เมื่อช่วงต้นเดือน ที่ผ่านมาทาง A.P.Honda ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ เป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย นั้นก็คือ Honda CT125 คันนี้ ซึ่งในสัปดาห์แรก ทีมงาน MotoRival เราก็ได้นำเสนอ รีวิว 1st impression กันไปเรียบร้อยแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงการทดสอบในสนามสั้นๆ เท่านั้น (อ่านได้ที่นี่)
และในครั้งนี้ เราได้กลับมาอยู่กับมันเต็มๆ อีกครั้ง เพื่อจัดเต็ม ฟูล รีวิว Honda CT 125 จะมีประเด็นอะไรที่ขาดตกไป มารับชมกันได้เลยครับ
Honda CT125 ถือเป็นรถสไตล์ Trail Hunter สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรม Outdoor ที่ขับลุยผจญภัยได้ โดย CT125 คันนี้ ได้สานต่อตำนาน CT Series มาจากยุค 60′
เริ่มที่ไฟหน้าเป็นทรงกลมดวงเดียว ตามแบบรถต้นตำรับ แต่ปรับเป็นไฟ LED ในรูปแบบเดียวกับ Honda Monkey และ C125
มีไฟเลี้ยวทรงเหลี่ยมติดตั้งอยู่บนชุดแฮนด์บาร์ทรงยกสูง
ไฟท้ายเป็น LED ทรงเหลี่ยม มีไฟส่องทะเบียนสีขาว
และมีไฟเลี้ยวขนาบด้านข้าง
ชุดมาตรวัดถ้วยกลม แบบ Digital Digital LCD มี Back Light สีดำ
ส่วนสวิทช์ ทั้งซ้าย และ ขวา เป็นแบบพิมพ์นิยมของ Honda ในหลายๆ รุ่น
ปลอกแฮนด์ จะให้มาในแบบรถ Enduro ซึ่งจะจับแล้วจะให้ Grip ที่ดี ไม่ลื่น
ปลายท่อยกสูง ดีไซน์เอาไว้ลุยโดยเฉพาะ
ชุดหม้อกรองอากาศ ยกสูงอยู่ข้างซ้ายของตัวรถ
โลโก้ CT125 มีการพิมพ์ลายน้ำอุ้งตีนหมี ซึ่งถือเป็นสัตว์ประจำรุ่น CT Series
ชุดบอดี้ ยังคงความบึกบึน สไตล์ CT Series แบบฉบับดั้งเดิมเอาไว้
ตัวรุถมีการติดตั้งโครงเหล็ก Crash Bar และ การ์ดกันกระแทกใต้เครื่องยนต์
ยางหุ้มโช้กหน้า เพื่อป้องกันฝุ่น และเศษหิน เวลาขับขี่ทาง Off-Road
บังโคลนล้อหน้าเป็นเหล็กดีไซน์คลาสสิค ซึ่งด้านท้ายให้ยางกันดีดมาด้วย
ทางด้านท้าย ให้แร็คหลังมาจากโรงงาน เพื่อบรรทุกสัมภาระ ซึ่งสามารถรองรับน้ำหนักได้สูงถึง 20 กก.
เมื่อเปิดเบาะนั่ง จะพบถังน้ำมันจุ 5.4 ลิตร เคลมวิ่งได้ 360 กม. หรือ เฉลี่ยวิ่งยาวๆ ได้ถึง 66 กม./ลิตร เลยทีเดียว
ชุดกล่องเครื่องมือ อยู่ฝั่งซ้ายด้านใต้แร็ค สามารถเปิดออกด้วยการใช้ 6 เหลี่ยมขัน (ซึ่งมีให้มาในใต้เบาะ)
ล้อซี่ขอบสีดำขนาด 17″ สวมยาง Dual Purpose ไซส์ 80/90/17 ทั้งหน้า-หลัง
มิติรถ CT125
กว้าง x ยาว x สูง (มม.) = 805 x 1,961 x 1,085
ระยะฐานล้อ 1,254 มม.
ระยะ Ground Clearance 165 มม.
นน. 118 กก.
เบาะสูง 800 มม.
เริ่มกันที่ เบาะนั่ง ความสูงระดับ 800 มม. ถึงว่าเทียบแล้วสูงกว่ารถ Moped คันอื่นๆ เทียบๆ แล้ว ส่วนตัวผมว่า มันดูสูงกว่า รถ Sport Entry Bike ด้วยซ้ำไป เนื่องจากตัวเบาะนั่งคนเดียวที่มีความหนามาก และ ช่วงปลายเบาะที่บานกว้างออก รวมกับเวลาที่เราต้องวางเท้าลง ทั้ง 2 ข้าง จะต้องถ่างขอออกเสียหน่อย เพราะ ฝั่งซ้ายจะติดกับคันเกียร์ และ ขวา จะต้องไม่แนบชิ้นกับตัวคอท่อมากนัก เพราะ มันจะมีไอความร้อนออกมาจากการ์ดคอท่อ
ตำแหน่งแฮนด์ แม้จะเป็นแฮนด์บาร์ทรงสูง แต่ด้วยความที่แผงคอต่ำ นั่นจึงทำให้ตำแหน่งแฮนด์อยู่ในระนาบพอดีกับช่วงท่อนแขน ดูไม่ยกจนเมื่อยเกินไป โดยรวมทำให้หักเลั้ยวได้สะดวกคล่องพอตัว
แม้แฮนด์จะไม่ยาวมาก แต่เนื่องจากระดับปลายแฮนด์อยู่ในแนวเดียวกับรถยนต์เก๋ง รวมไปถึงกระจกมองข้างที่อยู่ในระดับกระจกรถยกสูง ซึ่งจะต้องหักหลบ โยกกันสักนิด เวลาเลาะช่องรถติด
ตำแหน่งวางเท้าในแบบรถ Family ทำให้เวลาวางเท้าควรวางลงกลางเท้า เพราะมิเช่นนั้น ส้นเท้า อาจจะไปกดโดนคันเกียร์ได้ ส่วนฝั่งขวาก็อาจจะรู้สึกติดกับ คันสตาร์ทเท้า
สำหรับสายซ้อน อาจจะต้องทำใจกันนิด เพราะไม่ได้ดีไซน์ มาเพื่อคนซ้อน ซึ่งหากใครใคร่จะซ้อน ก็ต้องไปซ้อนที่ตะแกรงหลัง
และปล่อยขาห้อย ซึ่งตรงนี้ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าจากที่ทีมงานลองดูแล้ว พบว่าเมื่อยพอสมควร หรือถ้าใครตัวเล็กๆ ซ้อนแฟนในเบาะเดียวกันก็สามารถทำได้ครับ เพราะทางผมได้ลองมาแล้ว แต่ผู้ขี่จะต้องขยับตัวไปทางด้านหน้ามากหน่อย
ที่จริงแล้ว หากสังเกตุที่ตัวสวิงอาร์ม จะมีช่องซึ่งตรงนี้ สามารถเจาะโมดิฟาย เพื่อยึดพักเท้าผู้ซ้อนได้
นอกจากนี้ มีจุดสังเกตุหนึ่งก็ คือ นน. ตัว 118 กก. กับรถในพิกัดนี้ ถือว่าค่อนข้างหนักไปนิด เวลาขึ้นขาตั้งคู่ อาจจะต้องใช้แรงมากเสียหน่อยสำหรับผู้ที่มีสรีระที่ค่อนข้างเล็ก
เครื่องยนต์
ขนาด 125 ซีซี หัวฉีด PGM-FI บล็อกยอดนิยมของ Honda ส่งกำลังผ่านเกียร์วน 4 Speed ในแบบ Family Bike
แต่มีการปรับจูนเครื่องและทดสเตอร์เพิ่มไป 2 ฟัน เพื่อเน้นอัตราเร่งช่วงออกตัวให้ดียิ่งขึ้น
จากการใช้งานจริง ผมถือว่าน่าประทับใจ เมื่อขี่ในเมือง อัตราเร่งออกตัวถือว่าทำได้ดี ไม่น้อยหน้ารถคันอื่นๆ
ผมลองอัตราเร่งจากช่วงออกโค้งเลี้ยวขวาผ่านตลอด จนถึงแยกไฟแดงระยะไม่ถึง 500 ม. ความเร็วทะลุ 90 กม./ชม. ไปได้สบายๆ
และนอกจากนี้ การที่เขาตั้งใจปรับเซ็ทแบบนี้ เพื่อเอาไว้ใช้งานทาง Off-Road ที่ต้องปีนป่ายได้ดีด้วย
อย่างไรก็ดี ในช่วงอัตราเร่งแซงย่านกลาง ยังพอมีกำลังมาแบบเรื่อยๆ ส่วนช่วงปลาย อาจจะดูน้อยไปสักนิด กับการต้องขี่ออกทริปเดินทางยาว เนื่องจาก TopSpeed ทางทีมงานเราได้ที่ 104 กม./ชม. ตามหน้าปัด ส่วน GPS จริง จะได้ที่ 98
ชมคลิปทดสอบ TopSpeed CT125 ได้ที่นี่
ส่วนข้อสังเกตุ มีอยู่จุดหนึ่ง ก็คือ รอบเดินเบา แอบมีอาการสั่นขึ้นมาบนช่วงแฮนด์ให้สัมผัสได้อยู่
ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้าโช้กอัพหัวตั้ง ซึ่งแน่นอนว่า มันถูกออกแบบมาให้ขี่ลุยได้โดยเฉพาะ ด้วยการหุ้มยางที่กระบอกโช้ก และ มีระยะยุบมากกว่าปกติ 10 มม. อยู่ที่ 110 มม.
นอกจากนี้ แกนโช้กหน้าที่ยาว ยังมาพร้อมแผงคอ 2 ชั้น เพื่อเอาไว้รองรับแรงกระแทก ช่วยให้การซับแรงทำได้ดียิ่งขึ้น
ด้านหลังโช้กอัพคู่ ปรับระดับไม่ได้
จากการที่ผมดูด้วยตาแล้ว ไม่ได้คาดหวังอะไรกับช่วงล่างเจ้า CT125 มากนัก แต่พอได้มาลองขี่จริง คือ ประทับใจมาก
โช้กอัพหน้า-หลัง ทำงานสัมพันธ์กันได้เป็นอย่างดี
แม้จะมีระยะเคลื่อนตัวที่เยอะ แต่ทว่ามันกลับให้ความรู้สึกเฟิร์ม ไม่ได้ดูย้วย เวลาขี่เร็วๆ เพียงแต่ด้วยความที่รถหน้าเบา เวลาขี่เร็วๆ หรือ เวลาเบรก และ เชนจ์เกียร์ลงหนัก จนล้อล็อก อาจต้องคอนโทรลแฮนด์บาร์ให้ดี
นอกจากนี้ ผมได้ลองไปขี่เส้นทาง Off-Road ที่มีหลุม รวมไปถึงเวลาเจอเนินลูกระนาด คือ สามารถกระแทกคันเร่งใส่ได้เลย ไม่มีอาการสะท้านแต่อย่างใด
ระบบเบรกดิสก์ ทั้งหน้า-หลัง
ทางด้านหน้า ขนาดจาน 220 มม. ทำงานร่วามกับคาลิปเปอร์ 2 สูบ จาก Nissin
ด้านหลัง ขนาดจาน 190 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์ 1 สูบ จาก Nissin เช่นกัน
CT125 จะให้ระบบ ABS มาเฉพาะด้านหน้า เหมือนกับ ADV150 เพื่อเอาไว้ขี่ลุย
จากการใช้งานจะพบว่า ฟีลลิ่งการเบรก ทำได้นุ่มนวล สามารถไล่น้ำหนักได้ดี ซึ่งแตกต่างจากรถ Moped รุ่นอื่นๆ ที่มักจะให้ฟีลลิ่งก้านเบรกที่ดูแข็งทื่อ แต่กับ CT125 ดูไล่น้ำหนักได้ดีเป็นธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ดีเวลาที่เราขี่มาเร็วๆ แล้วต้องการลงเบรกหนักๆ เพื่อชะลอความเร็ว ต้องลงน้ำหนักค่อนข้างเยอะหน่อย แต่ทว่าหากต้องการเบรกอย่างกระทันหัน ABS นั้นก็ทำงานได้ดีเช่นเคย ไม่รู้สึกสะท้าน หรือ ตอบสนองเร็วเกินไป
สรุป รีวิว Honda CT 125 ถือเป็นรถแฟมิลี่ไบค์ ที่พร้อมพาคุณไปได้ทุกเส้นทาง มันขี่ง่าย ใครๆ ก็สามารถขี่ได้
นอกจากนี้ยังสะท้อนความเป็นตำนานแห่งยุค 60′ ออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
Honda CT125 มีราคาอยู่ที่ 84,900 บาท มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ แดง และน้ำตาล
ซึ่งผู้สนใจสามารถจับจองได้ที่ Honda Wing Center ทั่วประเทศ และ CUB House ทั่วประเทศ
ส่วน Honda CT125 City Trail ราคา 95,900 บาท (สีแดง) มีเพียง 100 คัน
และ Honda CT125 Country Trekking (สีน้ำตาล) ราคา 108,900 บาท มีเพียง 50 คัน
ซึ่งตัวแต่งทั้ง 2 รุ่นนี้ จะต้องไปจับจองที่ CUB House เพียงเท่านั้น และได้ข่าวมาว่า ใน กทม. จำหน่ายหมดไปแล้วด้วย
Thanks Special Guest: พี่โอม Moto-Moment
อ่าน รีวิว เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ