2024 Honda CBR1000RR-R Fireblade รถสปอร์ตตัวแรงเจ้าของฉายาดาปไฟจาก Honda ที่ถึงแม้เราจะยังรู้สึกว่ารถรุ่นนี้ยังใหม่อยู่ แต่มันก็ได้ถูกเผยโฉมรุ่นปรับปรุงอัพเดตสเปคเรียบร้อย โดยมันมาพร้อมกับจุดเด่นคือปีกหน้าใหม่ที่ใหญ่ขึ้น และรายละเอียดภายในเล็กน้อยยิบย่อยที่ได้รับการแก้ไขให้ขับขี่ได้ดีขึ้นในสนามแข่ง
2024 Honda CBR1000RR-R Fireblade นั้นยังคงถูกสรา้งบนพื้นฐานของเครื่องยนต์ลูกใหม่หมดจดที่เปิดตัวไปครั้งแรกในโฉม RR-R เครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง DOHC 4 วาล์ว 999 ซีซี บล็อคเดิมที่ได้รับการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในแทบทั้งหมด ที่ถึงแม้ว่าจะยังให้พละกำลังสูงสุดที่ 215 Hp ที่ 14,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 113 Nm ที่ 12,000 รอบ/นาที เท่าเดิมกับรุ่นเก่า แต่ทางค่ายก็เครมว่ามันสร้างกำลังในรอบต้ำมากขึ้น
ชุดเฟรมอลูมีเนียมได้รับการปรับปรุงเล็กน้อย สวิงอาร์มอลูมีเนียนแขนคู่มีการนำเอางานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากตัวแข่ง RC213V-S, ท่านั่งมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น, เบาะนั่งสูง 830 มิลลิเมตร, ถังน้ำมันเพิ่มจากเดิมเป็น 16.5 ลิตร, น้ำหนักตัวแบบรวมของเหลว 200 กิโลกรัม(201 กิโลกรัม สำหรับรุ่น SP), ชุดปีกสร้างแรงกดอากาศใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ที่ถึงแม้จะมีแรงกดเท่าเดิม แต่ก็สร้างแรงต้านที่บิดรถขณะเข้าโค้งน้อยลง
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบหลัวกลับ ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร จาก Showa BPF(สำหรับรุ่น SP จะได้โช้คไฟฟ้าจาก Ohlins S-EC3.0) ด้านหลังแบบสปริงเดี่ยว จาก Showa BFRC-Lite(สำหรับรุ่น SP จะได้โช้คไฟฟ้าจาก Ohlins TTX36 S-EC3.0), ระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์คู่ ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์เรเดียลเม้าท์จาก Nissin (สำหรับรุ่น SP จะได้คาลิเปอร์จาก Brembo Stylema R) ด้านหลังแบบดิสก์เดี่ยว ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์แอ็กเซียลเม้าท์จาก Brembo, ชุดล้ออลูมีเนียมอัลลอยด์รัดด้วยยางขนาด 120/70-ZR17 และ 200/55-ZR17
ระบบอิเล็กทรอนิกส์รอบคันโดยรวมยังคงมีมาให้แบบจัดเต็มเช่นเคย แต่อาจมีการปรับรายละเอียดเล็กน้อยแบบเดียวกับส่วนอื่น ระบบไฟส่องสว่างรอบคันแบบ LED, หน้าจอแสดงผลแบบสี TFT, IMU, Cornering ABS, Traction Control, Wheelie Control, Engine Brake Control, Power Mode, Riding Mode ซึ่งทุกระบบตัวช่วยที่ว่ามาสามารถปรับระดับได้
2024 Honda CBR1000RR-R Fireblade นั้นจะมาพร้อมกับรุ่นย่อยให้เลือก 2 รุ่น คือรุ่น Standard และรุ่น SP สำหรับคนที่ต้องการสเปคแบบจัดเต็ม ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมกับท่อไอเสีย Akrapovic จากโรงงาน ทางด้านชุดสีในรุ่นท็อปจะมีการเพิ่มสีขาวบนตัวรถขึ้นมาเล้กน้อย
อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
