Harley-Davidson DRT บิดรถตราโล่ บน 3 เส้นทาง เดิร์ท, โร้ด, แทร็ก

0

Harley-Davidson DRT กิจกรรมทดสอบ บิดรถตราโล่ ไปกับ 3 สาย ทั้งทางฝุ่น ทางดำ และสนาม

Harley-Davidson DRT ได้ถูกจัดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา กับการจัดทดสอบให้ทางสื่อมวลชนไทย และต่างประเทศเข้าร่วมทดสอบรถค่ายมะกัน ตราโล่ หลากรุ่น โดยหลักๆ มุ่งเน้นไปที่ Nightster 975 น้องเล็กเครื่อง Revolution Max ล่าสุด ซึ่งทางทีมงาน MotoRival เราก็ได้ทดสอบกันไปแล้ว โดยสามารถดูรีวิว ได้ที่นี่

โดยกิจกรรมครั้งนี้ DRT = Dirt Road Track ซึ่งจะให้เราได้ขี่บน สามเส้นทาง ณ สนามพีระฯ พัทยา และแน่นอน 3 Station ก็แบ่งเป็น 3 Group ซึ่งกลุ่มผมจะมาเริ่มที่ Track ก่อน

Pon-Harley-Davidson-SPortster-S-Bira (2)
สำหรับ Track จะได้ทดสอบเพียง Sportster S เพียงเท่านั้น ซึ่งรถ Sportster S ผมก็ได้ทดสอบไปแล้ว ด้วยกันหลายครั้งหลายครา รับชมรีวิว ได้ที่นี่

และพอได้กลับมาทดสอบมันอีกครั้งในแทร็ก ก็ต้องบอกว่า เรื่องพละกำลัง มันบิดได้สะใจเต็มที่มากยิ่งขึ้น ตามที่ได้บอกไปว่าสไตล์เครื่องบล็อก Revolution Max ที่ถูกปรับสไตล์ให้ออกมาเป็นเครื่องสายสปอร์ตมากขึ้น คือ เน้นไล่รอบ ลากรอบ ซึ่งผมว่าตรงโจทย์กับการขับในแทร็กเช่นนี้เลย กับกำลังเครื่อง V-Twin พิกัด 1250 ที่รีดกำลังได้ 121 hp@7,500rpm และ ทอร์ค 127.5 Nm@6000rpm แม้จะมาที่รอบสูงมาก แต่สำหรับกำลังที่ใช้ขี่ในแทร็กพีระ ผมว่าเกินพอเลย สุดทางตรงผ่านหน้า Pit แรงบิดขนาดนี้ ยังไงก็ต้องมียกเผื่อไว้หน่อย ไม่งั้น อาจพุ่งลงหญ้าก่อน ม้วนโค้งขึ้นเขา T2

Pon-Harley-Davidson-SPortster-S-Bira (1)
ส่วนเรื่องของการพลิกรถนั้นผมยังมองว่าการที่มันใส่ล้อใหญ่ ด้านหน้าไซส์ถึง 160 ซึ่งขอบจะอยู่ที่ 17″ ด้านหลัง 180 ขอบ 16″ ทำให้มันพลิกรถยากเสียหน่อย แต่เรื่อง Grip เวลาเปิดคันเร่งแรงๆ หรือ เข้าโค้งก็จะมั่นใจได้ดีอยู่

ส่วนระบบกันสะเทือนที่ผมว่ามันติดแข็งบนท้องถนน พอขี่ในแทร็กรู้สึกกำลังดีลงตัว ขณะที่เบรกบนถนน รู้สึกว่ากำลังพอดี พอหวดซัดๆ ในแทร็ก แอบอยากได้ จานดิสก์คู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เราเบรกได้ลึกขึ้นอีกหน่อย

Pon-Harley-Davidson-PanAmerica (2)
ต่อมาผมสลับไปขี่ Dirt และแน่นอนรถที่ไปได้ของค่ายนี้ คือ Pan American 1250 เท่านั้น บนแทร็ก Dirt ที่บริเวณทางเข้าสนามพีระฯ ซึ่งก็จะจำลองแทร็กทางฝุ่นให้เราขี่ลุย Dirt ได้พอสมควร
ซึ่งผมเองต้องบอกก่อนว่า ส่วนตัวเคยขี่ Pan Am แค่ตอน ทดสอบคัด Bike of the Year 2022 เมื่อปลายปีที่แล้ว ในแทร็ก พีระ Kart เพียงเท่านั้น ยังไม่เคยขี่เต็มๆ หรือ ลองบนทางฝุ่น
และ ตัวผมเองก็ไม่ใช่สาย Enduro สักเท่าไร ก็อาจจะต้องเรียนตามตรงว่า ยังเค้นสมรรถนะของมันออกมาได้ไม่เต็มที่นัก

Pon-Harley-Davidson-PanAmerica (1)
แต่จากที่ได้ลองขี่ ก็พบว่า แม้มันจะมี นน.ตัวมาก เบาะสูงพอประมาณ แต่ พอยืนขี่ ตำแหน่งแฮนด์ และ Grip Tank ผมถือว่าหนีบได้ ok
และ ขี่ลุยได้อย่างสมบุกสมบันพอสมควร ช่วงล่างที่มีความหนืด และให้ระยะเคลื่อนตัวสูง ก็ทำให้มันลุย Adventure ได้แบบไม่ต้องระวังหลบหลุม อะไร ขอเพียงคอนโทรลคุมมันให้อยู่เพียงเท่านั้นก็พอ และแรงบิดของมันที่ถือว่าสูงมาก แค่เปิดคันเร่งนิดๆ ก็ผ่านทางอุปสรรคได้ไม่ยากเย็น

แต่ด้วย นน.ตัวที่มาก ผมก็ยังขอยอมรับว่ามันเลี้ยวคอนโทรลยากสักหน่อย สำหรับผมที่ไม่ใช่สายแข็งในการ Lean Out

Pon-Harley-Davidson-StreetGlide
ปิดท้ายไปสบายๆ กันบ้างกับทาง On Road ด้วยการขี่รูปแบบออกทริป จาก พีระฯ-331 Station ระยะทางราว 50 กม. (ไป-กลับ) ขาแรก ผมเลือกขี่ Street Glide เพราะ ทุกคนจะต้องได้ขี่ Nightster 975 ใหม่ ซึ่งผมได้ขี่ไปแล้ว เลยขอมาขี่พี่ใหญ่ Grand American Tourer ค่าตัวล้านกลางๆ มาพร้อมกล่องข้าง ชุดเครื่องเสียง เน้นขี่หล่อๆ สบายๆ

ด้วยสไตล์เครื่อง Milwaukee-Eight 114 เครื่องยนต์ 1868cc รีดทอร์คได้ถึง 158Nm ตั้งแต่ช่วงรอบต่ำ 3250rpm แม้แรงม้าเพียง 93 hp แต่ แค่เปิดคันเร่งรถก็พร้อมพุ่งทะยานกระชากแล้ว
บิดได้สนุกสะใจ แต่ผมพบว่าชุด Cowling หน้ามัน มีปัญตรงท่วินชิลด์มันปรับไม่ได้ และสรีระผมนั้น ขี่เร็ว มากกว่า 130 kmph ลมชนศรีษะเต็มๆ ทำให้รู้สึกบาลานซ์ลำบากหน่อย ส่ายนิดๆ ต้องคอยก้มลมมา เพื่อหลบลม ก็จะช่วยให้ Aerodynamics ดีขึ้น กับอีกจุด คือ คันใหญ่ หนัก เวลาจะ U-Turn กลับรถ ตรงเกาะกลางถนน ต้องระวังให้มาก

นอกจากนั้น เรื่องการคอนโทรลรถ ผมถือว่าทำได้ดี ทั้งช่วงล่าง ที่ขี่ผ่านทางที่ขรุขระ กำลังทำถนน ก็ไม่มีปัญหา หรือ เบรก ก็ยังถือว่าชะลอความเร็วรถได้เอาอยู่

Pon-Harley-Davidson-Nightster975
ขากลับแน่นอน ผมต้องถูกสลับมาขี่ Nightster 975 ต้องบอกว่า จากที่ผมเคยขี่ในเมือง ถือว่ามันขี่สนุกระดับหนึ่ง แต่ผมติดปัญหาเวลาเจอรถติดหนักๆ ด้วยกระจกมองข้างปลายแฮนด์ที่เกะกะมากๆ
พอมาขี่บนเส้นทางแบบถนนโล่งๆ ออกทริปนี้ รู้สึกเลยว่า มันเป็นรถที่ขี่สนุกที่สุด และดูจะเข้ามือผมที่สุดแล้ว คือ บอกเลยว่า นี่ล่ะใช่เลยทางของผม ขี่โคตรสนุก พลิกรถได้ง่ายมาก เบา และคล่องตัวคอนโทรลดีเยี่ยม แม้ซุ่มเสียงอาจจะไม่ดุดัน และทอร์คที่หลายคนอาจจะบอกว่ารอบต่ำมันไม่ค่อยมีกำลัง เพราะต้องเค้นรอบสูง ตามสไตล์เครื่อง Revolution Max ที่เน้นเล่นรอบแบบสปอร์ต
แต่ ที่จริงกำลัง 89hp และ 95Nm มันก็ไม่น้อยเลยนะ ผมขี่บนถนน ลอง Take อัตราเร่ง จาก วิ่งอยู่ประมาณ 120-130 kmph แปปเดียว ถึง TopSpeed ที่โดนล็อกตัดไว้ที่ 180 แล้ว
คือ อัตราเร่ง อารมณ์ เหมือนรถสปอร์ตเลย ไม่ต้องบ้าพลังแรงมาก แต่ เบา และจี๊ดจ๊าด คล่องตัวคอนโทรลดี
และจุดสำคัญ ช่วงล่าง คือ ดีมาก จาก Sportster S พี่เค้าที่ติดแข็ง ใน 975 ช่วงล่างผมถือว่า ซับแรงดี แต่ก็ยังเกาะถนนในระดับหนึ่ง คือ สายอนุรักษ์ไม่ชอบ แต่ผมรักเลย!

Harley-Davidson-DRT
สรุป Harley-Davidson DRT ในครั้งนี้ ถือว่าสนุกมากๆ มีไม่กี่ครั้งที่ผมจะได้เทสรถแบบไม่เครียดมาก และสนุกแบบนี้ แถมครบเครื่องได้ขี่ทุกสาย และหลากรุ่น
นั่น คือ สิ่งที่แบรนด์ตราโล่ มะกันนี้ กำลังจะบอกว่า พวกเขาพร้อมที่จะรุกตลาดทุกกลุ่มแล้วนะ ทั้งคนรุ่นใหม่ สาย ADV ที่จริงรถไฟฟ้าก็ด้วย เพราะ Livewire ทำตลาดตั้งแต่ช่วง 2019 แล้ว
และผมเป็นคนเดียวในไทยที่ได้ไปสเปน เพื่อทดสอบมันด้วย อ่านรีวิวได้ที่นี่

ก็ต้องถือว่าเป็นก้าวสำคัญ ของทาง Harley และรอติดตาม Product ใหม่ๆ กันอีกทีครับว่า จะมีการขยายไลน์อัพ หรือ โมเดลอะไรยังไงกันต่ออีกบ้าง

ขอขอบคุณ Harley-Davidson Asia สำหรับการทดสอบในครั้งนี้

อ่านข่าว Harley-Davidson เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

Background EXP in Automotive journalists more than 10 Years Writer & Test Driver @Pantip Garage 2018-Present @9carthai 2015- 2017 @Torque & VIPStyle Magazine 2015 @Autospinn 2012-2015 @GTmania.tv 2009-2010

error: Content is protected !!