Tips Trick : ชุดแข่ง + ระบบ Airbag System ใน MotoGP ทำงานอย่างไร ? พองง่ายจริงหรือ ?

0

แม้ ระบบถุงลมนิรภัย หรือ Air-Bag จะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรนักสำหรับเทคโนโลยียานยนต์ แต่นั่นหมายความแค่เฉพาะในฝั่งรถยนต์เท่านั้น เพราะถึงในฝั่งรถมอเตอร์ไซค์ จะมีผู้ผลิตคอยพัฒนาระบบนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี แต่มันก็พึ่งถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายได้เพียงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เท่านั้น ดังนั้นในวันนี้เราจึงขอพาเพื่อนๆมาดุกันสักหน่อยดีกว่าครับว่า มันมีรูปแบบการทำงานอย่างไร ? และพองง่ายอย่างที่ใครหลายคนกังวลไว้หรือไม่ ?


โดยสำหรับหลักการทำงานในเบื้องต้นของระบบ Air-Bag สำหรับผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์หรือรถจักรยานยนต์ที่ว่านี้ อันที่จริงมันก็ไม่ได้มีหลักการที่แตกต่างไปจากระบบ Airbag ของรถยนต์เท่าไหร่นัก นั่นก็คือ มันเป็นระบบที่จะปล่อยก๊าซ Helium ไม่ก็ Argon ที่เก็บไว้ในถังออกมาเพื่อให้ถุงลมพองตัวออกมาช่วยป้องกันผู้สวมใส่ภายในเสี้ยววินาทีที่เซนเซอร์พบว่าเกิดการปะทะหรือการกระแทกกับตัวผู้ใช้ (เพียงเท่านั้นเลยหลักการทำงาน และจุดประสงค์ของระบบถุงลมนิรภัย)


แต่ด้วยความที่การใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ ไม่เหมือนกับรถยนต์ บวกกับด้วยความจริงที่ว่า เมื่อถุงลมถูกปล่อยออกมาแล้ว สักพักมันก็จะยุบกลับไป แล้วไม่สามารถพองออกมาใช้การได้อีก ครั้ง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ ถุงลมถูกปล่อยออกมาง่ายเกินไป (เช่น แค่อกกระแทกถังน้ำมัน หรือตกหลุม ไม่ก็กระแทกฝาท่อ) จนไม่สามารถช่วยชีวิตผู้สวมใส่ในเวลาที่ควรจริงๆได้ สำหรับชุดที่มีถุงลมนิรภัยสมัยใหม่ จึงต้องมีระบบสมองกลที่ซับซ้อนเพื่อคอยประมวลผลว่าสถานการณ์ไหน ถุงลมนิรภัยถึงควรจะถูกปล่อยออกมาช่วยเหลือผู้ขี่จริงๆด้วย


กล่าวคือในชุดแข่ง หรือเสื้อการ์ดที่มีระบบถุงลมนิรภัยในตัว (ในปัจจุบันมีเพียง 2 เจ้าที่ทำนั่นคือ Alpinestars กับ Dianese) จะไม่ได้มีแค่เพียงเซนเซอร์ตรวจจับแรงกระแทก หรือแรง G ที่เกิดขึ้นกับผู้สวมใส่เท่านั้น แต่ยังมีทั้งเซนเซอร์วัดความเร็วการเคลื่อนที่ (กำหนดความเร็วขั้นต่ำที่ระบบจะเริ่มทำงาน), แรงเฉื่อย, องศาการเอียง, ความเร็วในการหมุนหรือควง, แม้แต่เซนเซอร์ตำแหน่ง GPS ก็ยังจำเป็นต้องมีมาให้ด้วย เพื่อใช้ข้อมูลดังกล่าวในการเปรียบเทียบแรงต่างๆที่เกิดขึ้นกับระยะทางหรือการเคลื่อนที่ ที่ควรจะเป็นว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ?

อย่างไรก็ดี ด้วยความที่เทคโนโลยีระบบถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ยังไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่นัก จึงทำให้ราคาของมันค่อนข้างสูงอยู่ (เฉพาะชุดระบบ Airbag ไม่รวมค่าซ่อมบำรุงระบบก็ไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท) แต่ถ้าหากเพื่อนๆคนไหนทุนหนาพอก็ซื้อไว้เถอะครับ รับรองว่ามันคุ้มกว่าการที่ต้องมานั่งรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บในตอนที่ไม่มีเทคโนโลยีนี้มาช่วยเลยแน่นอน

อ่าน Tips Trick เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!