รีวิว 2023 Forza350 กับการสัมผัสแรก World Premiere Test หลัง เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ไทย ไปก่อนหน้า 1 วัน

สำหรับดีเทล All New 2023 Forza350 ผมขอสรุป อีกครั้ง ว่ามันแตกต่างจาก Forza350 ตัวปัจจุบัน อย่างไรบ้าง โดยหลักๆ คือ ภายนอก ได้แก่

ไฟหน้าปรับมาเป็น Dual LED (ซึ่งผมว่ามันดูสปอร์ตสวยงามยิ่งขึ้น)

ไฟท้าย จากตัว X ปรับมาเป็นตัว U คว่ำ (ผมมองว่า มันดูอ่อนช้อยลง ผมแอบชอบตัว X มากกว่า)

แฟริ่งก็ปรับเปลี่ยนด้วยเล็กน้อย หลักๆ คือ ด้านหน้ามีการทำช่องรีดอากาศ

มาตรวัด ก็ปรับเพิ่มดีเทลตรงจอกลางดิจิตอล มีบรรทัด แสดงผลเป็นสเกลอัตราสิ้นเปลืองแบบ Realtime

นอกนั้นดีเทล และออปชั่นก็ยังดูใกล้เคียงกับตัวปัจจุบัน

ขอกลับเข้ามาในส่วนการรีวิว ซึ่งเป็นการทดสอบแบบสัมผัสแรก และเป็นแบบครั้งแรกในโลกด้วย ซึ่งผมต้องชี้แจงก่อนเลยว่าทริปนี้ เราเน้นวิ่งเก็บภาพ Photo Shooting ประมาณ 30 กม. อาจจะไม่ได้เทส Performance เต็ม เพราะวิ่งกันเป็นรูปแบบขบวน

และด้วยความที่มันยังคงใช้ เครื่องยนต์เดิม eSP+ รวมถึงระบบช่วงล่าง และเบรกเหมือนเดิม ทำให้ภาพรวมฟีลลิ่งของรถแทบไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไร

เริ่มที่ท่านั่ง ด้วยสรีระรถแบบ Big Scooter เช่นนี้ ส่วนใหญ่อาจจะเหมาะกับคนไซส์ตัวใหญ่แบบพวกยุโรป สำหรับผมสูง 175 ซม. สวมรองเท้าก็ ยังเหยียบได้เกือบๆ เท้า ถ้าเรานั่งที่ปลายเบาะ ดังนั้น ต้องเรียนตามตรงว่าใครตัวเล็กๆ ยังคงต้องเขย่งอยู่

ขณะที่ข้อดีของ Forza 350 ที่ผมชอบมากกว่ารุ่นอื่นๆ คือ กระจกมันพับได้ ทำให้เวลาเจอช่องรถติดมุดได้สะดวกมากๆ ร่วมกับบั้นท้ายของมันที่ดูค่อนข้างปราดเปรียว

รวมถึงชิลด์ปรับไฟฟ้ากดปรับได้จากสวิทช์แฮนด์เลย อันนี้ยังเป็นข้อดี

แต่ข้อเสียเดิม ที่ผมได้เคยติ ไปในตัวปัจจุบัน ก็ยังมีเหมือนเดิม คือ แฟริ่งท้าย ดูสวยงาม แต่มันบาดน่องผู้ซ้อน เหมือนเคยเลย จริงๆ ปรับแฟริ่งแล้ว จุดนี้ผมว่าไหนๆ ก็ปรับโฉมแล้ว ปรับแฟริ่งใหม่ แล้วควรปรับดีไซน์แก้ จุดนี้ไปด้วยแต่ก็ยังเป็นอยู่เช่นเคย

ขุมกำลังเครื่องยนต์ eSP+ ก็คงไม่ต้องพูดกันเยอะ บิดได้จมไมล์ กับรถเดิมๆ ที่ไม่ได้โม อะไร ยิ่งทริปนี้ เน้นขี่เรื่อยๆ ถ่ายภาพ ผมแทบจะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดทั้งทริปไม่เกิน 120 กม./ชม. ถามว่า Aerodynamics ดีขึ้นหรือไม่ กับการที่มันเพิ่มช่องรีดอากาศมาทางด้านหน้า ก็ยังคงต้องเรียนกันตรงๆ ว่า ผมยังไม่รู้สึกแตกต่าง อย่างมีนัยยะ เพราะตามที่บอกในทริปนี้เราขี่ไม่ได้แช่ความเร็วสูง

ส่วนระบบกันสะเทือน โดยภาพรวมก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี ด้านหน้าผมว่า ok แล้ว ด้านหลัง ก็ติดแข็งไปนิด สะเทือนหน่อย ตามสไตล์โช้กหลังคู่รถ Big Scooter ที่ส่วนใหญ่ ลูกค้าก็อยากเปลี่ยนโช้กแต่งกันอยู่แล้วเป็นลำดับแรกๆ เพราะได้ทั้งความสวยงาม และสมรรถนะที่ดีขึ้น

ฝั่งของระบบเบรก ก็ถือว่าดีแล้วจาก Nissin ที่ถือว่าตอบสนองได้ดี เพียงพอกับพละกำลังของรถที่มี ยังหยุดอยู่ กับรถที่ไม่ได้โมดิฟาย และ ABS ก็ทำงานได้กำลังดีไม่ไวเกินไป และจับละเอียดดีประมาณนึง อาจมีดิ้นสู้นิ้วบ้าง แต่ไม่สะท้าน

สรุป รีวิว 2023 Forza350 ที่ค่ายเรียก All New แต่ใครอาจจะเรียก Minorchanged หรืออะไรก็แล้วแต่ โดยภาพรวมผมมองว่า ฟังก์ชั่นไม่ได้ มีอะไรเพิ่มเติมมาก แต่บิดดี ขี่สนุกเหมือนเดิม ถ้าจะให้ว่าตามตรง ผมยังมองว่าอาจยังไม่จำเป็นที่จะต้องรีบปรับโฉมด้วยซ้ำ เพราะตัวปัจจุบันยังขายดีอยู่ และคู่แข่งก็ไม่ได้ยังไม่ได้เปิดตัวใหม่อีก แต่ก็เข้าใจว่าอาจจะต้องมีการ Refreshing Model และปรับทิศทางตามตลาดโลก เอาเป็นว่าใครใช้ตัวเก่าอยู่ ไม่ต้องซีเรียสเลยครับว่าจะตกรุ่น

หรือใครมองว่า อยากแปลงโฉมภายนอก ผมว่าทำได้อยู่ แต่ก็อาจจะใช้งบเยอะ เพราะต้องยกทั้งหัว และท้าย ส่วนมาตรวัด ผมมองว่า การแสดงผลดีเทลที่เพิ่มเติมมาก็ไม่ได้ดูน่าสนใจมาขนาดนั้น

แต่เอาเป็นว่า ราคาแนะนำ รุ่น STD แพงขึ้นนิดหน่อยมาอยู่ที่ 1.79 แสนบาท  ก็ถือว่า ok ใครอยากได้ตัวใหม่ ด้านหน้าดูสปอร์ตขึั้น ส่วนด้านท้ายแล้วแต่คนชอบครับ ขณะที่ RoadSync ผมกลับเฉยๆ รุ่นนี้ เพราะ คิดว่าหลายคนคงไม่ได้ จะเชื่อมต่อ Smartphone เพื่อควบคุมเรื่องฟังเพลง อะไรสักเท่าไรอยู่แล้ว และยิ่งมีปุ่มบนสวิทช์ฝั่งซ้ายเยอะๆ บอกเลยช่วงแรกๆ ใช้ผมก็มึนกดผิดกดถูก

อ่านรีวิว 2020 Forza 350 เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่