รีวิว CBR150R 2022 หวดกระต่ายเพลิง พ่นไฟใส่ ช้างฯ 1 วันเต็ม

รีวิว CBR150R 2022 จัดเต็มอีกครั้งกับ กระต่ายเพลิง หวดเต็มคันเร่ง พ่นไฟใส่แทร็กช้างฯ แบบจัดเต็มทั้งวัน

หลังจากที่ทีมงาน MotoRival เราได้ทำฟูลรีวิว กระต่ายเพลิง 2022 Honda CBR150R กันไปแล้ว
ในวันนี้ได้ม๊โอกาสจากทาง Thai Honda รับเชิญพวกเรามาหวดคันเร่งแบบจัดเต็มกันอีกครั้งใน แทร็กช้างฯ เซอร์กิต
เพื่อเป็นการเก็บเสริมเพิ่มเติมฟีลลิ่งในส่วนที่ขาดหายไป ว่าจะมันส์แค่ไหน ไหวไหมกับแทร็กใหญ่ระดับนี้
เดี๋ยวทีมงานเราจะขอมารีวิวให้รับชมกันครับ

อย่างที่บอกนะครับ สำหรับในรีวิว CBR150R 2022 ในครั้งนี้ จะเป็นการรีวิวฟีลลิ่งการขี่สนาม ในแทร็กระดับโลกอย่าง ช้างฯ เซอร์กิต
ในส่วนดีเทล ตัวรถทางผมเองได้ทำฟูลรีวิว และบอกรายละเอียดทั้งหมดไปแล้ว ซึ่งจะขอไม่กล่าวซ้ำ
ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่ได้รับชมตัวฟูลรีวิว และอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถกดรับชมได้ที่นี่ครับ

และเพื่อไม่ให้เสียเวลาผมจะเข้าที่ฟีลลิ่งในสนามกันเลย

เริ่มกันที่ท่านั่งแบบหมอบขี่สไตล์เรซซิ่ง
คือ CBR150R 2022 นี้ เค้าได้ปรับ แฮนด์มาให้ดูใกล้เคียง Replica มากขึ้น คือ ปรับองศาโน้มเข้าหาผู้ขี่
แต่ยังนั่งได้สบายไม่ต้องก้มหลังเยอะ จึงทำให้การขี่ในเมืองยังสบายมาก และคอนโทรลได้คล่องแคล่ว

พอผมขี่แบบหมอบ นั้นพบว่า ช่วงเบาะมันสั้น แม้จะขยับร่นก้นไปติดกับช่วงท้ายของเบาะผู้ขี่แล้ว
ตัวศอก และเข่าผมยังชนติดกันอยู่ จุดนี้ ทางนักแข่งอย่างน้องดรีม ได้บอกว่า เอาให้ดีคือ ต้องยกก้นไปบนเบาะคนซ้อนเลย
แต่ผมเรียนตรงๆ ว่าไม่ถนัดไม่ชินเลย และ เวลาหมอบทางตรงนาน มากเนื่องจากเครื่อง 150 บนทางตรงยาวในช้างฯ นี้ ที่มีต่อเนื่อง
ทำให้ผมเมื่อยพอสมควร เลยว่า เอาขี่เพื่อรีวิวละกัน

ดังนั้นจุดสังเกตุแรกคือ ถ้าคนสรีระตัว 170 ซม. ขึ้นไปหมอบแล้ว ช่วงศอกเข่าน่าจะติด กันอยู่
ตัวถังน้ำมันปรับใหม่ โดยรวมผมว่าโอบช่วงเข่าหนีบถังทำได้ดี แต่อย่างที่บอก ศอกหนีบไม่ได้ Grip Tank เพราะติดเข่า
แต่ถ้าไม่สวม เรซสูท ผมจะพบว่า ขับขี่ชุดปกติมุมโป่งของถังน้ำมันที่ออกแบบใหม่มาสวยงามนี้จะดันท่อนแขนอยู่นิดๆ

สำหรับตัวพักเท้าที่ ยังเป็นพื้นยาง ไม่เหมือนตัว 500 Series ที่ปรับเป็นพื้นแบบหนามแล้ว ซึ่งแบบนั้น จะจิกเกาะกับพื้น Racing Boot ทำให้การจัด Riding Position ทำได้ดีกว่า

เอาเป็นว่า โจทย์ของตระกูล CBR ทั้ง 150R และ 500R ผมมองว่าเค้าออกแบบมาตรงกลาง คือ Everyday bike ได้เหมาะมากๆ และ Track Day ได้แบบสนุกๆ ไม่ใช่เน้นหมอบเอาใจสายซิ่ง All The Way

เครื่องยนต์ 1 สูบ พิกัด 149.16cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งใช้พื้นฐานเดิม เพิ่มเติม Slipper Clutch
พอขี่ในแทร็กช้างฯ ที่ตรงยาวๆ ผมยังมองว่ากำลังเครื่องดูน้อยไปหน่อย ทางตรงยาวต้องก้มหมอบกันยาวนาน

เพราะ TopSpeed ในแทร็กช้างนี้ ผมทำได้แถวๆ 129-132 กม./ชม. ขึ้นกับช่วงจังหวะลม กับเลขแค่นี้ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าดูจะน้อยไปสักหน่อยครับ แต่ก็มีข้อดี คือ เราไม่เครียดเกินไป ไม่ล้า ผมจบ Seesion นึง 15 นาที สามารถลงมาถ่ายรีวิว พูดคุยสัมภาษณ์ต่อได้โดยไม่เหนื่อย เหมือนรถแรงๆ พิกัดสูงๆหลายคัน แถมการที่ความเร็วไม่สูงมาก ทำให้มีเวลาในการมองกะระยะเบรกได้นานขึ้น

อีกจุดคือการไล่เกียร์ ต้องปรับความคุ้นชินใหม่ เพราะว่า เครื่องพิกัดน้อย หลายโค้งคือไม่ต้องลดความเร็ว สามารถใช้เกียร์เดิมเติมคันเร่งเข้าไปได้เลย

สำหรับเรื่องการ Shift Gear นั้น รอบตัดแถวๆ หมื่นนิดๆ ซึ่งผมมองว่าช่วง 9,000rpm กว่าขึ้นไป อาจเตรียม Shift Gear ได้แล้ว เพราะ Power Band เริ่มดร็อปลง ยกเว้นการที่เราจะต้องเข้าโค้งในบางโค้งที่อาจต้องใช้รอบเครื่องที่ตึงมือ ก็อาจซัดไปให้ถึงช่วงจะเข้า Redline เลยก็ได้

ส่วนระบบ Slipper Clutch ที่เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้นน. คลัทช์เบามือแล้ว ยังช่วงเรื่อง Engine Brake ไม่หนักมาก ล้อหลังไม่ล็อก คอนโทรลได้ง่าย นิ่ม แต่พอรวบเกียร์จาก 6->3 ก็ยังรู้สึกว่าพอมีแรงหน่วง Engine Brake ที่ช่วยชะลอดูดความเร็วลงได้ดีอยู่

ระบบกันสะเทือน
ด้วยการปรับเป็นโช้ก USD แล้ว ฟังก์ชั่น SFF BP แบบตัว 650R และ 600R ถือว่าดีเลยครับ ด้านหน้า กำลังดี ผมไม่ติดขัดอะไร

ส่วนด้านหลังยังแอบรู้สึกว่า การเซ็ทเดิมๆ นี้ พอขี่ในแทร็กที่ต้องแช่ความเร็วสูง ตลอด ผมรู้สึกว่านิ่มไปหน่อย ยิ่งเวลาขี่ตาม สื่อท่านอื่น แอบเห็นช่วงล่างหลังดูมีอาการออกยวบไปนิด

แต่การที่ตัวรถ นน.เบา ผมรู้สึกช่วงแผงคอ จะเบาไปสักหน่อย จังหวะ โค้ง T4 ที่หลายคนบอกว่ายัดคันเร่งเข้าใส่ได้เลย
ผมยังรู้สึกหวิวๆ กับช่วงหน้ามันหน่อย ผมจึงผ่อนคันเร่งนิด ก่อนค่อยเติมคันเร่งต่อ

ร่วมกับไซส์ยางหน้าของเขาเบอร์ไม่ใหญ่เท่าไร 100 และ ด้านหลัง 130
ซึ่งเล็กกว่า พี่ CBR250RR อยู่ อย่างละ 1 เบอร์ ทั้งหน้า-หลัง
ทำให้ผมรู้สึกว่า รถเทโค้งได้ไม่มากนัก

ระบบเบรก
ของเขาเป็นตัวเดิมกับโฉมก่อน แต่โดยรวมกับการขี่ในแทร็กเช่นนี้ ยังถือว่าทำได้ดี หยุดกำลังเครื่องได้อย่างเหมาะสม
เพราะ ตามที่บอกว่า ถ้าเรา Shift Gear ลงช่วยทำ Engine Brake ก็ได้กำลังเครื่องเข้ามาช่วยดึงชะลอลดความเร็วอีก
ภาพรวมผมว่า ok เอายู่ และเบรกได้ลึกประมาณหนึ่ง ช่วงประมาณ ป้าย 100 ม. สำหรับมือไม่แข็งอย่างผม ยังคอนโทรลได้แบบไม่ยาก

สรุป รีวิว CBR150R 2022 เก็บตกฟีลลิ่งแบบหวดคันเร่งเต็มในสนามช้างฯ
ทำให้ผมได้เก็บฟีลในส่วนที่ขาดหายไปเพิ่มเข้ามา
รถ CBR Series ทั้ง 500 และ 150 อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คนเน้น Racing เฉพาะ
เพราะ Honda ทำมันออกมาให้ ขี่ได้ง่ายเป็นมิตร กับผู้ขี่ ตามที่ผมได้บอกไปแล้วว่า
ขี่ถนน คือ Sport ที่หล่อ ขี่คอนโทรลง่าย นน.เบา คล่องตัว Perfect มากๆ

พอมาลองขี่สนาม ซึ่งเป็นแทร็กใหญ่ระดับโลก ผมมองว่าก็ใช่ที่กำลังเครื่องเค้าดูน้อยไปหน่อย
แต่ถ้าขี่แบบ Track Day เอาสนุก ผมว่ามันก็ ok เลย เพราะขี่ได้ไม่เหนื่อยไม่เครียด ขี่ยาวสบายๆ เป็นรถซ้อมได้เลย
ผมสามารถขี่ Session นึง 30 นาที ก็ยังไหว

คือ เจ้ากระต่ายเพลิงคันนี้ มาสายบาลานซ์ เลยครับ On Road, On Track ได้หมด

ราคา 2022 CBR150R STD 92,900 บาท ส่วน ABS 99,900 บาท