รีวิว Honda Forza 350 ใหม่ หน้าคล้ายเดิม แพงขึ้นนิด แต่ดีขึ้นกว่าเดิมเป็นกอง

รีวิว Honda Forza 350 บิ๊กสกู๊ตเตอร์ ตัวตายตัวแทน Forza 350 ที่ดูครั้งแรก หน้าตาคล้ายเดิม แต่ที่จริง ปรับใหม่เกือบทั้งคัน แถมดีขึ้นกว่าเดิมในเกือบทุกด้าน แต่แพงขึ้นแค่นิดเดียว

กลับมาพบกับการ รีวิว Honda Forza 350 โดยพวกเราทีมงาน MotoRival หลังจากที่ A.P.Honda เปิดตัวกันไปแบบ World Premiere เป็นครั้งแรกในโลก ในงาน Bangkok International Motor Show 2020 [BIMS2020]
แล้ว All New Honda Forza 350 ใหม่ คันนี้ จะมีอะไรต่างจากเดิม และมีสมรรถนะที่ดีขึ้นแค่ไหน มาชมกันเลย

เริ่มกันที่ดีไซน์ภายนอก หากเพื่อนๆ มองเผินๆ ก็อาจจะดูแล้ว คล้าย Forza 300 เดิม
แต่เมื่อมองแบบ Close Up จะพบว่ามันมีรายละเอียด ที่ปรับไปจากเดิมเยอะมาก

โคมไฟหน้า Full LED ยังเป็นรูปทรงคล้ายเดิม

โคมไฟท้าย Full LED ก็คล้ายเดิมเช่นกัน

จุดที่เห็นได้ชัดคือ แฟริ่งที่เป็นชุดบังลมหน้า มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีการเพิ่มช่องรีดอากาศตรงกลางเข้ามา และช่องทางด้านข้างก็มีขนาดใหญ่ขึ้น
วินชิลด์สามารถปรับระดับได้สูงกว่าเดิม โดยสูงสุดถึง 150 มม. จากเดิมปรับได้แค่ 110 มม. เรียกว่าไม่ต้องง้อของแต่ง
นอกจากนี้ ยังแก้ปัญหาเรื่องวินชิลด์เสียดสีจนเป็นรอย โดยการนำลูกยางออกไป

ชุด Cowling หน้า ถูกแบ่งออกมาเป็น 2 ชิ้น, มีช่องสำหรับรีดอากาศ รวมถึงมีการพิมพ์ลายเคฟล่า ให้ลุคสปอร์ตยิ่งขึ้น

ชุดแฟริ่งข้างด้านท้ายเองก็มีการปรับเส้นสายใหม่ ให้เส้นที่ลากยาวมาตั้งแต่ตัวถังน้ำมันไปจนถึงไฟท้าย และแน่นอนเลย เพลทชื่อรุ่นปรับเป็น Forza 350

ชุดกระจกมองข้างเปลี่ยนเปลือกใหม่ให้เรียวแหลมกว่าเดิม ตัวกรอบไฟเลี้ยวเองก็ถูกปรับให้ตัดเฉียงดูโฉบเฉี่ยวขึ้น,

มาตรวัดปรับสีกรอบใหม่ เป็นสีทอง โดยแสดงข้อมูลครบครันทั้ง เข็มอนาล็อก 2 วงที่ใช้วัดรอบเครื่องยนต์กับความเร็ว และมีจอดิจิตอล ขนาดเล็กตรงกลาง สำหรับบอกรายละเอียดต่างๆ ได้แก่ระยะทางรวม, ปริมาณน้ำมันคงเหลือ, ระยะทางที่สามารถขับต่อได้ (เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันในถัง), เซ็ททริป, อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย, เวลา, ระดับความร้อนเครื่องยนต์, อุณหภูมิภายนอก, แรงดันไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และแจ้งเตือนการ Service โดยปรับได้จากปุ่ม Info A และ Info B ที่สวิตช์ไฟซ้าย

สวิตช์แฮนด์ด้านซ้าย มีปุ่มแตร, สวิตช์ไฟสูง/ต่ำ ซึ่งเราสามารถกดกระพริบไฟสูงเพื่อขอทางรถคันข้างหน้าได้ด้วยการกดปุ่มไฟต่ำย้ำลงไปเท่านั้น, นอกจากนี้จะเพิ่มปุ่ม Info A, Info B เข้ามาใช้ดูข้อมูลบนแดชบอร์ด, ปุ่ม T ที่ปลายนิ้วชี้ ใช้ปิด ระบบ TCS, ตามด้วยปุ่มลูกศรขึ้น-ลง คือ ปรับวินด์ชิลด์ไฟฟ้า

สวิตช์แฮนด์ด้านขวา ยกของเดิมมาใส่ มีสวิตช์สตาร์ท, สวิตช์ Off-Run, และสวิตช์ไฟฉุกเฉิน

มองข้ามแฮนด์บาร์ลงมาก็จะเห็นแผงตัวบิดสตาร์ทรถแบบ Keyless ซึ่งอยู่คู่กันกับปุ่มกดเปิดเบาะนั่ง และเปิดฝาถังน้ำมันที่วางตำแหน่งอยู่ตรงกลางลำตัวรถ

ตัวกุญแจ จะเป็นรูปทรงแบบพิมพ์นิยม ที่พบในรถ AT ของ Honda

ลิ้นชักด้านหน้าทางซ้าย เปลี่ยนจากช่องจ่ายไฟแบบ AC Socket มาเป็น ช่อง USB-C เพือให้รองรับกับ Smartphone รุ่นใหม่ๆ โดยจะต้องซื้อสายแบบ Type C ทั้ง 2 ฝั่ง นอกจากนี้ช่องเก็บของนี้ ลึกพอ สามารถวางขวดน้ำลงไปได้ รวมไปถึงวางของอย่างกระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์ได้อีกด้วย

ปลายท่อไอเสีย ก็ดีไซน์ใหม่ และยังแก้ปัญหาของเดิม เรื่องน็อตครอบท่อชอบหลุด โดยนำน็อตทางด้านหน้าออกไป

ตัวมือจับกันตกด้านหลัง ก็เปลี่ยนใหม่ นอกจากทำสีใหม่ จากเดิมสีดำ ปรับเป็นสีเทาแล้ว ที่สำคัญ คือ มันเบาลง จากเดิม 2.5 กก. เหลือเพียง 1.14 กก.

เบาะนั่งเหมือนเดิม แต่เพิ่มให้เป็นทูโทน ดำ-เทา ในทุกเฉดสี

เมื่อเปิด U-Box จะพบช่องเก็บของขนาดใหญ่ เพียงพอที่จะวางหมวกกันน็อคแบบเต็มใบเข้าไปได้ 2 ใบ ภายในยังมีช่องเว้าเข้าไปให้ใส่ของจุกจิกได้เพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังมีแผ่นกั้นแบ่งโซนวางของมาให้ด้วย ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการวางได้ถึง 4 แบบ แต่น่าเสียดายนิดตรงที่ไม่มีไฟส่องสว่างมาให้

ล้อเดิมไซส์ยางเดิมหน้า 120/70-15 และหลัง 140/70-14

มิติ Honda Forza 350
กว้าง x ยาว x สูง = 754 x 2,147 x 1,362 มม. (ยาวขึ้น 5 มม. และ เตี้ยลง 109 มม.)
เบาะสูง 780 มม. (เท่ากับ Forza 300)
นน. 185 กก. (หนักขึ้นจาก Forza 300 เพียง 2 กก.)
ระยะฐานล้อ 1,510 มม. (เท่าเดิม)
ระยะ Ground Clearane 147 มม. (Forza 300 144 มม.)
ถังน้ำมันจุ 11.7 ลิตร (Forza 300 11.5 ลิตร)

ท่านั่งขี่
โดยรวมแล้ว ก็ต้องบอกว่าใกล้เคียงกับ Forza 300 เดิมเลย แม้ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น 2 กก. และยาวขึ้น 5 มม. แต่ก็ไม่ถือว่าเห็นความแตกต่าง ในจุดนี้

เบาะสูง 780 มม. สำหรับผู้ทดสอบสูง 175 ซม. สวมรองเท้าผ้าใบ ก็พบว่า ถ้านั่งปลายเบาะ ก็เหยียบได้เกือบๆ เต็มเท้า แต่ถ้าผู้ขี่ที่สูงสัก 170 ซม. ลงมาก็น่าจะต้องเขย่งปลายกันหน่อย หรือ ใช้วิธีสไลด์ก้นเอา ก็ได้

ช่วงแฮนด์พบว่า ตำแหน่งค่อนข้างพอดี คือ มีมุมที่ศอกงอให้คอนโทรลได้อย่างพอเหมาะ และเมื่อ พับกระจกมองข้าง ลงก็สามารถรูดช่องรถติดได้อย่างคล่องตัวทีเดียว

มาที่ตำแหน่งผู้ซ้อน ตัวเบาะกว้าง และแบนนั่งสบาย ไม่ถึงกับนุ่ม แต่ถ้าเดินทางยาวๆ ก็ไม่เมื่อย

อย่างไรก็ดี ทาง Honda ได้ปรับเส้นสายแฟริ่งท้ายใหม่ คือ มีการพับมุม จากที่เป็นเส้นแหลมคมเข้าไป ซึ่งอาจจะช่วยให้ ผู้ซ้อนที่ตัวเล็ก นั่งแล้ว ขาไม่โดนมุมเหลียมคมตรงนี้

แต่จากตัวผู้ทดสอบเอง ที่ขาอาจจะยาวกว่า ผู้หญิงทั่วๆ ไป จะพบว่ายังติดมุมเหลี่ยมของแฟริ่งตรงนี้ ต้องนั่งแบะขาออกหน่อย (ทีมงาน MotoRival เรามองว่า ถ้าเส้นแฟริ่งตรงมุม สามารถพับเข้าไปให้เป็นเส้นโค้งเว้าหลบเข้าอีก ก็จะช่วยให้วางขาได้สบายขึ้น)

บล็อกเครื่องยนต์ใหม่ eSP+
ความจุ 329.6cc ยังคงเป็นแบบ SOHC 4 วาล์ว
มีการปรับระยะชักเพิ่ม 2.1 มม. เป็น 70.7 มม. และขยายขนาดลูกสูบ 5 มม. อยู่ที่ 77 มม.
ระบายความร้อนด้วยน้ำ เช่นเดียวกันกับ Forza 300 แต่ด้วยการปรับในเรื่องระยะชัก ให้มากขึ้นอีก 2.1 มม. เป็น 70.7 มม. และขยายขนาดลูกสูบอีก 5 มม. เป็น 77 มิลลิเมตร จึงทำให้ความจุเครื่องยนต์ของมันเพิ่มขึ้นอีกถึง 50cc

ทาง A.P.Honda ได้ให้ข้อมูลว่า แรงขึ้น 4 แรงม้า จาก Forza 300 ซึ่ง เมื่อนำมาบอกเพิ่มไปแล้ว Forza 350 จะมีกำลังอยู่ที่ราวๆ 28-29 แรงม้า ตัวเลขนี้อาจไม่ได้ใช่ตัวเลขมากที่สุดในคลาส Big Scooter ไม่เกิน 400cc ในบ้านเรา แต่หากเทียบอัตราส่วนกำลัง/นน. ตัว All New Forza 350 นี้ ถือเป็นรถที่มีอัตราส่วนกำลัง/ นน. ดีที่สุด
ทาง Honda เคลมว่ามันมีอัตราเร่ง จากระยะทาง 0-200 เมตร (1/8 ไมล์) ทำได้ในระยะเวลา 10.4 วินาที จาก Forza 300 เดิม 11.1 วินาที

ชุดหม้อน้ำจากเดิมอยู่ตรงกลางใต้ท้องรถ และหลายคนพบปัญหาว่ามัน ค่อนข้างอบอ้าว สเกลขีดความร้อนขึ้นสูง
คราวนี้ย้ายมาด้านหน้า ทำให้ Flow ลมโกรกระบายได้ดีขึ้น ซึ่งก็อาจต้องระวังในเรื่องของ สะเก็ดหินกระเด็นใส่ได้

กรองอากาศเปลี่ยนใหม่ ฝาครอบกรองดีไซน์ ให้มีช่องดักลม เพื่อให้ดูดอากาศเข้ากรองได้ดีขึ้น แต่ก็ต้องระวังเรื่องฝุ่น และน้ำเข้าง่ายเช่นเดียวกัน

ตัวชุดส่งกำลัง แน่นอน ก็ต้องใหญ่ขึ้นด้วย ทั้งตัวชาม และ นน. เม็ด ขึ้นมาเป็นเม็ดหนัก 20 กรัม อัตราทดเปลี่ยนใหม่ เป็น 2.35:1 – 0.8:1

รวมถึงมีการเพิ่มก้อนคลัทช์ มาเป็น 5 ก้อน นอกจากนี้ยังมีติดตั้ง Balancer ช่วยลดอาการสั่น

มาลองบิดจริงดู พบว่า ประทับใจมาก ทั้งเรื่องความสมูทที่แทบไม่พบอาการสั่นแบบใน Forza 300 เดิม

รวมไปถึงเปิดคันเร่งแล้วรถพุ่ง บิดติดมือดีมาก ในช่วงรอบต้น เดินคันเร่งในเมืองรถติดๆ คนที่ไม่คุ้นชินอาจจะต้องระมัดระวัง

ขณะที่ช่วงรอบกลางไปยันปลาย ต้องบอกว่า รอบไหลมาให้ใช้เรื่อยๆ อาจจะไม่ได้หวือหวาเหมือนจังหวะบิดเปิดคันเร่งในรอบต้น แต่ความเร็วปลายขึ้นไปได้ จนเรียกว่าจมไมล์ จนบางจังหวะลมส่ง อาจจะเรียกได้ว่าทะลุไมล์

เพื่อนๆ สามารถดูคลิปทดสอบอัตราเร่ง & Top Speed ได้ตามลิงค์นี้เลย

ซึ่งต้องบอกว่านี่เดิมๆ ถ้ามีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสังเคราะห์เกรดดีๆ รวมถึงมีการทำระบบไอเสีย ให้ไม่อั้น และอมความร้อนเหมือนท่อเดิม (ตอนเราทดสอบสมรรถนะ พบว่าท่อค่อนข้างอมร้อน และมีกลิ่นไหม้ของ Cat)
ส่วนใครที่ชอบทำชุดไล่ข้าง แนะนำว่า อาจจะทำเพียงแค่ขูดชามปลดร่องเม็ด ก็น่าจะช่วยให้วิ่งดีขึ้นได้อีก อาจจะไม่จำเป็นต้องปรับองศาชาม ให้บีบกินสายพาน
หรือ ใครอยากได้ช่วง ต้น หรือ กลาง ปลาย ก็อาจจะลองมาไล่ น้ำหนักเม็ดตุ้มแรงเหวี่ยงเพิ่มก็อาจจะตอบโจทย์ต่อสไตล์การขี่ขึ้นไปอีก

ขณะที่ระบบระบายความร้อนจากหม้อน้ำ นั้นก็ลดลงไปมาก อาการ U-Box อุ่นแกง ไม่มีแล้ว ไม่อมความร้อนช่วงกลางลำตัวรถ

ส่วนอัตราสิ้นเปลือง Eco Sticker เคลมที่ 31.3 กม./ลิตร จากการวิ่งจริงแบบทัวริ่งทั่วไป ก็อยู่ช่วง 20 กลางๆ
ถ้าบิดเน้นสมรรถนะ อย่างทีมทดสอบของเรา ก็จะมีให้เห็นช่วง 20 กม./ลิตร ยิ่งถ้าช่วงกด TopSpeed ก็จะเห็น 10 ปลายๆ เลยทีเดียว

ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นโช้กหัวตั้ง เช่นเดิม แต่กระบอกโช้กมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ

ด้านหลังเป็น Twin Shock ซึ่งปรับ Preload ได้ 5 ระดับ แต่มีการปรับตำแหน่งหูยึดโช้กใหม่ จึงทำให้องศามันดูเอียงกว่า Forza 300 เล็กน้อย

การทำงานก็ถือว่า ทางด้านหน้า ดูค่อนข้าง ok ขี่พลิกได้คล่องแคล่ว ตัวรถไม่ถึงกับหวิว ส่วนด้านหลัง ก็ไม่ถึงกับแข็งมาก ซับแรงได้พอประมาณ แต่ก็ยังพบว่ามีอาการดีด สะเทือนขึ้นมาบ้าง ถ้าต้องขี่ผ่านทางขระขรุ หรือ ลูกระนาด

ระบบเบรก ABS 2 Channel
จานดิสกฺ์ หน้า ขนาด 256 มม. ทำงานร่วมกับปั๊ม Nissin 2 ลูกสูบ เข่นเดิม

จานดิสก์หลังขนาด 240 มม. ทำงานร่วมกับปั๊ม 1 ลูกสูบ

การทำงานของระบบเบรกโดยรวมยังทำหน้าที่ได้ดี สามารถชะลอความเร็วลงได้อย่างเพียงพอกับพละกำลัง ขณะที่ระบบ ABS ทำงานตอบสนองทันท่วงที ไม่ไว และไม่ช้าไป นอกจากนี้มันไม่มีอาการดิ้นสู้มือมากนัก ช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจดี โดยไม่สูญเสียการควบคุม เรียกได้ว่าประสิทธิภาพเบรกไม่แพ้คู่แข่งที่ใช้ขนาดจานเบรกใหญ่กว่า หรือ ที่ใช้จานดิสก์คู่มากนัก

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มระบบ ESS (Emergency Stop Signal)
ในแบบเดียวกับรถยนต์ และ Superbike ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ขี่มาด้วยความเร็ว (80 กม./ชม.) และ เบรกหนักๆ ไฟฉุกเฉินจะติดขึ้น

สรุป รีวิว Honda Forza 350 ใหม่ ถึงแม้ หน้าตาจะดูคล้ายเดิม แต่ถ้าได้มองแบบใกล้ชิด จะพบว่ามันเปลี่ยนรายละเอียดไปพอสมควร จนเรียกว่า All New ถูกต้องแล้ว
ที่สำคัญ คือ การลบจุดบอดจากตัว Forza 300 ลงไป เกือบหมด โดยเฉพาะขุมพลัง ที่มีความจุมากขึ้น ส่งผลให้แรงขึ้น ซึ่งจากราคาที่แพงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ประมาณ 4,500 บาท ถ้านำไปโมดิฟายให้แรงขึ้น อาจจะพอทำ ชาม, เม็ด, ลิ้น, กรอง ได้ แต่ถ้าขยายความจุ ก็ไม่น่าจะเพียงพอ

ดังนั้น ถ้าเพื่อนๆ ที่กำลังมองหา Big Scooter ในพิกัดช่วง 300-400cc เจ้า ฟอร์ซ่า 350 ใหม่นี้ เป็นรถที่มีฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นที่ครบถ้วน บิดแรงๆ ได้ตั้งแต่เดิมๆ แทบไม่จำเป็นต้องไปโมดิฟายต่อเลย

All New Honda Forza 350 ราคา อยู่ที่ 173,500 บาท (แพงกว่า Forza 300 4,500 บาท)
มีสีให้เลือก 4 สี คือ ดำด้าน, น้ำเงินด้าน, แดง-ดำ, ขาว-น้ำเงิน