Yamaha Serow 250 รถมอเตอร์ไซค์สายลุยคลาสเริ่มต้นจากค่ายส้อมเสียง Yamaha ที่ถือเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ถูกวางจำหน่ายมาอย่างยาวนาน มีจุดเด่นคือหน้าตาแบบย้อนยุค และเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศที่เรียบง่ายและทนทาน เหมาะกับสายลุยงบน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปรถรุ่นนี้ก็ถูกถอดออกจากสายการผลิต จนล่าสุดก็มีข้อมูลที่สื่อถึงความเป็นไปได้ที่รถรุ่นนี้จะกลับมาอีกครั้ง Yamaha Serow นั้นเป็นรถที่ถูกเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1985 กับเครื่องยนต์สูบเดียวแบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่มีปริมาตรกระบอกสูบ 225 ซีซี แต่ก็ค่อยวิวัฒนาการจนขยายเป็น 250 ซีซี ก่อนที่จะออกรุ่นส่งท้าย Final Edition และหยุดการผลิตไปในปี 2020 แต่ล่าสุดทางผู้บริหารของ Yamaha ก็ได้ออกมาพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะเอารถโมเดลสำคัญในอดีตของค่ายกลับมาอีกครั้ง โดยใช้พื้นฐานของรถที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการตลาดที่กำลังเป็นที่นิยมในรถค่ายอื่น ความเป้นไปได้แรกก็ไม่ต้องมองไปไหนไกล เพราะรถรุ่นที่ว่าก็คือ FZS25 รถสปอร์ตเปลือยที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศอินเดีย โดยมันยังคงใช้เครื่องยนต์ลูกเดียวกับของ Serow 250 แต่นำมาเพิ่มระบบระบายความร้อนด้วยน้ำมัน เพื่อให้สามารถทำให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย BS6 ของประเทศอินเดีย(เทียบเท่า Euro5) ให้พละกำลังสูงสุด 20.8 PS ซึ่งก็ถือว่ามากกว่าเครื่องยนต์รุ่นเดิมที่ทำได้ 20 PS…
Author: Kristha
2024 Yamaha FZ-X รถมอเตอร์ไซค์แนว Neo Retro จากค่ายส้อมเสียง Yamaha ที่มีขายแค่ในตลาดประเทศอินเดีย ได้ทำการอัพเดตความทันสมัย และปรับปรุงเทคโนโลยีเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสดใหม่ และที่สำคัญคือมันมาพร้อมกับชุดสีโครเมี่ยม ซึ่งเป็นชุดสีที่ได้รับความนิยมในตลาดรถย้อนยุคของชมพูทวีป 2024 Yamaha FZ-X นั้นเป็นรถแนว Roadster ที่เน้นการใช้งานขับขี่ทั่วไปบนท้องถนน มาพร้อมกับงานออกแบบที่ผสมความย้อนยุค และลูกเล่นความทันสมัยเข้าไปในตัวรถ ดูแล้วก็คล้ายรถตรักูล XSR เจนใหม่ล่าสุด แต่มีความทันสมัยและเรียบง่ายที่มากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งแนวทางโดยรวมของตัวรถก็ยังคงเป็นรถที่สร้างมาเพื่อเน้นจำหน่ายในประเทศอินเดีย เนื่องจากมันมาพร้อมสเปคที่ติดดิน เพื่อที่จะสามารถทำราคาขายได้ถูก และซ่อมง่าย เครื่องยนต์นั้นก็ตามสูตรของรถในเอเชียใต้ นั่นก็คือเป็นเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ 1 สูบ 2 วาล์ว SOHC ที่มีปริมาตรกระบอกสูบ 149 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุดที่ 12.4 PS ที่ 7,250 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 13.3 Nm ที่ 5,500…
VR46 ทีมแข่งของอดีตแชมป์โลกในตำนาน Valentino Rossi ซึ่งถือเป็นทีมใหม่อีกทีมที่ทำผลงานได้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง สามารถคว้าแชมป์ครั้งแรกของตัวเองได้อย่างรวมเร็ว แต่ตอนนี้ทีมดังกล่าวถือว่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เนื่องจากสัญญาที่มีกับค่ายปัจจุบันอย่าง Ducati กำลังจะจบลงในช่วงสิ้นปีนี้ คำถามที่ผู้จัดการทีมอย่าง Pablo Nieto ต้องตัดสินใจคือ “จะใช้รถของใครต่อดี?” เพราะด้วยผลงานที่โดดเด่นของทีม VR46 จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่จะดึงดูดค่ายรถรายอื่นให้มาสนใจ โดยเฉพาะ Yamaha ที่กำลังขาดทีมรองของตัวเอง และแน่นอนว่าการร่วมงานกับทีมแข่งของ Valentino Rossi ที่คว้าแชมป์โลกด้วยกันมาหลายครั้ง จะต้องส่งผลดีในด้านการตลาดอย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้เองที่ Pablo Nieto ได้ให้ความเห็นว่า “มันก็จริงอยู่ที่สัญญาของเราจะจบลงในปีนี้ แต่เราก็มีทางเลือกที่จะต่อสัญญากับ Ducati” “มันชัดเจนว่าเรามีความสุขดีกับ Ducati แต่มันก็เป็นความจริงอีกที่ว่าค่ายรถรายอื่นสนใจเรา เรื่องนี้มันดีกับเรา เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเรากำลังทำทุกอย่างได้ดี” เขากล่าว “ตอนที่มีค่ายรถรายอื่นเข้ามาถามเราว่า ‘เราอยากเปลี่ยนรถแข่งไปใช้ของพวกเขาไหม?’ นั่นแปลว่าผลงานของเรานั้นยอดเยี่ยม แต่สำหรับตอนนี้ผมยังอยากอยู่ต่อกับ Ducati” “ฤดูกาลที่แล้วนั้นแทบจะสมบูรณ์แบบสำหรับเรา เพราะเรามีลุ้นเป็นแชปม์โลกอยู่ช่วงนึง แต่ตอนนี้เราต้องมองเรื่องฤดูกาลที่จะมาถึง มันสำคัญที่จะได้เห็นความแตกต่างของรถปี 2022 และ…
ในการแข่งขัน MotoGP ในยุคหลัง หลายคนคงเริ่มเห็นการนำชุดอุปกรณ์แอโร่ไดนามิค หลากรูปแบบมาติดตั้งไว้บนตัวรถในหลายตำแหน่ง บ้างก็ใหญ่ บ้างก็เล็ก บ้างก็ทำหน้าที่นี่ชัดเจนเดาได้ไม่ยาก แต่บ้างก็มีไว้ทำอะไรไม่รู้ วันนี้เราเลยจะพามาดูหน้าที่การทำงานของปีกและชิ้นส่วนแอโร่ไดนามิครอบคันกัน ว่าแต่ละชิ้นมีไว้ทำอะไร ปีกด้านหน้า ชุดปีกแอโร่ไดนามิคพวกแรกที่ไม่ใช่อุปกรณ์แฟริงแบบเดิมที่เราคุ้นเคย น่าจะเป็นสิ่งที่เรานึกถึงมากที่สุดหากพูดถึงยุคสมัยของปีกบนรถแข่ง MotoGP โดยปีกด้านหน้าที่ว่านี้จะรวมถึงชุดปีกขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ด้านข้างรวมไปด้วย(เพราะทำหน้าที่เดียวกัน) หน้าที่ของมันคือการเปลี่ยนแรงต้านอากาศด้านหน้ารถให้กลายเป็นแรงกด ช่วยป้องกันอาการหน้ายกตอนที่เร่งด้วยความเร็วสูง และช่วยสร้างแรงกดที่ล้อหน้าเพื่อเพิ่มการยึดเกาะของยางหน้า ในตอนที่มีการเบรก ต่างกับรถยนต์ที่สร้างแรงยึดเกาะในโค้ง สปอยเลอร์ท้าย ทำหน้าที่เปลี่ยนแรงต้านอากาศให้เป็นแรงกดแบบเดียวกับชุดปีกหลักด้านหน้า แต่มันจะทำหน้าที่กดท้ายรถไม่ให้ลอย เมื่อต้องเบรกอย่างหนัก เพิ่มการยึดเกาะที่ล้อหลัง ทำให้สามารถใช้เบรกหลังช่วยได้มากขึ้น ครีบหลังก็อดซิลล่า ทำหน้าที่ลำเรียงอากาศด้านท้ายรถให้เป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้ลดกระอากาศปั่นป่วนที่ด้านหลัง ส่งผลให้ตัวรถสามารถทำความเร็วได้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังสร้างแรงกดที่ด้านหลังของตัวรถเมื่อทำการเข้าโค้ง เพราะครีปหลังดังกล่าวจะทำมุมขนานกับพื้นพอดีตอนเข้าโค้ง และจะช่วยกดตัวรถตอนอยู่ในโค้ง สปอยเลอร์ใต้สวิงอาร์ม ทำหน้าที่หลักตามกติกานั้นคือการเป็นตัวช่วยบังคับทิศทางลมให้เป่าไปที่ยางหลัง เพื่อลดความร้อนของยาง และเพิ่มอายุการใช้งาน แต่ขณะเดียวกันมันก็มีผลพลอยได้เป็นการสร้างแรงกดเล็กน้อยให้กับสวิงอาร์ม ซึ่งที่จริงแล้วถือว่าผิดกติกา แต่ว่าแต่ละทีมก็พยายามเลี่ยงบาลีโดยการระบุว่าเป็นอุปกรณ์ลดความร้อนของยางแทน ช่องลมแฟริ่งด้านล่าง หรือช่องอากาศ Downwash ในเวลาที่รถวิ่งทางตรงแบบตั้งตรง ช่องลมนี้จะดึงอากาศจากด้านบนมาเป่าที่ด้านล่างของตัวรถ ช่วยลำเลียงอากาศใต้ท้องรถที่ผ่านมาจากล้อหน้าให้เป็นระเบียบ เพื่อเพิ่มความเร็วของรถได้ นอกจากนี้ในตอนที่รถเข้าโค้ง ช่องอากาศนี้จะอยู่ใกล้กับพื้นสนามและทำองศาขนาดไปกับพื้น…
Massimo Rivola ผู้จัดการทีมของ Aprilia ในรุ่น MotoGP ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับอนาคตที่รายการดังกล่าวควรจะเป็น ซึ่งต้นแบบที่เขาใช้เป็นเป้าหมายก็ไม่ใช่รายการไหน หากแต่เป็น Formula 1 รายการมอเตอร์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากรถยนต์สูตรหนึ่งนั้นไม่ได้มีแค่ความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยี แต่เป็นความยิ่งใหญ่ของการแข่งขัน และกิจกรรมที่มีรอบสนามที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ารายการนี้มีความพิเศษ “เราต้องเปลี่ยนการแข่งขันให้กลายเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งตรงนั้นเป็นสิ่งที่ F1 สอนเราได้” Massimo Rivola กล่าว “พวกเราในฐานะค่ายผู้ผลิตก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจนี้ด้วย เราต้องคุยกับผู้จัดให้เลิกคิดแบบระยะใกล้ การเพิ่มตารางการแข่งขัน Sprint Race ก็ถือเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของเรื่องนี้” “F1 สร้างมหกรรมที่ยิ่งใหญ่โดยการลงทุนมหาศาล แม้แต่การชวนดารานักแสดงมาร่วมงาน มันจะเป็นเหมือนการยกระดับของตัวงาน และเป็นการดึงลูกค้าหน้าใหม่ให้มาร่วมสนใจ เราต้องไม่หยุดมองแค่คนที่สนใจรถมอเตอร์ไซค์ แต่ต้องดึงคนจากวงการอื่นมาร่วมด้วย เพราะการทำตัวเป็นช่างยนต์อย่างเดียวมันไม่ได้ผล” นอกจากนี้ Massimo Rivola ยังมีการเล่นมุขแกมบ่นเกี่ยวกับตารางการแข่งขันที่แน่นจาก Sprint Race ว่าเมื่อมีการเพิ่มส่วนนี้เข้ามาในตารางแล้ว ก็ควรลดจำนวนสนามในแต่ละฤดูกาลลงด้วย “ถ้าคุณถามครอบครัวของพวกเรา พวกเขาจะบอกให้ลดจำนวนสนามลง เพราะการเพิ่มการแข่งในวันอาทิตย์เข้ามามันทำให้ตารางในวันศุกร์ของเราแน่นมากจนเหมือนว่ามี Qualify” “การแข่งฤดูกาลละ 21…
Winglet หรือชุดปีกแอโร่ไดนามิกที่ติดตั้งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งทำหน้าที่สร้างแรงกดให้ตัวรถนิ่งมากขึ้น เมื่อกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง ถือเป็นของเล่นใหม่ที่โผล่มาให้เราเห็นครั้งแรกในการแข่งขัน MotoGP ซึ่งต่อมาก็ถูกนำมาใช้เป็นต้นแบบให้กับปีกบนรถรุ่นผลิตจำนวนมาก แต่ปัญหาของปีกเหล่านั้นคือมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงองศาของแรงกด ตามตัวรถทำการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง BMW จึงคิดค้นสิทธิบัตรใหม่เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ปกติแล้วชุดปีก Winglet มักจะเป็นแบบที่ติดตายอยู่กับตัวรถ ไม่สามารถขยับหรือเปลี่ยนแปลงองศาได้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพื่อความเรียบง่ายในการผลิตและดูแลรักษา นอกจากนี้ในกติกาของ MotoGP ที่เป็นต้นแบบของปีกในรถถนน ก็มีการห้ามอุปกรณ์แอโร่ไดนามิคที่ขยับได้อยู่แล้ว และนั่นก็นำมาสู่ปัญหาตอนที่รถมอเตอร์ไซค์เอียงตัวเพื่อเข้าโค้ง ทำให้แรงกดที่ปีกสามารถสร้างได้ไม่ได้หันเข้าสู่พื้นโลก แต่ดันสร้างแรงดันรถออกจากโค้ง BMW จึงได้จดสิทธิบัตรชุดปีกแอโร่ไดนามิคแบบขยับได้ หรือที่เรียกว่า Active Aero ที่สามารถเปลี่ยนองศาไปมาให้สามารถสร้างแรงกดไปในทิศทางที่ต้องการได้เสมอ แน่นอนว่าทิศทางนั้นคือการกดลงให้ตั้งฉากกับพื้นโลก ไม่ว่าในเวลานั้นตัวรถจะเอียงเพื่อเข้าโค้งมากขนาดไหน ซึ่งตัวสิทธิบัตรที่เราเอามาให้ชมกันก็ไม่ได้มีการระบุรายละเอียดไว้มากนัก แต่ก็มากพอให้เราจินตนาการการทำงานของมันได้ไม่ยาก ความน่าสนใจอีกอย่างคือถึงแม้ว่า MotoGP จะห้ามการใช้ Active Aero แต่ในฝั่งเวทีรถถนนกลับเปิดช่องให้ทำได้อย่างชัดเจน ตรงที่รถถนนที่ใช้เป็นต้นแบบของรถแข่ง มีอุปกรณ์ที่ว่านั้นติดตั้งมาด้วยแต่แรก ซึ่งก็คงเดาได้ไม่ยากว่า BMW ที่ไม่มีทีมแข่งรถสูตร ไม่ได้คิดเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาเพื่อเวทีดังกล่าว แต่เป็นการคิดเพื่อเอามาใช้ในรถถนนโดยตรงเลยต่างหาก (แถมเอาไปใช้ในสนามของรายการอื่นได้ด้วย) ที่มา cycleworld อ่านข่าวสาร…
หลายคนคงทราบกันมาบ้างว่าตัวแข่ง MotoGP ของแต่ละค่ายนั้นมีเอกลักษณ์ และความยากในการขับขี่ที่ต่างกัน Honda ถือเป็นอีกค่ายที่ถูกวิจารณ์ว่าวิศวกรพัฒนารถขึ้นมาเพื่อ Marc Marquez โดยเฉพาะ จนนักแข่งคนอื่นไม่สามารถขี่ให้เร็วได้ ซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง หากอ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดของ Casey Stoner ที่เคยเป็นแชมป์โลกและนักทดสอบให้ค่ายปีกนก Casey Stoner ได้ตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่ Honda รับฟังแนวทางการพัฒนารถจาก Marc Marquez มากกว่านักแข่งคนอื่นที่มีประสบการณ์มากกว่า “ที่จริงแล้วนี่คือเหตุผลที่ผมออกจากการเป็นนักทดสอบให้ Honda” เขากล่าว “เราไปถึงจุดนึงที่ Marc Marquez เริ่มจะพารถออกจากแนวทางที่ผมพยายามให้มันเป็น” “ผมเตือนพวกเขาแล้ว ผมบอกเขาว่าถ้ายังพยายามพัฒนารถตามแนวของของ Marc อย่างเดียว สุดท้ายก็จะมีแค่ Marc ที่ขี่รถของพวกเขาได้ และจะมีอุบัติเหตุตามมามากขึ้น” Stoner กล่าว “และผมก็พูดถูก 2015 เป็นปีที่เริ่มแสดงผล แต่พวกเขาก็ยังไม่ฟังและพยายามผลักผมออกไป” “ผมไม่ได้คาดคิดว่า Marc Marquez จะย้ายทีมออกจาก Honda แต่ผมก็ไม่ได้แปลกใจ…
นอกจากข่าวการย้ายไป Ducati ของ Marc Marquez จะทำให้แฟนคลับ MotoGP สนใจแล้ว การสละรถที่ไร้เทียมทานที่สุดในสนามของ Luca Marini ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะหลายคนมองว่าการย้ายทีมครั้งนี้ของเขาคือความผิดพลาด ซึ่งความทุลักทุเลก็เป็นเรื่องที่เขากำลังเจออยู่ในการทดสอบรถที่ Sepang Test Luca Marini ที่ได้กลายเป็นนักแข่งทีมโรงงานเป็นครั้งแรกได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Honda RC213V รุ่นล่าสุดว่า “ในภาพรวมแล้วมันง่ายกว่าที่จะกดเวลากับ Ducati เพราะตอนที่เราเบรก ล้อหลังมันช่วงเบรกด้วย ในจุดนี้เป็นส่วนที่ Ducati ทำได้ดีกว่า Honda” เขากล่าว “เราต้องพัฒนาในจุดนั้น แต่ผมกำลังมีปัญหาในการหยุดรถ ช่วงที่ยากที่สุดคือช่วงก่อนเข้าโค้ง Joan ทำตรงนี้ได้ดีกว่าผม เขาเลยเร็วกว่า” และเมื่อนักข่าวถามว่าเขาอยากให้วิศวกรพัฒนา Honda ให้เป็นแบบ Ducati หรือไม่ เขาก็ตอบว่า “ผมไม่คิดว่าจะเป็นการดีที่ทำแบบนั้น Honda มีจุดแข็ง ซึ่งเราต้องพัฒนาตรงนั้นเพิ่ม ไม่ใช่การเปลี่ยนมันให้กลายเป็น Ducati นั่นไม่ใช่วิธีที่ถูก”…
การทดสอบ MotoGP ก่อนเริ่มฤดูกาลในส่วนของ Sepang Test นักแข่งอดีตแชมป์โลกอย่าง Marc Marquez ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถปรับตัวกับรถแข่งใหม่ของ Ducati ได้ดีเท่าที่ควร ทำให้เรายังไม่เห็นผลงานการกดเวลาที่น่าสนใจจากเขาคนนี้ ซึ่งตัวนักแข่งผู้นี้เองก็ทราบดีถึงปัญหาดังกล่าว Marc Marquez ถูกนักข่าวถามถึงปัญหากับตัวแข่ง GP23 เกี่ยวกับปัญหาในการเบรกที่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าโค้งได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งเขาก็ได้ตอบว่า “นั่นเป็นความจริง วิธีการเบรกของรถ Ducati นั้นมีความแตกต่าง” เขากล่าว “แต่ผมก็ไม่ได้แย่ไปกว่านักแข่งคนอื่นของ Ducati ในเรื่องของจุดเบรก ที่จริงผมทำได้ดีกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ผมแค่ต้องทำความเข้าใจเรื่องการยึดเกาะที่ล้อหลังและใช้มันให้เป็นประโยชน์” ในจุดนี้เองที่เป็นความแตกต่างของรถแข่งคันใหม่และเก่าของเขา Honda นั้นเป็นรถที่เน้นความสามารถการยึดเกาะที่ล้อหน้า ซึ่งพัฒนาขึ้นตามสไตล์การขับขี่ของ Marc Marquez คือตราบที่ล้อหน้ายังทำหน้าที่ของมันได้ดีตอนเบรก ต่อให้มีปัญหาที่ล้อหลัง ความสามารถของนักแข่งก็จะช่วยให้ควบคุมอาการของรถได้ ต่างกับรถของ Ducati ที่พัฒนาโดยเน้นการยึดเกาะที่ล้อหลังมากกว่า “ผมเห็นด้วยกับประเด็นนี้มากเลย” Marc Marquez กล่าว “มันมีความแตกต่างกันมากในวิธีการใช้ล้อหลัง เพราะว่าผมยังคงขี่รถ Ducati ในแบบที่ขี่รถ Honda…
MotoGP Sepang Test หรือ Pre Season Test คือ ช่วงเวลาการทดสอบรถซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดสำหรับทีมช่างและนักแข่ง ที่จะเป็นโอกาสให้พวกเขาได้ทดลองรถใหม่ที่จะใช้ในการแข่งขันฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น รวมถึงเป็นช่วงเวลาที่แฟนคลับจะได้เห็นการลงสนามแบบจริงจังอีกครั้ง เพื่อแง้มดูฟอร์มของทีมและนักแข่งที่ตัวเองชื่นชอบ แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไม MotoGP ต้องมาทดสอบที่สนามนี้ทุกครั้งเลย ไปทดสอบที่สนามอื่นไม่ได้หรอ? เราก็ต้องอธิบายก่อนว่าปกติแล้ว MotoGP จะทำการทดสอบรถระหว่างฤดูกาลกันเป็นปกติอยู่แล้ว โดยสนามทดสอบที่ต้องมีอยู่แล้วก็มักจะเป็นการทดสอบในสนามนัดปิดฤดูกาล (Post Season Test) คือแข่งสนามสุดท้ายเสร็จก็ทดสอบรถใหม่และนักแข่งใหม่กันต่อที่นั่นเลย ยกตัวอย่างกรณีของ Valencia Test อีกหนึ่งการทดสอบที่จะมีอย่างแน่นอนก็คือการทดสอบในสนามนัดเปิดฤดูกาลใหม่ ที่จะมีขึ้นก่อนเริ่มฤดูกาล ยกตัวอย่างกรณีของ Qatar Test ที่พอทดสอบกันที่สนามนั้นเสร็จ ก็จะมีแข่งจริงกันที่นั่นไม่นานหลังจากนั้น เพื่อให้ทีมแข่งและนักแข่งพร้อมประเดิมสนามแรกมากที่สุด นอกจากนี้การทดสอบใกล้กับเวลาแข่งจริงยังช่วยให้สภาพแวดล้อมตอนทดสอบ มีความคล้ายกับสภาพการแข่งขันจริงมากที่สุด แต่ในการทดสอบอื่นนอกจากนั้นก็ยังจะมีการทดสอบในประเทศมาเลเซีย ที่สนามแข่ง Sepang International Circuit ที่ไม่ได้เป็นทั้งสนามเปิดหรือปิดฤดูกาล แต่ผู้จัดก็ยังมาจัดกันที่นี่ทุกปี ซึ่งเหตุผลที่มาทดสอบกันที่นี่อย่างแรกสุดก็คือเรื่องของ ฤดูกาล เนื่องจากสนามแข่งส่วนใหญ่ในตารางการแข่งขัน มักจะอยู่ในซีกโลกทางด้านบน หรือ ทางเหนือมาก…
