รีวิว Ducati Streetfighter V2 นักสู้ข้างถนน บนเส้นทางที่ ค่ายแดงใช้พัฒนารถใน Bologna

0

รีวิว Ducati Streetfighter V2 เน็คเก็ท ฉายานักสู้ข้างถนน กับตัวเริ่มต้นถ้าคุณมองว่า V4 ดุดิบเกินไป

รีวิว Ducati DesertXอย่างที่ FC MotoRival เราน่าจะทราบกันดี เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ทางทีมงานเราได้รับเชิญไปร่วมงาน WDW2022 ที่สนาม Misano World Circuit กับงานที่ถือได้ว่าแฟนพันธุ์แท้ค่ายแดงต้องไปให้ได้สักครั้ง และการไปอิตาลีทั้งที เราคงไม่ได้ไปแค่เดินเล่นเฉยๆ เรายังได้มีโอกาสไปยังโรงงาน Ducati Factory ใน Bologna และได้ทดสอบรถ 2 รุ่น ก็คือ DesertX ซึ่งผมได้นำขึ้นรีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้ (รับชมได้ที่นี่) และอีกรุ่น ที่จะมารีวิวในครังนี้ ก็คือ SF V2 ซึ่งต้องบอกว่าแม้ จะเปิดตัวในไทยไปแล้วตั้งแต่งาน BIMS2022 ที่ผ่านมา
แต่ ณ วันที่เราได้ไปทดสอบก็ยังไม่มีการส่งมอบรถในไทย การทดสอบในครั้งนี้ จึงถือว่าได้ลองกันก่อนลูกค้าจะได้รับรถเสียอีก และเส้นทางในครั้งนี้ ก็ไม่ธรรมดา เพราะทาง Ducati ได้บอกเองเลยว่าเป็นเส้นทางที่พวกเขาใช้วิ่งทดสอบพัฒนารถจริงๆ ดังนั้น จะเป็นอย่างไรมารับชมกันได้เลยครับ

Ducati-Streetfighter-V2-Factoryเอาล่ะครับ และเพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมจะขอไม่พูดถึงดีเทล ตัวรถกันซ้ำ เนื่องจากเราได้เคยทำคอนเท้นต์ เกี่ยวกับมันไปแล้วในตอนประกาศราคาในงาน Motor Show 2022 ดังนั้นรับชมได้ที่นี่

Pon-Streetfighter-V2เริ่มกันที่ท่านั่ง ต้องบอกก่อนนะครับว่า ด้วยความสูงเบาะถึง 845 มม. ต้องบอกว่า สูงเอาเรื่อง (ความสูงในระดับเดียวกับ Panigale V4) ผมสูง 175 ซม. สวมรองเท้าบู๊ท ต้องบอกว่าเหยียบได้ลงเกิอบๆ เต็มเท้า ซึ่งเวลาเจอทางชัน ก็ต้องถือว่า ลำบากพอสมควร ถ้าใครที่สูงไม่มากบอกเลยครับว่า ค่อนข้างเหนื่อย และด้วยตำแหน่งแฮนด์บาร์ทรงเตี้ย ท่านั่งมันเลยออกไปทางตูดเชิดหัวทิ่ม ลักษณะบังคับให้โน้มตัวไปด้านหน้า ท่านั่งไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย กับการขี่บนถนน แบบทั่วๆไป ช่วงแรกที่ผมเพิ่งสลับจาก DesertX มาเป็น SF บอกเลยว่า คิดถึง DesertX มากๆ เวลาเจอรอยต่อถนน หรือ เจอ Bump บอกเลย เจ็บเป้า เพราะท่านั่งเราโน้มไปด้านหน้า เรียกว่าไข่ติดถัง และโช้กอัพที่ฟีลแข็งมากๆ นอกจากนี้องศาแผงคอมันเลี้ยวไม่ได้มาก ทำให้วงเลี้ยววงแคบ หรือเวลาจะ U-Turn ต้องตีวงไปกว้างมาก มันไม่เหมาะที่จะขี่แบบชิลๆ ช้าๆ และ ต้องมาซอกแซก รถติดๆ สักเท่าไร

ยิ่งช่วง Photo Session ที่เพิ่งสลับมาขี่แล้วเจอฝน ด้วยแล้ว ไม่สนุกเลย!! ตอนเจอพื้นแทร็กที่เปียกลื่น และเป็นโค้งแบบ U-Turn แคบๆ (จนผมรู้สึกงอแง)

แต่พอขี่มาสักพัก ฝนหยุดแห้ง และได้ขี่บนถนนที่พอมีทางโล่งๆ ให้เราได้กดทำความเร็ว ผมเริ่มสัมผัสได้ถึงคาแรกเตอร์รถที่มีความดิบ ตามสไตล์นักสู้ข้างถนน เครื่องที่ยกมาจาก Panigale V2 สำหรับผม ก็ถือว่ามันแรงเพียงพอกับการใช้งานบนถนนแล้ว แน่นอน มันมีความดิบมากกว่า DesertX

Ducati Streetfighter V2 ราคากำลังเครื่องประมาณ 155 PS และด้วยความที่เน้นแบบ Street used มันจึงถูกปรับเซ็ทให้จัดจ้าน กว่า Panigale V2 สเตอร์หลังใหญ่ขึ้นอีก 2 ฟัน คือ ต้องบอกเลยต้นบิดสนุกดีดมากๆ โดยรวมแล้วผมว่าดูดีกว่า Panigale V2 เล็กน้อย ส่วนความเร็วปลายไม่ต้องถามหา บอกเลยทริปนี้ เป็นถนนเลนสวน และขี่ตามๆ กัน เหมือนความเร็วสูงสุดที่ผมขี่ได้ แอบ Take แซงคันหน้าได้ประมาณ 140 kmph ถ้าขี่ตามๆ กัน น่าจะความเร็วไม่เกิน 120 kmph ทั้งทริป

Pon-Streetfighter-V2-2และเมื่อเราบิดมาจนถึงทางบริเวณเขา ที่มีโค้ง ในลักษณะแบบพวกโค้ง S โค้งต่อเนื่อง บอกเลยว่านี่ล่ะ คือ ทางของมัน!!
มันมีความเฉียบคมฉับไว มากๆ เวลาที่พลิกรถเข้าด้วยความเร็ว จากที่ผมบ่นงอแง ตอนช่วง Photo Session ที่เป็นโค้งม้วนแบบพับผ้า ที่ดูจะขี่ยากกับคาแรกเตอร์รถ มันเปลี่ยนไปเลย มันพลิกได้เร็วขี่สนุกมาก จนทั้งขบวน เรียกว่าดูดตามกันมาเป็น Racing Line เดียวกันเลย จุดหนึ่งคือการที่ SF V2 จะมี สวิงอาร์มยาวกว่า Panigale V2 อยู่หน่อย จึงไม่น่าแปลกใจ ตอนที่เราขี่ในทางคดเคี้ยวมันดูจะพลิกเลี้ยวยากสักนิด แต่พอเจอทางของมัน และใช้ความเร็วก็นี่ล่ะใช่เลย

นอกจากนั้นเรื่องของระบบ Electronic ก็มาเต็ม จุดที่ผมได้ใช้ตลอด ก็คือ QS 2way EVO2 ที่ทำงานได้ไหลลื่นต่อเนื่อง ส่งกำลังได้มีประสิทธิภาพ และ ระบบ TC ที่เราใช้ตอนพื้นเปียกๆ ที่มันก็ยังคงทำงานได้ดีละเอียด นอกจากนั้นเรื่อง Ride Mode ก็ยังสามารถปรับแต่งเซ็ทค่าได้ตามต้องการ

Ducati-Streetfighter-V2-Factory-2สรุป รีวิว Ducati Streetfighter V2 บนเส้นทางที่ Ducati ใช้พัฒนารถ ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า เจ้านักสู้ท้องถนนคันนี้ มันอาจไม่ใช่รถที่เหมาะกับการขี่ใช้งานในรถติดๆ อย่าง ถนน กทม. มันคือ รถสำหรับนักสู้ที่ชอบขี่ซิ่งได้บนถนน (ถนนต่างประเทศ) เพราะมันคือ รถที่พลิกไวๆ เวลาเจอโค้ง แบบต่อเนื่อง เข้าโค้งได้เฉียบคม ประดุจรถสนาม ที่ใช้แฮนด์บาร์ ก็ต้องถวิลหา SF V2 คันนี้ ล่ะครับ

ด้วยค่าตัว ประมาณ 7.29 แสนบาท หลายคนอาจมองว่า ราคานี้แพงทะลุ Naked ตัวพันฝั่งญี่ปุ่นที่นำเข้าจากญี่ปุ่นไปไกลพอสมควร แต่ก็ต้องไม่ลืมนะครับว่า นี่ คือ Ducati ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี และคาแรกเตอร์ของรถที่เป็นเอกลักษณ์

สำหรับใครที่ชื่นชอบรถแนวนี้ ไม่ได้ต้องการความแรงบ้าพลัง ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ส่วนปีกถ้าใครอยากได้ แบบตัว V4 ก็ไปติดเพิ่มเอาก็ได้ ถ้าอยากได้ความเท่ เพราะ Ducati บอกว่าความเร็วระดับ V2 ยังไม่จำเป็นที่จะต้องติดวิงเล็ท

Ducati-Monster-937-2-BIMS2022ส่วนถ้าใครมองหา Naked Bike ค่ายแดงที่ขี่ง่าย เป็นมิตร เวลาใช้ในเมือง ผมมองว่าไป Monster 937 จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า

อ่านข่าว Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

Background EXP in Automotive journalists more than 10 Years Writer & Test Driver @Pantip Garage 2018-Present @9carthai 2015- 2017 @Torque & VIPStyle Magazine 2015 @Autospinn 2012-2015 @GTmania.tv 2009-2010

error: Content is protected !!