอร์ไซค์หลากหลายแบบให้เลือกซื้อ มีตัวเลือกเยอะทั้งสไตล์ของตัวรถที่หลากหลาย และประเภทของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันตามความต้องการ แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง ประเภทของเครื่องยนต์ที่มีให้เลือกในยุคหลังกลับมีแนวโน้มที่จะลดน้อยลงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง หรือ V-Twin ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียง ที่มาพร้อมกับเพลาข้อเหวี่ยงแบบ Crossplane Crankshaft อีกด้วย แต่ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ก่อนอื่นเราขออธิบายก่อนว่าทำไมแนวโน้มของเครื่องยนต์ในอนาคตต้องเป็น 2 สูบเรียง ซึ่งเหตุผลหลักก็หนีไม่พ้นเรื่องพื้นฐานอย่าง “ค่าไอเสีย” เพราะเครื่องยนต์ที่มีลูกสูบน้อย จะมีพื้นผิวให้เสียความร้อนน้อย แปลว่าความร้อนเหล่านั้นสามารถถูกเปลี่ยนให้เป็นพละกำลังได้มากขึ้น รวมถึงมีอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่น้อยลงตามไปด้วย หลายคนที่อ่านย่อหน้าข้างบนอาจจะสงสัยว่าถ้าสูบน้อยมันดี ทำไมไม่ทำเครื่องยนต์สูบเดียวไปเลย? ซึ่งเหตุผลก็เป็นเรื่องของ “การใช้งาน” เพราะเครื่องยนต์สูบเดียวมีทั้งปัญหาการสั่นสะเทือน โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์ที่มีความจุมากและรอบสูงมากก็จะยิ่งสั่นมากตามไปด้วย พละกำลังในรอบปลายของเครื่องประเภทนี้ก็ไม่เยอะมากนัก แต่ถ้าเพิ่มลูกสูบมากกว่านี้ก็จะกลายเป็นการลดแรงบิดรอบต้นแทน ซึ่งเป็นรอบเครื่องยนต์ที่คนใช้งานกันมากที่สุด คราวนี้ก็เป็นเรื่องของ Crossplane Crankshaft (ก่อนอ่านต่อ แนะนำให้ไปอ่านเรื่องนี้ที่นี่เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน) ที่มีเอกลักษณ์ด้านพละกำลังและแรงบิดในรอบต้น แถมยังช่วยให้คาแรคเตอร์ของเครื่องยนต์มีความคล้ายกับเครื่องยนต์แบบ V-Twin โดยไม่ต้องเจอปัญหาด้านต้นทุนที่สูงขึ้นแบบเครื่องยนต์ V-Twin ตามปกติ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นความรู้สึกพิเศษที่นักขับหลายคนต่างชื่นชอบ มากกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้เพลาข้อเหวี่ยงแบบ Flatplane…
BMW ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากบาวาเรีย ดูเหมือนว่ากำลังจะนำเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผัน ShiftCam แบบเดียวกับที่มีใช้อยู่ในรถสปอร์ตตัวท็อปอย่าง BMW S1000RR มาใช้ในรถรุ่นอื่นของค่ายในอนาคต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางค่ายก็ทำเทคโนโลยีดังกล่าวมาติดตั้งลงในรถตระกูล R1250 ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งภาพสิทธิบัตรใหม่นี้ก็ดูเหมือนว่าป้ายต่อไปจะเป็นเครื่องยนต์ของรถเล็ก ภาพสิทธิบัตรใหม่ที่เห็นอยู่นี้เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับ ระบบวาล์วแปรผัน(VVT) หรือที่ BMW เรียกว่า ShiftCam ที่มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนองศาการเปิด-ปิดของวาล์วไอดี ให้เปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของรอบเครื่องยนต์ เช่นการเพิ่มแรงบิดที่รอบต่ำ และเพิ่มกำลังสูงสุดในรอบสูง จากที่ปกติต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมันถูกติดตั้งอยู่กับเครื่องยนต์สูบเดียว ซึ่งเครื่องยนต์สูบเดียวของ BMW นั้นก็จะเป็นเครื่องยนต์ของรถคลาสเล็ก ไม่ว่าจะเป็นรถตระกูล G310 หรือ C400 ในอนาคตเราอาจได้เห็น BMW ทำการติดตั้งระบบ ShiftCam ในรถรุ่นเล็กบ้างก็เป็นได้ เนื่องจากมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดขึ้น จนทำให้รถสามารถรีดพละกำลังได้น้อยลง การมีตัวช่วยดังกล่าวก็คงจะดีไม่น้อย แต่คำถามคือรถน้องเล็กกลุ่มไหนจะได้รับการอัพเดตนี้ไปก่อน ระหว่างตระกูล G310 ที่ร่วมพัฒนากับ TVS หรือตระกูล C400 ที่ร่วมพัฒนากับ Loncin ที่มา cycleworld,…
Alex Marquez นักแข่งจักรยานยนต์ทางเรียบ MotoGP ดีกรีแชมป์โลก Moto2 ที่ตั้งแต่ขึ้นมาอยู่รุ่นใหญ่ ก็ต้องเจอกับปัญหาเรื่องผลงานไม่ดีตามที่หวังไว้ รวมถึงปมส่วนตัวที่ต่อให้พยายามยังไงก็ไม่สามารถออกมาจากเงาของพี่ชายอย่าง Marc Marquez ผู้เป็นแชมป์โลกได้สักที จนเจ้าตัวได้ทำการตัดสินใจครั้งสำคัญ ในการย้ายค่ายเพื่อออกจากร่มเงาดังกล่าวของ Honda มาสู่ Ducati แน่นอนว่าทำถามที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่สนใจคือ “Alex จะสามารถขับให้เร็ว บนรถคันใหม่ได้ไหม?” เนื่องจากนักแข่งผู้นี้ที่เป็นถึงแชมป์โลกรุ่นกลาง แต่ไม่สามารถทำผลงานให้ดีในรุ่นใหญ่ได้ รวมถึงคำถามที่ว่า “Ducati รถดีขนาดไหน?” และ “Honda เป็นรถที่ขับได้แค่ Marc Marquez จริงหรอ?” ซึ่งเมื่อจดช่วงทดสอบที่ Sepang Winter Test นักแข่งคนนี้และผู้ชมก็ได้คำตอบ “ปีก่อนมันเป็นปีที่ยาก มันคงเร็วไปที่จะพูด แต่ตอนนี้ผมมีความสุขกับมัน(Ducati)” Alex กล่าว “ตอนนี้พวกเขากำลังพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์บนรถ GP23 แต่ระบบนั้นมันก็เอามาใช้บน GP22 ได้ด้วย นั่นช่วยให้ผมมีสมาธิในการหาเซ็ทอัพที่เหมาะกับตัวเอง เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ารถมันดี เราแค่ตั้งอัพเดตและรีดความสามารถมันออกมาให้ถึงที่สุด”…
Kawasaki H2 GPZ ภาพเรนเดอร์ของรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตขุมพลังพ่วงระบบอัดอากาศซูเปอร์ชาร์จ ที่ได้พื้นฐานมาจาก Hyperbike ตัวแรงอย่าง Kawasaki Ninja H2 ที่ถูกเสริมเติมแต่งจินตนาการ เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ให้มีความเรโทรมากขึ้น โดยการนำแรงบันดาลใจมาจากรถสปอร์ตในตำนานอย่าง GPZ 900 R Ninja ซึ่งโด่งดังจนมีภาพจำมาจากหนังเรื่อง Top Gun ผลงานภาพเรนเดอร์จินตนาการของ Kawasaki H2 GPZ ในครั้งนี้ก็ไม่ใช่แค่การจับรถรุ่นเก่าและใหม่มารวมกันแบบสุ่ม เพราะทั้ง GPZ และ H2 นั้นต่างก็เป็นรถที่มีบทบาทอยู่ในหนังดังอย่าง Top Gun และ Top Gun : Maverick ซึ่งถูกขี่โดยตัวละครหลักอย่าง Maverick ที่นำแสดงโดย Tom Cruise ถือเป็นการเชื่อมโยงตำนานของรถที่เป็นที่สุดในยุคสมัยด้วยกันทั้งคู่ ทางด้านโครงสร้างพื้นฐานของตัวรถจะเป็นการนำเฟรมและเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จมาจาก Kawasaki Ninja H2 มาผสมกับชิ้นส่วนรอบคันจากรถในยุคใหม่รุ่นอื่นของทางค่าย แต่ในด้านงานออกแบบจะเป็นการนำแรงบันดาลใจมาจาก Kawasaki…
Marc Marquez แชมป์โลกหลายสมัยจากรายการ MotoGP ที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นนักแข่งที่เก่งที่สุดในยุคนี้แบบไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวก็ต้องตกอยู่ในสถานะการที่ยากลำบาก หลังจากการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในปี 2019 จนทำให้เขาไม่สามารถลงแข่งแบบเต็มเวลาได้นานถึง 3 ปี แล้วยิ่งในวันที่อายุของเขาขยับขึ้นสู่เลข 3 บวกกับการขาดสนามและเด็กใหม่ที่เติบโตขึ้น เราอาจจะบอกได้ว่ายุครุ่งเรืองถึงขีดสุดของนักแข่งคนนี้อาจจบลงแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถกัดกินจิตใจนักสู้ของ Marc Marquez ถึงแม้จะมีทีมเมทดีกรีแชมป์โลกที่มีความสดใหม่อย่าง Joan Mir มาเป็นเพื่อนร่วมทีม “เขาเป็นคู่แข่งที่ดีในทีม และคู่แข่งที่แข็งแกร่งก็จะช่วยให้ผมพัฒนาขึ้นด้วย” Marquez กล่าว “ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการยกระดับของทีม” “มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เมื่อถึงจุดนึงมันจะมีเพื่อนร่วมทีมคนใหม่มาชนะคุณ” เขากล่าว “ในกีฬาฟุตบอล ในช่วงเวลานึง คุณจะเป็นนักแข่งตัวจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเวลาถัดมาคุณอาจกลายเป็นตัวเลือกลำดับหลัง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นด้านที่น่ากลัวของกีฬา” และในเมื่อเจ้าตัวเป็นคนพูดแบบนั้นเอง เราก็คงจะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้แน่นอน เพราะในยุคสมัยก่อนที่จะมี Marc Marquez มาวิ่งวนจนกลายเป็นแชมป์โลกหลายสมัยให้เราเห็นกันอยู่ทุกวัน รายการแห่งนี้ก็เป็นเวทีสำหรับนักแข่งระดับโลกหลายคนก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็น Valentino Rossi หรือ Jorge Lorenzo ที่ต่างก็เคยเป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน…
Zero SR-X รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าจากค่ายรถพลังงานสะอาด Zero ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าของค่ายอย่าง SR/S แต่ถูกนำมาออกแบบใหม่ทั้งคันโดยสตูดิโอ Huge Design จากซานฟรานซิสโก จนกลายเป็นรถต้นแบบ One-Off ที่อาจจะกลายเป็นแนวทางให้รถคันอื่นของค่ายในอนาคต Zero SR-X นั้นถูกสร้างบนพื้นฐานของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันล่าสุดของค่ายอย่าง Zero SR/S ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 17.3 kWh และพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุดที่ 110 Hp และแรงบิดสูงสุดที่มากจนน่ากลัวถึง 190 Nm ซึ่งมากกว่ารถเครื่องยนต์สับดาปแทบทั้งหมดในตลาด เป็นรองแค่รถครุยเซอร์เครื่องโตไม่กี่รุ่น งานออกแบบรอบคันทั้งหมดถูกทำขึ้นโดย Huge Design ที่เคยมีประวัติในการออกแบบรถต้นแบบสไตล์ Super Moto อย่าง Zero SM ไปเมื่อปี 2019 ก่อนที่รถต้นแบบคันนั้นจะถูกนำมาพัฒนาต่อจนกลายเป็นรถรุ่นขายจริงในปี 2022 ภายใต้ชื่อ Zero FXE นั่นจึงเป็นเรื่องน่าสนใจหาก Zero SR-X นั้นจะกลายเป็นแนวทางงานดีไซน์ของค่ายในอนาคต…