ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สำหรับตลาดรถมอเตอร์ไซค์แนว Entry Sport Bike พิกัด ¼ ลิตร จากญี่ปุ่น เป็นการแย่งชิงส่วนแบ่งระหว่าง Kawasaki Ninja 250R กับ Honda CBR250R มาโดยตลอด จนกระทั่ง Yamaha ตัดสินใจส่งตระกูล YZF-R25 เข้ามาร่วมแจมด้วยอีกคันเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว ซึ่งดูท่าว่าตลาดรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มนี้ก็คงจะโตไปเรื่อยๆไม่มีหยุด จนในที่สุดทาง Suzuki ก็ทนไม่ไหว และส่งรถสปอร์ตประจำค่ายอย่าง GSX-250R เข้ามาชิงส่วนแบ่งกับเค้าด้วยเช่นกัน
อันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เราได้เคยทำการ เปรียบเทียบ Kawasaki Ninja 250R, Honda CBR250RR, และ Yamaha YZF-R25 ไปแล้วครั้งนึง จนกระทั่งในวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาทาง Suzuki ก็ได้เปิดตัวน้องใหม่อย่าง GSX-250R มาด้วยอีกคัน
ดังนั้นในบทความนี้ ทาง Motorival จะทำการเปรียบเทียบรถมอเตอร์ไซค์ Entry Sport Bike พิกัด ¼ ลิตร ให้เพื่อนๆได้ทราบกันอีกครั้ง เพื่อประกอบการตัดสินใจขั้นต้น ซึ่งแต่เจ้า GSX-250R จะมีสมรรถนะที่ดีพอจะสู้กับรุ่นพี่ในตลาดทั้ง 3 คันได้ดีหรือไม่นั้น เรามารับชมไปพร้อมๆกันเลยครับ
เครื่องยนต์
สำหรับเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์แนว Sport bike พิกัด 250cc ทั้ง 4 คันนั้น ต่างก็เป็น 2 สูบเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดกันหมดทั้งนั้น โดยจะมีจุดแตกต่างกันตรงที่ขนาดลูกสูบและช่วงชัก ตามจุดประสงค์ของทางผู้ผลิต ซึ่งระบุไว้ชัดเจนดังนี้
CBR250RR : 62 mm x 41.4 mm (249.7cc)
Ninja250R : 62 mm x 41.2 mm (249cc)
YZF-R25 : 60 mm x 44.1 mm (248cc)
GSX-250R : 53.5 mm x 55.2 mm (248cc)
ในขณะที่แรงม้าและแรงบิดสูงสุดของทั้ง 4 คัน ได้ระบุไว้ดังนี้
CBR250RR : แรงม้า 35-38 Bhp / แรงบิด 26-29 นิวตันเมตร
Ninja250R : แรงม้า 31 Bhp ที่ 11,000 รอบต่อนาที / แรงบิด 21 นิวตันเมตร ที่ 10,000 รอบต่อนาที
YZF-R25 : แรงม้า 35.5 Bhp ที่ 12,000 รอบต่อนาที / แรงบิด 22.5 นิวตันเมตร ที่ 10,000 รอบต่อนาที
GSX-250R : แรงม้า 24.7 Bhp ที่ 8,000 รอบต่อนาที / แรงบิด 23.3 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที
จะเห็นได้ว่าพละกำลังสูงสุดของทั้ง 3 คันก่อนหน้าจะอยู่ในระดับ 30 แรงม้าขึ้นกันทั้งนั้น โดยผู้ที่มีแรงม้ามากที่สุดคงหนีไม่พ้น CBR250RR ที่แม้ว่าจะไม่ได้ระบุตัวเลขไว้ชัดเจน แต่ทาง Honda ก็เคยกล่าวเอาไว้ว่าพวกเค้าตั้งใจให้มันเป็นที่สุดในเรื่องของพละกำลังสำหรับรถคลาสนี้ ตามด้วย YZF-R25 และ Ninja 250R ที่มีแรงม้าสูงสุดอยู่ 35.5 ตัว กับ 31 ตัวตามลำดับ
ส่วนน้องใหม่อย่าง GSX-250R กลับมีแรงม้าที่น้อยพอสมควรเลยทีเดียว เพราะมันมีแรงม้าสูงสุดเพียงแค่ 24.7 Bhp เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ว่ามันมาด้วยรอบต่ำเพียงแต่ 8,000 รอบต่อนาทีเท่านั้น ด้านแรงบิดนั้นก็มีค่าที่เกือบสูงที่สุด(จะเป็นรองก็แค่เพียง CBR 250RR) แต่ด้วยความที่ว่ามันมาพีคที่ 6,500 รอบเท่านั้น (ซึ่งเป็นลักษณะพื้นฐานของเครื่องยนต์ลูกเล็กชักยาวอยู่แล้ว) ก็อาจจะทำให้อัตราเร่งในช่วงต้นนั้นสามารถนำคู่แข่งอีก 3 คันไปได้พักนึงก่อนที่จะถูกสวนกลับในภายหลังจากแรงม้าที่น้อยกว่าชาวบ้านราวๆ 5 ตัว
พิเศษอีกนิดกับในส่วนของ CBR250RR นั้นใช้คันเร่งไฟฟ้าในการสั่งการลิ้นเร่ง แถมยังมีโหมดการขับขี่ให้ปรับเล่นอีก 3 ระดับซึ่งล้ำกว่าคู่แข่งอยู่พอสมควร ซึ่งทั้งหมดนั้นยังคงใช้คันเร่งสายกันอยู่ แต่ในฝั่งของ Ninja 250R ก็ให้ระบบ Slipper Clutch ที่ช่วยผ่อนแรงคลัชท์และลดการกระชากจาก Engine Brake ตอนเชนจ์เกียร์หนักๆได้ดีเลยทีเดียว
ระบบกันสะเทือน (หน้า/หลัง)
CBR250RR : Up Side Down 37 mm Telescopic Forks / 5 Preload Adjustable Pro-link Unit
Ninja250R : 37 mm Telescopic Forks / 5 Preload Adjustable Uni-track
YZF-R25 : 41 mm Telescopic Forks / 5 Preload Adjustable Monocross
GSX-250R : Telescopic Forks / 7 Preload Adjustable Monoshock
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าของ CBR250RR นั้น ถือว่ามีภาษีดีกว่าในเรื่องของความสวยงามอยู่พอสมควร ซึ่งแตกต่างจาก อีกทั้ง 3 คันที่ให้มาเป็นแบบโช๊คตะเกียบคู่ธรรมดาเท่านั้น
ระบบกันสะเทือนหลังสำหรับ YZF-R25 และ GSX-250R เป็นแบบโช๊คเดี่ยวที่มีจุดยึดระหว่างโครงรถกับสวิงอาร์มโดยตรงเท่านั้น ไม่เหมือนกับของ Ninja 250R และ CBR250RR ที่ให้มาเป็นจุดยึดแบบกระเดื่องทดแรงซึ่งมีข้อดีในเรื่องของประสิทธภาพการทำงานที่ดีกว่าแบบปกติ ส่วนการปรับความแข็งอ่อนของ GSX-250R นั้นสามารถปรับได้ละเอียดกว่าใครเพื่อนเพราะมีอยู่ถึง 7 ระดับด้วยกัน ในขณะที่รุ่นอื่นๆมีให้ปรับเพียง 5 ระดับเท่านั้น
แต่ในด้านของตัวสวิงอาร์มกลับมีเพียงแค่ CBR250RR กับ YZF-R250 เท่านั้นที่ใช้วัสดุ Aluminum หล่อขึ้นรูปทรง Banana หรือ Gull Wing ส่วน Ninja 250R และ GSX-250R ยังเป็นแบบเหล้กกล่องธรรมดาๆเท่านั้น
ระบบเบรก
ในส่วนของตัวคาลิปเปอร์เบรคด้านหน้าและหลังของทั้ง 4 คันนั้นให้มาเหมือนกันหมดก็คือ คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ ที่ด้านหน้า และ คาลิปเปอร์ 1 ลุกสูบที่ด้านหลังเหมือนกันหมด โดยจะแตกต่างกันตรงขนาดจานเบรก ดังนี้
CBR250RR : Front Disc Brake 310 mm, Rear Disc Brake 240 mm
Ninja250R : Front Disc Brake 290 mm, Rear Disc Brake 220 mm
YZF-R25 : Front Disc Brake 298 mm, Rear Disc Brake 220 mm
GSX-250R : Front Disc Brake 290 mm, Rear Disc Brake 240 mm
สำหรับ CBR250RR ยังคงให้จานเบรกหน้า/หลังมาจัดเต็มที่สุดอีกเช่นเคย ตามด้วย YZF-R25 เป็นอันดับต่อมา ส่วน Ninja 250R ที่มีขนาดจานเบรกเล็กที่สุดในกลุ่มนั้นมีขนาดเท่ากันกับ GSX-250R แต่จานเบรกหลังของน้องใหม่คันนี้นั้น ดันมีขนาดที่ใหญ่พอๆกันกับตัวจิ๊ดจากค่ายปีกนกแทนซะงั้น
ขอบล้อและขนาดยาง
สำหรับขอบล้อของทั้ง 4 รุ่นนั้นให้มาที่ 17 นิ้วเท่ากันหมด รัดด้วยยางขนาด 110/70-17 ด้านหน้าเมือนกัน รวมไปถึงขนาดยางด้านหลัง 140/70-17 เหมือนกันทั้งหมด โดยจะแตกต่างกันตรงที่ Ninja 250R, YZF-R25, และ GSX-250R ใช้ล้ออัลลอยด์ 5 ก้านแยก (ตัว Y) ที่มีรูปทรงคล้ายๆกันทั้ง 3 รุ่นแต่ในส่วนของ CBR250RR เป็นล้ออัลลอยด์แบบ 7 ก้าน อยู่เพียงรุ่นเดียว
มิติตัวรถ
(กว้าง x ยาว x สูง)
CBR250RR : 724 mm x 2,060 mm x 1,098 mm
Ninja250R : 715 mm x 2,010 mm x 1,110 mm
YZF-R25 : 720 mm x 2,090 mm x 1,135 mm
GSX-250R : 740 mm x 2,085 mm x 1,110 mm
เมื่อดูจากตัวเลขทั้งหมดแล้ว จะพบว่าขนาดตัวของ GSX-250R นั้นใหญ่ที่สุดแล้วในตอนนี้ ซึ่งถ้าลองเทียบกับ YZF-R25 แล้วล่ะก็ จะพบว่ามันมีด้านกว้างที่มากกว่า 20 มิลลิเมตร แต่มีความยาวที่น้อยกว่า 5 มิลลิเมตร ส่วนความสูงของน้องใหม่นั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับ Ninja 250R เป๊ะๆ
(ระยะฐานล้อ)
CBR250RR : 1,389 mm
Ninja250R : 1,400 mm
YZF-R25 : 1,380 mm
GSX-250R : 1,430 mm
ถูกทำลายสถิติไปแล้วเรียบร้อยสำหรับ Ninja 250R ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามันคือรถสปอร์ตไบค์คลาส 250cc ที่มีฐานล้อยาวที่สุด และในตอนนี้มันได้กลายเป็นของน้องใหม่อย่าง GSX-250R ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยมันยาวกว่าเจ้าของสถิติเดิมถึง 30 มิลลิเมตรด้วยกัน ซึ่งความสำตัญของระยะฐานล้อนั้นจะมีผลถึงการเข้าโค้งแคบๆเช่นการยูเทิร์นหรือโค้งหักศอกและความนิ่งของตัวรถในช่วงความเร็วสูง กล่าวคือ ถ้าหากตัวรถมีฐานล้อยาว จะทำให้ตัวรถมีความนิ่งมากขึ้น แต่ก็จะไม่คล่องตัวในการเข้าโค้งแคบ ส่วนรถที่มีฐานล้อสั้นก็จะให้ผลในทางตรงกันข้ามทั้งหมดนั่นเอง
(ความสูงเบาะ)
CBR250RR : 790mm
Ninja250R : 785 mm
YZF-R25 : 780 mm
GSX-250R : 790 mm
แม้ว่าตัวเลขความสูงเบาะของ GSX-250R จะดูเหมือนว่าไม่ค่อยเป็นมิตรในตอนจอดหรือหยุดนิ่งกับผู้ขับขี่ที่มีส่วนสูงไม่มากนัก เพราะมีค่าที่เท่ากันกับของ CBR250RR ก็ตาม (ซึ่งเอาจริงๆมันก็ยังต่ำกว่าของสปอร์ตเล็กอย่าง YZF-R15 ด้วยซ้ำ) แต่เมื่อลองมองจากตำแหน่งแฮนด์ของตัวรถแล้วจะพบว่าท่านั่งโดยรวมของตัวรถไม่ได้หมอบมากเท่าไหร่ เนื่องจากแฮนด์จับโช๊คนั้นถูกติดตั้งไว้ด้านบนแผงคอ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับของ YZF-R25 และ Ninja 250R โดย 2 คันที่กล่าวมานั้นถือว่ามีการจัดองค์ประกอบท่านั่งในการขับขี่ได้สบายอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
(น้ำหนักตัวรถ)
CBR250RR : 154.2 Kg
Ninja250R : 172 Kg
YZF-R25 : 169 Kg
GSX-250R : 178 Kg
แม้ว่า GSX-250R จะเปิดตัวหลังสุดแต่น้ำหนักโดยรวมกลับเยอะที่สุด โดยมันเยอะกว่า YZF-R25 อยู่ถึง 9 กิโลกรัมเลยทีเดียว ซึ่งเราก็หวังว่ามันแรงบิดของตัวรถที่ให้ในรอบต่ำที่สุด และมาเยอะ(เกือบ)ที่สุดนั้นจะสามารถพาน้ำหนักตัวขนาดนี้ทะยานออกไปได้รวดเร็วพอที่จะตามคู่แข่งคันอื่นๆได้
ความจุถังน้ำมัน
CBR250RR : 14.5 L
Ninja250R : 17 L
YZF-R25 : 14 L
GSX-250R : 15 L
ยังคงเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความจุถังน้ำมันเยอะที่สุดอยู่เหมือนเดิมสำหรับ Ninja 250R ที่ให้ความจุถังน้ำมันมาถึง 17 ลิตรด้วยกัน ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลอะไรมากมายนักว่าน้ำมันจะหมดก่อนเจอปั๊มน้ำมันหรือไม่ ส่วน GSX-250R นั้นมาแบบเป็นกลางที่ความจุ 15 ลิตร ตามด้วย CBR250RR ที่มีความจุ 14.5 ลิตร และ YZF-R25 ที่ลดลงไปอีกนิดหน่อยกับความจุถังน้ำมัน 14 ลิตร (ซึ่งเอาจริงๆแล้วปริมาตรความจุน้ำมันของแต่ละคันนั้นก็แทบไม่ต้องกังวลเรื่องปั๊มน้ำมันเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่เผื่อบางท่านที่ชอบเดินทางไปต่างจังหวัดตอนกลางคืนแล้วเจอปั๊มปิดหลัง 3 ทุ่ม เชื่อเถอะครับว่าถังน้ำมันจุได้เยอะนี่มันดีกว่าจริงๆ )
ปิดท้ายด้วยตารางสรุปข้อมูลของรถแต่ละรุ่นอีกเช่นเคย กับ 4 สหาย 250cc แดนญี่ปุ่นอย่าง Honda CBR250RR, Kawasaki Ninja 250R, Yamaha YZF-R25, และน้องใหม่ล่าสุด Suzuki GSX-250R
อ่านข่าวสาร Yamaha เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Kawasaki เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Suzuki เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
