หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเราได้อธิบายไปแล้ว ว่าทำไมคนไทยจะไม่ได้ใช้ Harley-Davidson แบบสะบายกระเป๋า ต่อให้ประเทศไทยประกาศละเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาหลายรายการ วันนี้เราเลยจะพามาดูด้านตรงข้ามกันบ้าง ว่าผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อหลังจากภาษี 19% ที่ว่านี้

ก่อนอื่นเราก็ต้องขออธิบายภาพรวมอุตสาหกรรมการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยกันก่อน ประเทศไทยมียอดผลิตรถมอเตอร์ไซค์ปีละประมาณ 1.7 ล้านคัน นับเป็นอันดับที่ 5 ของโลก รองมาจาก อินเดีย, จีน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม ซึ่งนี่ถือเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าช่วงก่อนการระบาดของ Covid-19 ที่ทำให้ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยซบเซาลงไป
โดยรถมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่กว่า 80% ที่ผลิตจะเป็นกลุ่มของรถสกู๊ตเตอร์ หรือรถที่เน้นใช้งานในชีวิตประจำวัน และรถเกือบทั้งหมดจะมีความจุเครื่องยนตต่ำกว่า 400 ซีซี ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร

รถมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตในไทยกว่า 80% นั้นจะถูกจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก รถที่เหลือนอกจากนั้นอีกไม่ถึง 20% จะเป็นรถที่ส่งออกไปต่างประเทศ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ารถส่งออกพวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เครื่องใหญ่ ที่มีค่าตัวต่อคันค่อนข้างสูง
และถ้าเราเจาะไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ส่งออกไปนอกประเทศ ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ซึ่งกินส่วนแบ่งรถส่งออกจากไทยไปเกือบ 20% ตามมาด้วย ญี่ปุ่น และ เบลเยี่ยม(ซึ่งน่าตกใจมากกว่าทำไมมีอันดับสูงขนาดนี้)

แปลว่ากำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา 19% ที่ไทยต้องเจอตอนนี้ จะส่งผลกระทบกับรถส่งออกประมาณ 4-5% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ผู้ซื้อจากฝั่งอเมริกาตัดสินใจซื้อรถได้ยากขึ้น แล้วยิ่งมุมมองของชาวอเมริกันที่มีต่อรถมอเตอร์ไซค์ว่าเป็นของเล่น มากกว่าของใช้จำเป็น อาจจะทำให้หลายคนตัดสินใจไม่ซื้อรถ หรือซื้อคันที่มีค่าตัวต่ำลงมา
คำถามต่อมาคือ ไทยจะเสียเปรียบคู่แข่งจากชาติอื่นไหม หลังจากที่รถของไทยต้องเจอภาษีมากถึง 19% รถจากที่อื่นจะมีความได้เปรียบเรื่องค่าตัวหรือเปล่า? ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ทางเรามองว่าไม่น่าห่วงเท่าไร

เพราะชาติอื่นที่เป็นผู้นำเรื่องการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ของโลก ก็โดนกำแพงภาษีเหมือนกับไทย อันที่จริงแล้วต้องบอกว่าบางประเทศโดนเยอะกว่าไทยด้วยซ้ำ อินเดีย 50%, จีน 30%, อินโดนีเซีย 19%, เวียดนาม 20%
และถ้าเราไม่นับ อินเดีย กับ จีน ซึ่งผลิตตั้งแต่รถเล็กยันรถใหญ่ แต่กลับเจอภาษีที่สูงมากจนขาดความได้เปรียบ ประเทศเพื่อนบ้านเราอย่าง อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ที่เจอภาษีใกล้เคียงกับไทย ก็ไม่ได้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์คลาสใหญ่ที่เป็นรถส่งออกหลักของไทย

ประเทศที่ไทยเสียเปรียบด้านกำแพงภาษีก็คงจะเป็น เยอรมนี, ญี่ปุ่น, อิตาลี, ออสเตรีย ที่เจอภาษีแค่ 15% แต่ประเทศเหล่านี้ก็มีต้นทุนด้านแรงงานที่สูงกว่าไทยมาก และผลิตรถน้อยกว่าไทยด้วยเช่นกัน
โดยสรุปคือ ทางเราไม่ได้ห่วงว่าไทยจะเสียตำแหน่งผู้ผลิตอันดับต้นของโลก เนื่องจากคู่แข่งก็เจอปัญหาเดียวกับไทย แต่เราห่วงว่าผู้ใช้ในอเมริกาจะสู้ค่าตัวใหม่ไม่ไหว จนตัดสินใจไม่ซื้อมากกว่า
ที่มา krungsri
อ่านข่าวสารมอเตอร์ไซค์ล่าสุดที่นี่