ในวันศุกร์ที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมาทีมงาน MotoRival ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตและศูนย์ใหญ่ของค่ายผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากอินเดีย Bajaj ที่รัฐมหาราษฏระ และถึงแม้จะดูเป็นแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์น้องใหม่ในตลาดประเทศไทย แต่ในประเทศอินเดียและอีกกว่า 70 ประเทศทั่วโลกนั้น Bajaj ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่ยึดครองส่วนแบ่งตลาดขนาดใหญ่ชนิดที่ไม่มีใครโค่นได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจที่เราได้รับรู้มาหลังจากที่ได้นั่งฟังการบรรยายของเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของค่าย ทางเราก็ได้รับรู้ถึงความจริงจังในการบุกตลาดประเทศไทยของยักษ์ใหญ่รายนี้
ถึงแม้ว่ารถของ Bajaj ผ่านสายตาของคนไทยในปัจจุบันนั้นจะดูมีสไตล์การออกแบบรถที่มีความเป็น “อินเดีย” สูงมาก(เนื่องจากเป็นตลาดหลัก) และมีภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดูจะเน้นการใช้งานประเภทอึดถึกทน มีความเรียบง่ายในการดูแลและซ่อมแซม(ซึ่งก็เป็นความต้องการหลักของตลาดอินเดียอีกเช่นกัน) แต่นั่นก็ไม่ใช่ตัวตนทั้งหมดของ Bajaj เนื่องจากในตอนนี้ทางฝ่ายบริหารของค่ายก็รับรู้ได้ถึงเทรนด์ และความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป เราเลยจะมาสรุปประเด็นที่น่าสนใจของแนวทางในอนาคตระยะยาวของ Bajaj
อย่างแรกก็คือ “รถพลังงานไฟฟ้านั้นมาแน่” หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้วว่ารถสกู๊ตเตอร์คู่บุญรุ่นปัจจุบันอย่าง Bajaj Chetak นั้นก็เป็นรถไฟฟ้าที่มียอดขายค่อนข้างสูงในประเทศอินเดีย และแน่นอนว่าด้วยกระแสของตลาดที่กำลังเปลี่ยน Bajaj ก็กำลังทำการศึกษาตลาดใหม่นี้อย่างถี่ถ้วน แน่นอนว่ารวมถึงการสร้างรถที่สามารถถอดสลับแบตเตอรี่ได้นั้นก็เป็นหนึ่งในความสนใจของค่ายและถึงแม้ว่า EV รุ่นปัจจุบันยังไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้ เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีมาตรฐานการถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่แน่ชัด(คล้ายมาตราฐานสายไฟ) แต่เราก็ขอแง้มนิดนึงว่าตอนนี้บริษัทค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง KTM, Honda, Yamaha, Piaggio นั้นกำลังร่วมมือกันเพื่อสร้างมาตรฐานที่ว่านั้นอยู่ และ Bajaj ก็เป็นถึงผู้ถือหุ้นใหญ่รายนึงของ KTM
ส่วนด้านงานออกแบบที่อาจจะไม่ถูกจริตลูกค้าบางกลุ่ม ทางค่ายก็ทราบดีและพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวถึงขนาดลงทุนก่อตั้งสำนักงานออกแบบของ Bajaj 2 แห่งนอกประเทศอินเดีย โดยแห่งแรกจะตั้งอยู่ที่ประเทศสเปน และอีกแห่งคือที่ประเทศไทย เพื่อทำการศึกษาและออกแบบรถที่ตอบโจทย์ของลูกค้าในต่างแดน เพราะทางค่ายก็รู้ดีว่ารถที่ขายได้ดีในตลาดนึง อาจจะมีปัญหาในอีกตลาดนึงได้ แต่เนื่องจากว่าตอนนี้แผนดังกล่าวยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี เราอาจจะได้เห็นรถจาก Bajaj ที่มีงานออกแบบที่ดูมีความเป็นสากลมากขึ้น และถ้าโชคดี เราอาจจะได้เห็นรถที่สร้างขึ้นมาเพื่อตีตลาดอาเซี่ยนโดยเฉพาะ แบบเดียวกับที่ค่ายจากฝั่งญี่ปุ่นทำ
อ่านข่าวสาร Bajaj เพิ่มเติมได้ที่นี่
