แม้ก่อนหน้านี้ Valentino Rossi จะเคยให้สัมภาษณ์ว่า การเพิ่มกรอบอายุของนักบิดในการแข่งขัน 2 ล้อระดับโลก อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาอุบัติเหตุร้ายแรงถึงแก่ชีวิตที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงขวบปีที่ผ่านมา แต่ล่าสุดทาง FIM และเหล่าคณะกรรมการ กลับมีมติที่จะปรับกติกาการแข่งขันใหม่ในรูปแบบนั้น และยังมีการปรับลดจำนวนนักแข่งในสนามลงอีกด้วย เพื่อความปลอดถัยของตัวนักบิดเหล่านั้นเอง
จากผลการประชุม ระหว่าง FIM, IRTA, MSMA, และ Dorna เกี่ยวกับเรื่องการปรับกรอบอายุของนักบิดในศึกการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ระดับโลก สรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้
– การแข่งขัน Talent Cups ปรับอายุนักบิดขั้นต่ำเพิ่มขึ้น จาก 12 ปี เป็น 13 ปี (และจะปรับขึ้นเป็น 14 ปี ในปี 2023)
– การแข่งขัน Red Bull Rookies Cup ปรับอายุนักบิดขั้นต่ำเพิ่มขึ้น จาก 12 ปี เป็น 13 ปี (และจะปรับขึ้นเป็น 15 ปี ในปี 2023)
– การแข่งขัน CEV Repsol รุ่น Moto3 Junior World Championship ปรับอายุนักบิดขั้นต่ำเพิ่มขึ้น จาก 14 ปี เป็น 15 ปี และจำกัดจำนวนนักบิดในสนามไว้ที่ 32 คน เท่านั้น
– การแข่งขัน Junior Moto3 World Championship ปรับอายุนักบิดขั้นต่ำเพิ่มขึ้น-จาก 15 ปี เป็น 16 ปี
– การแข่งขัน Moto2 European Championship ปรับอายุนักบิดขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก จาก 15 ปี เป็น 16 ปี
– การแข่งขัน World Superbike รุ่น World Supersport 300 ปรับอายุนักบิดขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 15 ปี เป็น 16 ปี และจำกัดจำนวนนักบิดในสนามไว้ที่ 32 คน เท่านั้น (จากที่ปัจจุบันมีถึง 40 คนในสนาม)
– การแข่งขัน MotoGP ทุกรุ่น ปรับอายุนักบิดขั้นต่ำเพิ่มขึ้น-จาก 16 ปี เป็น 18 ปี
นอกจากนี้ ในปี 2023 การปรับอายุขั้นต่ำของนักบิดก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นด้วย โดยสำหรับการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์อื่นๆที่ได้รับการรับรองโดย FIM (ในระดับทวีป และในระดับประเทศ ที่มีนักบิดเกรด A, B, C เข้าร่วม) ก็จะต้องมีการปรับอายุนักบิดขั้นต่ำขึ้นเป็น 14 ปีด้วยเช่นกัน
โดยกรอบอายุทั้งหมดที่ไล่เรียงมา จะมีผลบังคับใช้ในปี 2022 แต่หากนักบิดคนไหน ที่เข้าร่วมรายการดังกล่าวอยู่แล้วในปีนี้ ทว่าอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ในปีหน้า ทางคณะกรรมการจะยังคงอนุโลมให้แข่งขันต่อไปได้เป็นกรณีพิเศษ
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
