เปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราได้สักทีสำหรับแอดเวนเจอร์ไบค์เรืองธงคันใหม่ล่าสุด 2020 Honda Africa Twin 1100 ที่ปล่อยให้คนไทยรอคอยกันมานานตั้งแต่ปลายปี 2019 ซึ่งจุดขายของเจ้านี่จะมีอะไรบ้าง เรามาว่ากันเลยครับ
สำหรับจุดเด่นของ All-New Honda Africa Twin 1100 คงต้องเริ่มจากดีไซน์ภายนอกที่ได้มีการปรับใหม่ทั้งหมดให้ตัวรถดูมีความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น บนกลิ่นอายคล้ายเดิม โดยในฝั่งของวินชิลด์ด้านหน้า จะสามารถมีการปรับขนาดให้เล็กลง ส่วนชุดไฟโปรเจคเตอร์ LED คู่หน้าดีไซน์คล้ายเดิม แต่เพิ่มเติมในส่วนของแถบไฟ DRL เพื่อความปลอดภัยของผู้ขี่ ซึ่งแถบไฟ DRL นี้จะสามารถปรับเพิ่ม/ลดความสว่างของตัวมันได้เองตามแสงสภาพแวดล้อม
ขณะที่ฝั่ง Adveunture Sport นอกจากขนาดตัวจะดูหนาขึ้น และมีชิลด์สูงกว่าแล้ว แถมปรับได้อีก 5 ระดับ
มันยังมีการเพิ่มเสริมดวงไฟ LED 3 Step ด้านล่างโคมไฟหลักมาให้ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เพื่อทำงานร่วมกับระบบ Cornering Light หรือว่าง่ายๆก็คือไฟเล็กๆด้านล่างนี้ จะสว่างตามองศาการเอียงและทิศทางการเลี้ยวของรถด้วย
ด้านความความสูงเบาะให้ ยังคงสูงเท่าเดิมคือ 850-870 มิลลิเมตร (ปรับได้ 2 ระดับ) แต่แคบลงจากเดิม 40 มิลลิเมตรเพื่อให้ผู้ขี่สามารถใช้ขาแตะพ้นได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะที่ชุดแฮนด์บาร์ กับพักเท้า มีการจัดตำแหน่งใหม่ เพื่อความสะดวกสบายและคล่องตัวของผู้ขี่ ส่วนถังน้ำมันยังมีขนาดเท่าเดิมคือ 18.8 ลิตร และ 24.8 ลิตรในรุ่น Adventure Sport รองรับการใช้งานระดับ 380 กับ 500 กิโลเมตร ขึ้นไปได้สบายๆ ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 20.4 กิโลเมตร/ลิตร,
มาพร้อมการ์ดแครงก์ด้านล่างขนาดใหญ่ แต่ไม่มีแครช์บาร์มาให้เหมือน Adventure Sport
ส่วนหน้าจอมาตรวัดที่ให้มาก็ปรับไปเป็นแบบ Full-Digital Multi-Function TFT ขนาด 6.5 นิ้ว โดยมันสามารถรองรับกับระบบ Apple CarPlay ที่ผู้ขี่สามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อมต่อมันกับโทรศัพท์ iPhone ผ่านพอร์ท USB หรือผ่านระบบบลูทูธที่ต้องซื้อแยก นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังเป็นระบบทัชสกรีนอีกด้วย ซึ่งสามารถทำงานได้แม้ผู้ขี่จะใส่ถุงมือ ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถกดเลือกการแสดงผลที่หน้าจอของมันได้เลยตรงๆ โดยที่แทบไม่ต้องใช้ปุ่มจอยที่อยู่บนประกับแฮนด์ฝั่งซ้ายมือเลยก็ได้ ขณะที่ระบบนำทาง GPS ก็เป็นแบบ Built-In มาให้เรียบร้อย
ด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ถือว่าใน Honda Africa Twin นั้น ได้รับการอัพเกรดชุดใหญ่ แบบ Adventure Sport ให้มายังไง มันก็ได้ใช้ตามอย่างนั้น เริ่มจากหัวใจสำคัญของระบบอย่าง ชุดเซนเซอร์วัดแรงเฉี่ย IMU 6 แกน จาก Bosch รุ่น MM7.10 ซึ่งค่าที่ได้จากเซนเซอร์ชุดนี้ จะถูกนำไปประมวลผลร่วมกับระบบความปลอดภัยอื่นๆอีกหลายอย่างด้วยกัน ทั้งชุดคันเร่งไฟฟ้า, ทอร์คคอนโทรล (แทร็คชันคอนโทรล), วิลลี่คอนโทรล (ป้องกันล้อหน้าลอย), เรียร์ลิฟท์คอนโทรล (ระบบป้องกันล้อหลังลอยตัว), และระบบ Cornering ABS แถมยังมีระบบไฟผ่าหมากฉุกเฉิน (Emergency Stop Signal) กรณีผู้ใช้งานเบรกกระทันหันเสริมมาให้แล้วเรียบร้อยด้วย เพื่อความปล่อดภัยอีกชั้น ขณะที่ ระบบครูสคอนโทรล (ล็อคความเร็ว) ก็จะให้มาเป็นะบบพื้นฐานติดรถเช่นกัน
ฝั่งโหมดการขับขี่ที่ติดรถให้ลูกค้าได้เลือกใช้เป็นพื้นฐานติดรถหลักๆก็จะมี 4 รูปแบบ ได้แก่ Tour เน้นความนิ่มนวล, Urban เน้นการใช้งานที่รวดเร็วยิ่งขึ้นบนถนนดำ, Gravel เน้นการใช้งานแบบลุยฝุ่นลุยหญ้า ลุยถนนลูกรังเบาๆ, และ Off-Road ที่เหมาะสำหรับขาโหด กระโดดขึ้นเนิน นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถปรับเซ็ทโหมดการขับขี่ได้เองตามความชอบอีก 2 รูปแบบ โดยจะสามารถปรังตั้งได้ทั้ง อัตราการตอบสนองเครื่องยนต์, เอนจิ้นเบรก, และระบบ Cornering ABS ว่าจะให้ทำงานในระดับความไวขนาดไหน หรือจะปิดไปเลยก็ยังได้ (และถ้าเป็นรุ่น DCT ก็จะสามารถปรับความไวในการตอบสนองของชุดเกียร์ได้อีกด้วย)
สำหรับระบบกันสะเทือนของ Africa Twin ใหม่ หากเป็นของดั้งเดิมที่ติดตั้งให้เป็นออพชันพื้นฐานนั้น มันจะได้รับการติดตั้งชุดโช้กหัวกลับ ขนาดแกน 45 มิลลิเมตร จาก Showa ที่มีระยะยุบมากถึง 230 มิลลิเมตร และสามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่า ทั้งพรีโหลด/รีบาวน์/คอมเพรสชัน ขณะที่ชุดแผงคอรวมถึงแกนคอที่ทำจากอลูมิเนียมต่างก็ถูกผลิตขึ้นรูปให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้า
ตัวโช้กหลังที่ให้มาก็ยังคงเป็นของ Showa เช่นกัน แต่จะเป็นแบบโมโนช๊อค มีซับแทงค์แก๊สแยก ขนาดลูกสูบภายในใหญ่ถึง 46 มิลลิเมตร สามารถยืด/ยุบได้ 220 มิิลลิเมตร และแน่นอนว่ามันเองก็สามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่าเช่นกัน แถมยังทำงานร่วมกับกระเดืองทดแรง และสวิงอาร์มอลูมิเนียมชุดใหม่ที่เบาลงกว่าเดิม 500 กรัม ซึ่งทาง Honda ได้ระบุไว้ว่า สวิงอาร์มชุดใหม่นี้ถูกออกแบบโดยอิงจากของตัวแข่ง CRF450R เลยทีเดียว
แต่ถ้าหากลูกค้าคนไหนต้องการความสุดไปอีกขั้น ในรุ่น Adventure Sport ก็มีโช้กอัพหน้า/หลัง ปรับไฟฟ้า Showa EERA™ เป็นออพชันหลักที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งเจ้าโช้กไฟฟ้านี้ จะสามารถปรับเซ็ทค่า พรีโหลด/รีบาวน์/คอมเพรสชัน ของตัวมันเองได้แบบเรียลไทม์ หรือตลอดเวลา ตามสภาพผิวถนน, ความเร็ว, น้ำหนักบรรทุกบนตัวรถ, และ โหมดการขับขี่ที่ผู้ใช้เลือกไว้
ด้านชุดเฟรมของ Africa Twin รุ่นใหม่นั้น ก็จะถูกออกแบบใหม่ด้วยเช่นกัน โดยจากเดิมที่จะเป็นเฟรมแบบชิ้นเดียวทั้งเมนเฟรม และซับเฟรม มาในครั้งนี้ นอกจากมันจะถูกออกแบบให้บางลงกว่าเดิมถึง 40 มิลลิเมตร มันยังถูกแยกส่วนกันระหว่างเมนเฟรมกับซับเฟรมด้วย เพื่อรีดน้ำหนักส่วนนี้ให้ลดลงอีก 1.8 กิโลกรัม จากการเปลี่ยนวัสดุซับเฟรมให้เป็นอลูมิเนียม
และสำหรับระยะความสูงใต้ท้องรถของ Africa Twin ก็จะยังคงเท่าเดิมกับโฉมก่อนหน้าคือ 250 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อจะขยับขึ้นเป็น 1,575 มิลลิเมตร มีระเทรลกับมุมเรค 113 มิลลิเมตร/ 27.5° องศา ส่วนน้ำหนักก็จะเบาลง 5 กิโลกรัม ส่งผลให้ในรุ่นเกียร์ธรรมดาจะมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 226 กิโลกรัม (238 กิโลกรัมในรุ่น Adventure Sport) ขณะที่รุ่นเกียร์ DCT ก็จะหนัก 236 กิโลกรัม (248 กิโลกรัมในรุ่น Adventure Sport)
ด้านระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นแบบ จานเวฟวี่ดิสก์คู่ ขนาด 310 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปัั๊มเบรกเรเดียลเมาท์ 4 พอร์ท ส่วนด้านหลังก็จะเป็นจานเวฟวี่ดิสก์เช่นกัน แต่จะเป็นจานเดียวขนาด 256 มิลลิเมตร และชุดล้อติดล้อมา แม้จะรัดด้วยยางขนาดหน้ากว้าง 90/90-21M/C 54H และ 150/70R18 M/C 70H ตามลำดับหน้า/หลังเท่ากันทั้งสองรุ่น แต่ตัว Adventure Sport จะเป็นรุ่นเดียวที่ใช้ขอบล้อแบบรองรับการใช้งานกับยางทูบเลส
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง บล็อคใหม่ที่ถูกต่อยอดมาจากบล็อคเดิม ไม่ว่าจะเป็น
– เพิ่มความจุให้ใหญ่ขึ้นเป็น 1,084cc ด้วยการยืดช่วงชักจาก 75.1 มิลลิเมตร เป็น 81.5 มิลลิเมตร ขณะที่ขนาดลูกสูบยังคงเท่าเดิมคือ 92 มิลลิเมตร
– ขยายเรือนลิ้นเร่งใหม่ ให้ใหญ่ขึ้นเป็น 46 มิลลิเมตร (ของเดิม 44 มิลลิเมตร)
– ปรับทางเดินอากาศใหม่ให้สามารถไหลเวียนได้คล่องตัวยิ่งขึ้น
– ปรับระยะเวลาการเปิด/ปิดวาล์ว และ เพิ่มระยะยกวาล์วเป็น 10.1 มิลลิเมตร ในฝั่งไอดี กับ 9.3 มิิลลิเมตรในฝั่งไอเสีย (ของเดิมยก 9.2 กับ 8.6 มิลลิเมตร ตามลำดับ)
– ปรับปรุงชุดเพลาข้อเหวี่ยง และเปลี่ยนระบบปั๊มน้ำมันเครื่องใหม่ ให้เป็นแบบกึ่งแห้ง ช่วยลดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็น ทำให้เครื่องยนต์เบาลง
– ปรับจูนกล่อง ECU ใหม่ และปรับองศาหัวฉีดใหม่ให้สามารถฉีดน้ำมันเข้าสุ้ห้องเผาไหม้ได้อย่างตรงๆตัวมากขึ้น
– เสริมระบบควบคุมแรงดันไอเสีย Exhaust Control Valve (ECV) ที่ยกมาจาก Honda CBR1000RR
ซึ่งจากทั้งหมดที่ว่ามานี้ ส่งผลให้ มันพร้อมทำกำลังได้สูงสุดที่ 100.6 แรงม้า (PS) และมีแรงบิดสูงสุดให้เรียกใช้อีก 105 นิวตันเมตร ซึ่งคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 7 และ 6 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ โดยมันจะยังมาพร้อมกับระบบเกียร์คลัทช์คู่ DCT ที่ปรับปรุงใหม่แล้วให้เลือกซื้อแยกเช่นเดิม
ส่วนราคาขายจริงของ All-New Honda Africa Twin 1100 ทั้ง 2 รุ่นย่อยในบ้านเราก็อยู่ที่
– 2020 Honda Africa Twin 1100 : 559,000 บาท เป็นเกียร์ MT มีให้เลือก 2 สี แดง-กรังด์ปรีซ์เรด และสีดำ-แมทบอลลิสติก
– 2020 Honda Africa Twin 1100 – Adventure Sport : 699,000 บาท เกียร์ DCT สีไตรคัลเลอร์-เพิร์ลแกรไวท์ หากจองภายใน 30 มิ.ย. ราคาเหลือ 669,000 บาท
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ