Ducati 1199 Superleggera ถือเป็นซุปเปอร์ไบค์รุ่นดังอีกหนึ่งคัน ที่มีความโดดเด่นที่สุดจาก Ducati เพราะนอกจากความเป็นรถมอเตอร์ไซค์สุดลิมิเต็ดที่ถูกผลิตขึ้นมาเพียง 500 คันบนโลกแล้ว ความพิเศษของมันจริงๆก็คือการที่ทางค่ายใส่ใจในชิ้นส่วนทุกรายละเอียดของมัน เพื่อให้เจ้ารถซุปเปอร์ไบค์ที่เบาที่สุดของยุคในช่วงเวลานั้น
Ducati 1199 Superleggera ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกช่วงปลายปี 2013 โดยมาพร้อมกับคอนเซปท์การออกแบบที่เน้นการไล่เบาเป็นหลัก จากร่างต้นที่แท้จริงของมัน ซึ่งก็คือ Ducati 1199 Panigale และจุดเปลี่ยนหลักๆที่ทำให้มันกลายเป็น “Superleggera” (ภาษาอิตาลี ที่แปลว่า “โคตรเบา”) ก็คือ การที่ทาง Ducati ได้ทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนของตัวรถให้หันมาใช้วัสดุน้ำหนักเบาแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชุดแฟริ่งคาร์บอน, ฟรอนท์เฟรมแม็กนีเซียม, ซับเฟรมคาร์บอน, ล้อแม้กนีเซียม, แบตฯลิเทียมไอออน
ไม่เพียงเท่านั้น ขุมกำลัง L-Twin ความจุ 1,199cc ของมัน ยังถูกปรับปรุงใหม่ตั้งแต่ภายนอกยันไส้ใน ทั้งก้านสูบไทเทเนียม, วาล์วไทเทเนียม, ลูกสูบที่มีกระโปรงสั้นลง จากเดิมใช้แหวน 3 วง เหลือเพียง 2 วงเท่านั้น, เพลาข้อเหวี่ยงน้ำหนักเบาลง, ท่อไอเสียไทเทเนียมทั้งเส้นแบบใหม่ และรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมายที่ทำให้เครื่องยนต์ลูกนี้ สามารถทำแรงม้าได้สูงขึ้นจนแตะหลัก 200 แรงม้า (ในหน่วย PS) ซึ่งถือว่าแรงที่สุดแล้วสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ในยุคนั้น
โดย Ducati 1199 Superleggera ถูกนำมาเปิดตัวในประเทศไทยของเราที่งาน Motor Expo 2013 พร้อมสนนราคาเปิดตัวที่ 4,099,000 บาท และมีโควต้าสำหรับชาวไทยทั้งหมด 10 คันด้วยกัน
ชื่อโมเดล | Ducati 1199 Superleggera
ปีที่เปิดตัว | 2014
เครื่องยนต์ | 4 จังหวะ, L-2 90 องศา, DOHC พร้อมกลไก Desmodromic, 4 วาล์วต่อสูบ
ความจุเครื่องยนต์ | 1,199 cc
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก | 112 x 60.8 มิลลิเมตร
ระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ | ระบายความร้อนด้วยน้ำ
อัตราส่วนกำลังอัด | 13.2 : 1
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง | ระบบหัวฉีดจาก Mitsubishi 2 หัวต่อ 1 ลูกสูบ ทำงานร่วมระบบคันเร่งไฟฟ้า
ระบบสตาร์ท | ไฟฟ้า
แรงม้าสูงสุด | 149 กิโลวัตต์ หรือ 199.81 แรงม้า (HP) ที่ 11,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด | 134 Nm ที่ 10,200 รอบ/นาที
ระบบตัดต่อกำลัง | ชุดคลัตช์แบบเปียกแห้งซ้อนหลายแผ่น ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฮดรอลิก พร้อมกลไกสลิปเปอร์คลัทช์ และระบบควิกชิฟท์เตอร์
ระบบเกียร์ | 6 สปีด
ความเร็วสูงสุด | 299+ กิโลเมตร/ชั่วโมง
ความจุถังน้ำมัน | 17 ลิตร
เฟรม | Magnesium Monocoque
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้คตะเกียบคู่หัวกลับ ปรับเซ็ทได้ทุกค่า Ohlins FL916 ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร เคลือบสาร TiN ระยะยุบ 120 มิลลิเมตร
ระบบกันสะเทือนด้านหลัง | โช้คแก๊สต้นเดี่ยว Ohlins TTX36 ปรับเซ็ทได้ทุกค่า ช่วงยุบ 130 มิลลิเมตร ปรับเซ็ทพรีโหลดและรีบาวน์ได้ ทำงานร่วมสวิงอาร์มอลูมิเนียมแขนเดี่ยว ปรับตำแหน่งแกนได้ 4 จุด
ระบบเบรกด้านหน้า | ดิสก์เบรกคู่ ขนาด 330 มิลลิเมตร พร้อมปั๊มเรเดียลเมาท์คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ Brembo M50
ระบบเบรกด้านหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 245 มิลลิเมตร พร้อมแอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ Brembo
ล้อหน้า | แม็กนีเซียมฟอร์จ ทรง 3 ก้าน W หน้ากว้าง 3.5 นิ้ว
ล้อหลัง | แม็กนีเซียมฟอร์จ ทรง 3 ก้าน W หน้ากว้าง 6.0 นิ้ว
ยางหน้า | 120/70-R17
ยางหลัง | 200/55-R17
ความสูงเบาะ | 830 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถรวมของเหลว | 177 กิโลกรัม
ระบบอิเล็กทรอนิกส์และจุดขายที่น่าสนใจ | ชุดแฟริ่งรองคัน Full Carbon, ก้านสูบไทเทเนียมน้ำหนักเบา, Riding Mode 3 รูปแบบ, ระบบ Ducati Traction Control ประมวลผลแปรผันตามขนาดยางอัตโนมัติ, ระบบ Ducati Wheelie Control, ระบบ Ducati Engine Brake Control, ระบบ Ducati Data Analyser + Lean Sensor, Riding Modes, ผลิตเพียง 500 คันบนโลก, สนนราคาวางจำหน่ายในประเทศไทย 4,099,000 บาท
อ่านข่าว Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่
