รีวิว 2023 Honda Forza350 Roadsync โฉม All New หน้าตา ที่ยังบิดสนุก เหมือนเดิม

รีวิว 2023 Honda Forza350 บิ๊กสกู๊ตเตอร์ ยอดขายดีที่สุด ในไทยขณะนี้ เรียกได้ว่า ขนาดตัวเดิมยังค้างส่งมอบ

รีวิว 2023 Honda Forza350 แบบจัดเต็มฟูลรีวิว หลังจากที่ทาง Thai Honda เปิดตัวแบบ World Premiere ที่ประเทศไทยกันไปเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว (นับจากวันที่เราได้รับรถทดสอบ) ซึ่งที่จริง มีการเปิดตัว 3 คัน แต่อีก 2 คัน ก็คือ ADV160 และ Wave ใหม่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีรถนะครับ เลยแจ้งไว้ก่อน ซึ่งในอนาคต ผมจะมาอัพเดทรีวิวกันอีกทีหนึ่ง

กลับมาที่ All New 2023 Honda Forza350 ใหม่ คันนี้ กันอีกครั้ง ว่ามันจะมีอะไรน่าสนใจแค่ไหน เราจะขอมาเริ่มกันตั้งแต่ดีเทล ภายนอกกันเลย

เริ่มที่ตัวโคมไฟหน้า มีการปรับแยกโคมเป็น Dual LED ทำให้รถดูสปอร์ตขึ้นกว่าเดิม

โคมไฟท้าย Full LED ปรับเส้นสายจากตัว X มาเป็นลักษณะตัว U คว่ำ พร้อมเพิ่มรายละเอียดตัวไฟ LED อีก 2 ชั้นที่ด้านใต้

ชุดแฟริ่งมีการปรับรูปทรงใหม่ จะเห็นได้ว่ามีช่องรีดอากาศ ตรงแฟริ่งหน้า คล้ายๆ ตีโป่งออกมาเป็นครีบวิงเล็ทขนาดเล็ก ตามสไตล์รถแข่ง MotoGP

ขณะที่วินชิลด์ยังคงความดีงามเช่นเดิม เพราะปรับด้วยไฟฟ้า เป็นชิ้นงานคุณภาพสูงจากอิตาลี และปรับได้สูงสุด 150 มม. คือ สายทัวริ่งสบายใจได้ไม่ต้องเปลี่ยนของแต่งเลย

อีกจุดที่ดีงาม เหนือเหนือคู่แข่ง คือกระจกมองข้างที่สามารถพับได้ขณะขี่ มาพร้อมไฟเลี้ยว LED ในตัว

ชุดแฟริ่งข้างด้านท้ายมุมเส้นสายคล้ายตัวเดิมมาก แต่จุดที่เห็นจะเปลี่ยนแปลงเด่นชัดเลย คือ สีมือจับหลัง และ Emblem ตัวใหม่ จะเป็นสีเทาดำ ในรุ่น STD และ Roadsync เป็นสีทองน้ำตาลไหม้

สีล้อในรุ่น Roadsync ก็จะมาพร้อมสีทองน้ำตาลไหม้ เช่นกัน

มาตรวัดได้มีการปรับดีเทล Interface เล็กน้อย กรอบทรงกลมเป็นสีเงินจากเดิมสีทอง และจอดิจิตอลมีการเพิ่มบรรทัดด้านบนเข้ามา ที่จะแสดงผล อัตราสิ้นเปลืองแบบ Realtime
นอกจากนั้น ก็จะแสดงผลครบถ้วน ทั้งมาตรวัดเข็มอนาล็อก 2 วง จอดิจิตอล บอกรายละเอียดครบ ตั้งแต่เวลา เกจ์น้ำมัน, ระดับความร้อนเครื่องยนต์
Trip, ระยะทางรวม, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย, ระยะทางที่สามารถวิ่งได้ (คำนวนจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง), อุณหภูมิภายนอก, แรงดันไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และแจ้งเตือนการ Service โดยปรับได้จากปุ่ม Info A และ Info B ที่สวิตช์ไฟซ้าย

สวิตช์แฮนด์ด้านซ้าย มีปุ่มแตร, สวิตช์ไฟสูง/ต่ำ ซึ่งเราสามารถกดกระพริบไฟสูงเพื่อขอทางรถคันข้างหน้าได้ด้วยการกดปุ่มไฟต่ำย้ำลงไปเท่านั้น, นอกจากนี้จะเพิ่มปุ่ม Info A, Info B เข้ามาใช้ดูข้อมูลบนแดชบอร์ด, ปุ่ม T ที่ปลายนิ้วชี้ ใช้ปิด ระบบ HSTC, ตามด้วยปุ่มลูกศรขึ้น-ลง ใช้ ปรับวินด์ชิลด์ไฟฟ้า

สวิตช์แฮนด์ด้านขวา มีปุ่มสตาร์ท, Off-Run, ไฟฉุกเฉิน

และแน่นอนระบบกุญแจ Keyless

ลิ้นชักจะมีให้ฝั่งเดียว ด้านซ้าย จะให้พอร์ทจ่ายไฟเป็น Type-C ส่วนช่องเก็บของลึกพอที่จะวางขวดน้ำลงไปได้ และแน่นอน คือ ใส่ได้พอทั้ง Smartphone และกระเป๋าเงิน

เบาะนั่ง ยังคงสีทูโทน โดยแยก 2 Step ในส่วนตำแหน่งผู้ขี่ จะมี Lumbar Support และเมื่อเปิด U-Box จะพบช่องเก็บของขนาดใหญ่พอที่จะวางหมวกกันน็อคแบบเต็มใบเข้าไปได้ 2ใบ หรือ มันยาวพอที่ผมจะเก็บขาตั้งกล้อง และกระเป๋ากล้อง FullFrame ลงไปได้ด้วย ซี่งมันยังมีแผ่นกั้นแบ่งโซนวางของมาให้ด้วย ทำให้ปรับรูปแบบการวางได้ถึง 4 แบบ น่าเสียดายนิดตรงที่ไม่มีไฟส่องสว่างมาให้

ล้อลายเดิม 6 ก้าน Y สวมยางไซส์เดิม หน้า 120/70-15 และหลัง 140/70-14

มิติรถ 2023 Honda Forza 350
กว้าง x ยาว x สูง = 754 x 2,143 x 1,507 มม.
เบาะสูง 780 มม. (เท่ากับเดิม)
นน. 187 กก. (หนักขึ้น 2 กก.)
ระยะฐานล้อ 1,510 มม. (เท่าเดิม)
ระยะ Ground Clearane 140 มม.
ถังน้ำมันจุ 11.7 ลิตร (เท่าเดิม)

ท่านั่ง
สำหรับผู้ทดสอบสูง 175 ซม. สวมรองเท้าผ้าใบ ก็พบว่า ถ้านั่งปลายเบาะ ก็เหยียบได้เกือบๆ เต็มเท้า แต่ถ้าผู้ขี่ที่สูงสัก 170 ซม. ลงมาก็น่าจะต้องเขย่งปลายกันหน่อย

ช่วงแฮนด์พบว่า ตำแหน่งค่อนข้างพอดี คือ มีมุมที่ศอกงอให้คอนโทรลได้อย่างพอเหมาะ และเมื่อ พับกระจกมองข้าง อันนี้ถือเป็นจุดเด่นเลย รถติดมุดได้อย่างคล่องตัว

มาที่ตำแหน่งผู้ซ้อน ตัวเบาะกว้าง และแบนนั่งสบาย เบาะไม่ได้นุ่มมาก แต่ก็ยังนั่งได้แบบไม่เมื่อย

แต่จากที่ผมได้ลองนั่ง ก็ต้องบอกว่าผมยังเจอปัญหาเดิม เหมือนกับตัว 2020 ที่เคยรีวิวไป ก็คือ แฟริ่งท้ายมีมุมเหลี่ยมของแฟริ่ง มันบาดน่อง เช่นเดิม
ดังนั้น คนซ้อนแนะนำว่า อาจจะต้องนั่งแบะขา (ถ้าปรับเส้นแฟริ่งตรงมุม ให้เป็นเส้นโค้งเว้าเข้าไป จะไม่บาดน่องวางขาได้สบายขึ้น)

เครื่องยนต์ eSP+
พิกัด 329.6cc แบบ SOHC 4 วาล์ว อันนี้แทบไม่ต้องพูดกันเยอะ กำลัง 29 แรงม้า กับแรงบิด 31.5 Nm

มันอาจไม่ใช่รถ Big Scooter ที่มีกำลังมากที่สุดในคลาส ไม่เกิน 400cc แต่ ถ้าเทียบเรื่องอัตราส่วนกำลัง/นน. ถือว่าดีที่สุด
และ ยืนยันว่า อัตราเร่งดีตั้งแต่ออกตัว มือใหม่ ไม่ชิน อาจต้องระวังคันเร่งช่วงต้น ส่วนรอบกลางปลาย ไหลขึ้นเรื่อยๆ ไม่หวือหวา แต่ก็วิ่งขึ้นเรื่อยๆ จมเกือบจมไมล์ ซึ่งผมได้ทดสอบ TopSpeed Test ไว้แล้ว

เอาเป็นว่าสำหรับผมเดิมๆ ก็แรงเพียงพอกับการใช้งานไม่ว่าจะเน้นอัตราเร่งในเมือง หรือ จะวิ่งเดินทางไกล ก็เพียงพอ

นี่ยังไม่นับถ้าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกรดดีๆ เปลี่ยนกรองอากาศ ผ้าและตัวท่อไอเสียหน่อย น่าจะแรงขึ้นอีกพอควร
ถ้าใครเป็นสายดันโล ก็ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถโม ต่อได้สบาย หลายสำนักมีสูตรการทำชามปลดร่องเม็ดตุ้มแรงเหวี่ยง และการไล่น้ำหนักเม็ดตุ้มแรงเหวี่ยงกันมากพอควร ลองดูรีวิวแต่ละสำนักได้อีกทีครับว่าใครอยากจะไปโมต่อสูตรไหน เอาช่วง ต้น กลาง ปลาย หรือ จะไล่ตาม นน.ผู้ขี่
แต่ส่วนตัวผมมองว่าสมรรถนะเครื่องบล็อกนี้ มันแรงพอเพียง แล้ว อาจไม่จะเป็นต้องไปปรับองศาชาม เพื่อให้มันบีบสายพาน เพราะจะกินสายพานทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้ครับ

มีแต่ข้อดี หรือ เครื่องตัวนี้มีข้อสังเกตุไหม ก็ต้องบอกว่าจากการที่ผมใช้งาน รีวิว แบบ 2-3 วัน เราอาจไม่ได้เจออะไรมาก นอกจาก อัตราสิ้นเปลืองที่เคลม 30 ต้นๆ
จากสไตล์ MotoRival เราบิดไม่ใช่สายประหยัดอยู่แล้ว เน้นรีด Performance จึงทำให้การขี่สไตล์เราอาจจะกินน้ำมันมากกว่าปกติ เพราะ เราจะทำตัวเลขได้ช่วง 20 ต้นๆ ในช่วงกด Test TopSpeed ก็อาจล่วงไปถึง 10 ปลายๆ แต่ถ้าขี่ทัวริ่งก็ได้ 20 กลางๆ

และอีกจุด ก็ฝาครอบกรองดีไซน์ ของมันที่มีช่องดักลม จุดนี้ทำให้ดูดอากาศได้ดี แต่ก็ต้องระวังเรื่องฝุ่น และน้ำที่อาจเข้าได้ง่ายด้วย

ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นโช้กหัวตั้ง เช่นเดิม
ด้านหลังเป็น Twin Shock ซึ่งปรับ Preload ได้ 5 ระดับ

ภาพรวมการใช้งานด้านหน้า ok แล้ว การเซ็ทติ้งทำออกให้ พลิกรถได้คล่องกระฉับกระเฉง หน้าไม่เบาหวิว ขี่เร็วๆ ไม่รู้สึกอาการแกว่ง หรือ หน้าโบก
ซึ่งจุดหนึ่งผมพบว่า ตอนเทส TopSpeed ทำได้ดีเลย อาจเป็นเพราะ ช่องรีดอากาศด้านข้างที่ Honda บอกว่าเพิ่ม Aerodynamics และได้แรงกดที่ดีขึ้น

ส่วนด้านหลัง ถ้าขี่ใช้งานทั่วไปบนพื้นผิวถนนที่ปกติ ผมว่ามัน ok แล้ว การซับแรงไม่ถึงกับดีมาก เพราะ บางจุดยังพบอาการดีดสะเทือนอยู่ ถ้าเราต้องเจอผิวถนนที่ไม่เรียบ หรือ พวกรอยต่อถนน ต้องขี่ผ่านทางขระขรุ หรือ ลูกระนาด

ระบบเบรก ABS Dual Channel
ด้านหน้าจานดิสก์ ขนาด 256 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์ Nissin 2 pots
ด้านหลังจานดิสก์ขนาด 240 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปปอร์ 1 pot

ภาพรวมการใช้งาน ต้องบอกว่าเบรกของ Honda โดยส่วนมากหลายรุ่นให้มา ดีอยู่แล้ว Nissin สามารถไล่น้ำหนักลงได้ และมีพละกำลังเบรก ที่ถือว่าเพียงพอกับกำลังรถ ส่วนระบบ ABS สไตล์ Honda ถือว่าตอบสนองได้กำลังดี และแรงต้านนิ้วก็ไม่ดีดดิ้นสู้นิ้วมากนัก โดยรวมผมว่า ถ้าไม่ได้ไปโม ให้มันแรงเพิ่มเบรกเดิมๆ เพียงพอแล้ว คือ การใช้งานไม่ได้ด้อยกว่ารถที่ใช้จานดิสก์หน้าคู่มากนัก

และยังมีระบบ ESS (Emergency Stop Signal) ให้แนวแบบของรถ Bigbike ซึ่งต้องบอกว่าถ้าขี่มาด้วยความเร็ว (80 กม./ชม.) และ เบรกหนักๆ ไฟฉุกเฉินจะติดขึ้น

สรุป รีวิว 2023 Honda Forza350 ที่เรียกว่าปรับโฉมใหม่ All New คือ ก็ต้องเรียนว่าเป็น All New ใบหน้า และบั้นท้ายใหม่ กับมาตรวัดเพิ่มลูกเล่นนิดหน่อย ส่วนสมรรถนะดีงามเช่นเดิม

ราคา 2023 Honda Forza350 อยู่ที่ 1.79 แสน ในรุ่นเริ่มต้น
ราคา 2023 Forza350 Roadsync เพิ่มอีก 2 พัน ได้ระบบเชื่อมต่อ Smartphone สั่งงานด้วยเสียง 1.81 แสน