ถ้าเราตั้งตำถามว่ารถจักรยานยนต์ประเภทไหนที่มียอดขายสูงที่สุดในตลาด คำตอบของคนส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นรถสปอร์ตเปลือยหรือไม่ก็รถท่องเที่ยวแนวลุย แต่ถ้าถามว่ารถประเภทไหนที่มียอดขายน้อยที่สุด เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ก็อาจจะเห็นตรงกันว่าเป็นรถทัวริ่งสายทางเรียบเลือดบริสุทธิ์ เพราะมันทั้งใหญ่ น้ำหนักมาก ราคาแพง และยากที่จะนำมาใช้งานในชีวิตประจำวัน จนเราก็เริ่มสังเกตุได้ว่ารถประเภทนี้เริ่มหายไปจากตลาดแล้ว แล้วถ้าเป็นแบบนี้รถ Touring พันธุ์แท้ จะอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน?
โดยนิยามของรถ “ทั่วริ่งเลือดบริสุทธิ์” หรือ “Thoroughbred Touring” ที่เรากำลังพูดถึงนั้นคือ รถสไตล์ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ขับขี่เดินทางไกลได้ โดยจะเน้นไปที่ถนนทางเรียบเท่านั้น ไม่ใช่รถแนวแอดเวนเจอร์ที่สามารถลุยทางฝุ่นได้ ตัวรถจะมาพร้อมแฟริ่งขนาดใหญ่ ระบบหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่มองเห็นง่าย เครื่องยนต์ความจุสูงสำหรับเดินทางไกล มีตัวช่วยความสะดวกสบายครบครันแบบเกินความจำเป็น ไล่ตั้งแต่เบาะอุ่นยันวิทยุและเครื่องเสียง
โดยเราก็จะของรวมรถที่มีซับเฟรมยกสูงไม่ว่าจะเป็น BMW K1600GT, BMW R1250RT, Triumph Trophy, Honda ST1300, Kawasaki 1400GTR, Yamaha FJR1300 และแบบที่มีซับเฟรมกดต่ำไม่ว่าจะเป็น BMW K1600B, Honda GL1800 Goldwing, Honda CTX1300 รวมถึงรถรุ่นอื่นที่มีสไตล์ใกล้เคียงกับเข้าไปในกลุ่มนี้
ถึงจุดนี้คนที่เป็นสายมอเตอร์ไซค์ที่มีอายุนิดนึง ก็คงจะเริ่มสังเกตุเห็นอะไรบ้างแล้ว เพราะเกินครึ่งของรถมอเตอร์ไซค์ที่เราว่ามานั้นไม่ถูกผลิตอีกแล้ว สะท้อนถึงความนิยมของรถแนวนี้ที่หดหายเมื่อเทียบกับยุคทองของมันที่จะอยู่ในช่วงปี 1990-2010 ที่รถท่องเที่ยวทางเรียบคันใหญ่คือเครื่องบ่งบอกถึงความเป็น “ฺBigbike” ตัวจริง เพราะในยุคนั้นยังไม่ค่อยมีรถคลาสกลางราคาเป็นมิตรที่คนทั่วไปจะสามารถซื้อหาได้ ถ้าไม่ใช้รถบ้านขนาดเล็กไปเลย ก็ต้องเป็นสายเที่ยวข้ามประเทศตัวจริง ตัวเลือกของรถคลาสกลางที่เน้นขี่กินลม หรือขี่เอาสนุกยังไม่เยอะจนตอนสนองได้ทุกความต้องการเท่ายุคนี้
สิ่งที่เป็นศัตรูกับ “ทั่วริ่งเลือดบริสุทธิ์” หรือ “Thoroughbred Touring” นั้นก็คงหนีไม่พ้นตัวมันเอง ที่ไม่สามารถตอบสนองการใช้งานของลูกค้าส่วนใหญ่ได้ เพราะไม่มีใครที่คิดจะขับรถเที่ยวทางไกลทุกวัน การจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ราคาหลักล้านคันนึง แต่ไม่สามารถใช้งานตลอดนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ชั่งใจไม่น้อย รถประเภทนี้จึงอยู่ในสถานะของเล่นคนมีเงิน หรือรถคันที่ 2 หรืออาจจะคันที่ 3 ของบ้านไปโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่มีเงินพอที่จะซื้อรถคันแรกอยู่แล้ว การซื้อรถที่มีโอกาสใช้ได้น้อย ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นมิตรกับเงินในบัญชีเท่าไรนัก
ตะปูตอกฝาโลกรถรุ่นนี้ก็ทะยอยโผล่ออกมาหลังปี 2010 เมื่อค่ายรถหลายเจ้าเริ่มให้ความสนใจกับรถกลุ่ม “ผจญภัย” หรือ “Adventure” ที่สามารถสร้างยอดขายถล่มทลายให้กับค่าย ไม่ว่าจะเป็น Ducati Multistrada, Triumph Tiger, Kawasaki Versys, Honda Africa Twin รวมถึง BMW GS series ที่ขายอยู่ก่อนนานแล้ว ก็มียอดขายที่พุ่งขึ้นไปอีก ชนิดที่ว่าทุกค่ายต้องมีรถแอดเวนเจอร์อย่างน้อย 1 รุ่นในแต่ละคลาส และถ้าค่ายไหนทำได้ ก็จะซอยรุ่นย่อยสำหรับทางดำหรือไม่ก็ทางฝุ่นโดยเฉพาะออกมาให้ได้เลือกอีกต่างหาก
และด้วยความที่รถแอดเวนเจอร์สามารถทำในสิ่งที่รถทัวริ่งทำอยู่ ได้ในระดับ 80% แต่กลับสามารถทำหลายสิ่งที่รถทั่วริ่งทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางบนถนนลูกรังแบบไม่ห่วงล้ม น้ำหนักที่เบากว่าเพราะตัดอุปกรณ์ความสะดวกสบายหลายอย่างทิ่งไป ซึ่งก็ช่วยให้ขับง่ายขึ้น ราคารถก็ถูกลง นำมาใช้งานได้ในหลายสถานการณ์มากขึ้น เรียกได้ว่าถึงแม้มันจะไม่ได้เก่งที่สุดในสายงานใดเป็นพิเศษ แต่มันก็ทำได้งานแทบทุกอย่างได้ดีพอ จนเหมาะกับการเป็นรถแรง หรือรถคันเดียว หรือรถตัวจบของใครหลายคนเป็นอย่างมาก และนั่นทำให้ “ทั่วริ่งเลือดบริสุทธิ์” หรือ “Thoroughbred Touring” หลายรุ่นในตลาดต้องทยอยหายไป จนเหลือแค่ไม่กี่เจ้าที่ยังคงทำอยู่
อ่านข่าวสารมอเตอร์ไซค์ใหม่ล่าสุดได้ที่นี่
