รีวิว Gas Carbon X Catch Me หมวกคาร์บอนเรซซิ่ง ลายทูโทน น้ำหนักเบา ลายสวยออกแบบโดยสำนักดีไซน์เนอร์ยุโรป ที่ออกแบบให้นักแข่ง Motorsport มากมาย

GAS Carbon X ถือเป็นหมวกตัวท็อปของ GAS Helmets หมวกกันน็อคแบรนด์ไทย ที่ได้ให้ทาง MK Art มาเป็นผู้ดีไซน์ลายหมวกให้ สำหรับ MK Art ถือเป็นสำนักดีไซน์เนอร์จากสเปน ที่มีชื่อเสียงในการออกแบบหมวกกันน็อคให้กับนักแข่งทั้ง MotoGP รวมถึงรายการ WSBK ซึ่งออกแบบลงแบรนด์หมวกดังมากมาย อาทิ Arai, Shoei, Shark เป็นต้น

ซึ่งลายของใบนี้ มีชื่อว่า Catch Me เป็นทูโทน ฝั่งนึงขาว อีกฝั่งดำ ดูเท่แปลกตา เวลาเราลงสนามแข่ง เก็บภาพก็จะเห็นเวลาขี่เข้าโค้งซ้ายเก็บภาพก็จะได้ลายหมวกสีนึง โค้งขวา ก็ได้อีกลายนึง ด้านหลังเป็นตัวหนังสือ Graffiti ว่า Catch me

เรื่องการเปิดปิดวินชิลด์ นั้นถือว่าทำได้ง่ายยกขึ้นมือเดียวได้สบาย

ตัวรูปทรงของหมวก เป็นทรงสปอร์ตให้ลุคเรซซิ่ง แต่ข้อดี คือมันไม่ดูใหญ่ หรือ ยาวเทอะทะ ซึ่งผมว่ามันไซส์ Compact ดี ดูไม่เกะกะ
GAS Carbon X มีช่องระบายอากาศ 3 จุด ที่เปิด-ปิดได้ คือ

ทางด้านบริเวณคาง

ด้านบนเหนือวินชิลด์

ช่องด้านบนตรงกลางหมวกทั้ง 2 ฝั่ง

ทางด้านหลังมีสปอยเลอร์ขนาดเล็กที่สามารถยกขึ้นได้เพื่อเพิ่มแรงกด Aerodynamics อีกเล็กน้อย และด้านใต้เป็นช่องระบายอากาศด้วย

GAS Carbon X แถมวินชิลด์ดำมาให้ด้วย
การถอดเปลี่ยนนั้น จะต้องใช้วิธีบีบแป้นวงกลม และหมุนออก จับตัววินชิลด์ดันไปข้างหน้า และขยับออกเพียงเท่านี้
ก็สามารถถอดเปลี่ยนเองได้อย่างสะดวก ภายในเวลาอันรวดเร็ว

เปิดวินชิลด์ขึ้นมา จะพบกับแผ่น Breath Guard ติดตั้งมาให้ด้วย ซึ่งการเปิดชิลด์นั้น ต้องถือว่าทำได้ไม่ยาก อาจต้องใช้แรงนิด แต่ก็ยังคงปิดได้แน่นขี่ความเร็วสูงๆมั่นใจแน่นอน

พลิกมาด้านใต้หมวกยังแถม Chin Curtain (แผ่นปิดคาง) ให้อีกเช่นกัน
สายล็อกเป็นแบบ DD Ring ตามมาตรฐานหมวกแข่งที่ใช้กัน

ตัวนวมหมวกภายในสีแดง สามารถถอดซักได้ คือ เรื่องสีสันต้องบอกว่าถูกใจผมมาก และเป็นลาย Hexagon ตัวผ้าออกแบบมาให้ระบายอากาศได้ดี  ส่วนนวมภายในถือว่าหนา และแน่นมาก เมื่อเทียบกับ GAS Helmets ใบที่ผมใส่อยู่ปกติ ที่ใส่ Size M เหมือนกัน ใบนี้จะแน่นกว่ามากพอควร ดังนั้น ถ้าใครไม่ได้เน้นเรซซิ่งอยากใส่หล่อๆ ใช้ในชีวิตประจำวันสบายๆ หรือ ขี่เดินทางทัวริ่งยาวๆ ไม่บีบแก้มเกินไป อาจขยับไซส์ขึ้นมาได้ 1 เบอร์ แต่เนื่องจากใบนี้ผมเน้นลงสนามผมจึงใส่ตรงไซส์เลย เพื่อความกระชับเวลาขี่ความเร็วสูง

หมวก GAS Carbon X มี 4 ไซส์ ให้เลือก คือ S, M, L, XL
โดยไซส์นั้นจะเป็นไซส์มาตรฐานเดียวกับหมวกกันน็อคแบรนด์ชั่นนำระดับโลก (ไซส์ S M L จะใช้ Shell นอกขนาดเท่ากัน ส่วน XL จะใหญ่ขึ้นมา) และจุดแตกต่างกันอยู่ที่ โฟมกันกระแทก และ นวมบุภายใน
ข้อดีของการที่ใช้ Shell ขนาดเท่ากัน ทำให้ใส่แล้วไม่ดูหัวโต หรือหมวกดูเกะกะใหญ่เทอะทะ

แม้เป็นหมวกเรซซิ่ง แต่ก็ยังใส่ใจรายละเอียดให้กับคนที่ใช้งานบนท้องถนน มีการเซาะร่องโฟม เพื่อฝัง Bluetooth ได้ รวมถึงรองรับการสวมใส่แว่นตา

สำหรับน้ำหนักนั้น GAS Carbon X หนักใบละ 1,300+- 50 กรัม ในไซส์ S-L ซึ่งถือว่าน้ำหนักค่อนข้างเบากำลังดี
ด้านมาตรฐานความปลอดภัยต้องบอกว่าเป็นหมวกระดับเรซซิ่ง ดังนั้น ได้มาตรฐานทั้งยุโรป ECE R 22-05, DOT อเมริกา
และแน่นอนผ่านมาตรฐาน มอก. ไทย

การใช้งานขี่ในสนาม
อย่างที่บอกว่าใบนี้ส่วนใหญ่ ผมเน้นเอาไว้ใช้ขี่ในสนาม อาจจะเคยใส่ขี่ถ่ายรีวิวรถในหมู่บ้านนิดหน่อย
ทันทีที่หยิบหมวกกันน็อคขึ้้นมาตัวนวมบุภายในถือว่าหนามากพอควร ไม่ถึงกับนุ่ม แต่ให้ความแน่นกระชับ ผมที่ปกติใส่ M ก็ถือว่าบีบแน่นช่วงแก้มพอสมควร เพื่อให้กระชับเวลาขี่ที่ความเร็วสูงแล้วไม่ส่าย
วินชิลด์สามารถยกเปิดได้ไม่ยาก และแข็งแรง ดูแน่นหนา ตามที่ผมแนะไปข้างต้นถ้าใครเน้นขี่ใช้บนถนนเป็นหลัก และขี่เดินทางเป็นเวลานาน ไม่ได้ขี่เร็วมาก ผมว่าเผื่อไซส์ขึ้นมา 1 เบอร์ก็จะใส่ได้ไม่อึดอัด (หมวก GAS Helmets ตัวที่ผมใส่ประจำ M จะเทียบเท่ากับ L ในใบนี้)

สำหรับตัวนี้ผมเปลี่ยนใส่วินชิลด์ดำ ตั้งแต่แรก เนื่องจากว่าผมกะเอาไว้เน้นขี่เฉพาะในสนามเป็นหลัก
ซึ่งต้องบอกว่า การถอดเปลี่ยนชิลด์นั้น หากถอดชิลด์ใส ไม่ยาก
เพราะ มันจะมีเขี้ยว ให้เรามองดูบิดให้ตรงล็อกและบิดยกขึ้นออกมา

แต่จากที่ผมลองที่เราอยากจะถอดชิลด์ดำ ต้องบอกว่าถอดยากมาก เนื่องจากมันดำสนิทมองไม่เห็นเขี้ยวล็อกด้านใน ทำให้เรามองไม่เห็น ในการที่จะบิดยกให้มันตรงล็อก

และหมวกใบนี้เป็น Racing จะไม่มีแว่นกันแดดในตัว เหมือนอย่างตัว Carbon GT เหตุผลก็เพราะว่า บางครั้งเวลาเราขี่ๆอยู่หากใช้ไปนานๆ ตัวแว่นกันแดดด้านในอาจตกหล่นลงมา ทำให้เกะกะสายตาในการขี่ในสนาม และเป็นการเพิ่มน้ำหนักด้วย
ในส่วนวินชิลด์ดำนี้ ก็ถือว่าช่วยลดแสงแดดจ้าได้ดี และถ้ายังมืดไม่พอก็สามารถใส่แว่นกันแดดเพิ่มได้ หรือ ใครใส่แว่นสายตาก็ใส่ได้สบาย แต่สำหรับแว่น ไม่ควรเป็นแว่นที่ขาเป็นพลาสติกหนาเกินไป เพราะจะทำให้บีบช่วงขมับ

ถามว่าชิลด์ดำนี้ใส่กลางคืนได้ไหม ต้องบอกว่าพอได้ ถ้าขี่ในเมืองที่มีไฟตลอด แต่ส่วนตัวผมไม่แนะนำ เนื่องจากชิลด์ดำ จะดำมืดกว่าชิลด์ปรอท อย่างใบ GAS Helmets ใบที่ผมใส่ประจำ ผมใส่ชิลด์ปรอทได้ทั้งกลางวัน-กลางคืน ซึ่งถ้าใครอยากได้ชิลด์ปรอท เค้าก็มีขายแยกเหมือนกัน ราคา 750 บาท

ในส่วนของความนิ่ง ผมได้ใส่ใช้งานขี่ในแทร็กมา หลายครั้งแล้ว ทั้งพีระฯ, แก่งกระจาน, ช้างฯ ในปีนี้ผมอาจจะยังไม่ได้ขี่รถแรงๆ ในสนามบ่อยนัก จากที่ได้ลองความเร็วสูงสุดในช้างบนรถ CBR1000RR-R ความเร็วระดับ 290kmph+ นิดๆ บนมาตรวัด ต้องบอกว่า ถ้าความเร็วสูงมากๆ ก็อาจจะมีอาการ ยังนิ่งอยู่ ไม่ส่าย เหมือนใบ GAS Helmets ที่ผมใส่ขี่ประจำบนถนน ใบนั้นเนื่องจากโฟมนวมนิ่มกว่า และใช้มาหลายปีแล้ว จึงไม่บีบกระชับหน้ามาก ความเร็วช่วง 160kmph+ จะเริ่มมีอาการส่ายๆแล้ว

ซึ่งเอาจริงๆ ผมว่า Carbon X ใบนี้ น่าจะขี่ได้ที่ความเร็วระดับ 250kmph+ น่าจะยังสบาย เพราะใบ GAS Helmets ใบแรกผมก็ใส่ขี่ตัวพันญี่ปุ่นมาระดับความเร็วแตะๆ 250kmph ก็ผ่านมาแล้ว ซึ่งถ้าผมมีโอกาสขี่ตัวพันแรงๆ และขี่ความเร็วสูงๆ ไว้จะมาอัพเดทกับใบนี้กันอีกที

ขณะที่เรื่องของการเก็บเสียงนั้นแน่นอนหมวกเรซซิ่ง มันดังอยู่แล้ว
สำหรับการขี่บนท้องถนนความเร็วปานกลางระดับ 50kmph+ ก็เริ่มจะมีเสียงเข้ามาภายใน และก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ระดับช่วงความเร็ว 100kmph+
ส่วนการขี่ความเร็วสูงมากๆ แน่นอนเราคงต้องค่อยๆ หมอบลงเพื่อลดลมต้าน ดังนั้นอาจจะไม่ได้นั่งหลังตรงแล้ว และจำเป็นที่จะต้องตั้งใจในการคอนโทรลรถ ก็เป็นจุดที่เราอาจไม่ได้ใส่โฟกัสเรื่องเสียงกันมากนักแล้ว

สรุป รีวิว GAS Carbon X Catch Me หมวกกันน็อคเรซซิ่ง วัสดุคาร์บอน สัญชาติไทย ที่ได้มาตรฐานยุโรป, อเมริกา รูปทรงสวย ขนาดดูไม่ใหญ่เกินไป เด่นที่น้ำหนักเบา ลู่ลมดี มีชิลด์แถมให้ ออกแบบเผื่อคนใส่แว่น รวมถึงติดตั้ง Bluetooth เรียกว่าฟังก์ชั่นจบครบในตัว
ลวดลายก็ถือว่าเก๋สวยงาม ด้วยการใช้ทีมออกแบบให้นักบิด Motorsport ระดับโลก

GAS Carbon X ราคา 7,500 บาท หากเทียบกับฟังก์ชั่นทั้งหลายที่ผมกล่าวไป ถือว่าคุ้มค่าราคามากๆ

ผู้ที่สนใจติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่าย GAS Helmets ทั่วประเทศ หรือ เพจ https://www.facebook.com/gashelmets
สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ GAS Carbon X Catch Me
และสำหรับตัว Carbon GT ที่ GAS Carbon GT

อ่านรีวิว อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่