อย่างที่เพื่อนๆหลายคนทราบว่าทั้ง Honda และ Yamaha นั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศึก MotoGP ที่นับวันการแข่งขันยิ่งสูงขึ้นๆทุกปี (ถึงแม้ว่า Marc Marquez จะซัดแชมป์ไปคนเดียวเสียหลายปีก็ตามที) แต่จากความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยเรื่องการย้ายทีมของ Jorge Lorenzo ปซุ้มสีน้ำเงินนั้นกลับเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย โดยไม่มีการบล็อคหรือกีดกันจากซุ้มสีส้มแต่อย่างใดทั้งๆที่ทำได้ กล่าวคือ เพื่อนๆต้องไม่ลืมว่าการย้ายทีมของ Jorge Lorenzo ในครั้งนี้ แม้จะเป็นการไปเข้าร่วม Yamaha ในฐานะนักบิดทดสอบ แต่อันที่จริงทางซุ้มทีมปีกนกนั้นสามารถบีบไม่ให้ Lorenzo กลับบ้านเก่าได้ เนื่องจาก JL99 ออกมาจาก Honda ด้วยการ “ฉีกสัญญา” ไม่ใช่ “หมดสัญญา” ดังนั้นอย่างน้อยๆทีมสีส้ม็อาจจะรู้สึกเหมือนถูกหักหน้าบ้าง ทว่าพวกเขากลับไม่ถือโทษอะไร และบอสใหญ่ของทีมอย่าง Puig ก็ทำได้แค่บอกกลายๆว่า “ถ้านักบิดไม่มีใจ รั้งเขาไว้ก็เท่านั้น” ด้านฝั่ง Jorge Lorenzo เอฃ ก้ออกมาขอบคุณทาง Honda ด้วยเช่นกันที่ไม่กีดกันตนเองสำหรับการกลับไปร่วมทีม Yamaha…
Author: admin
เป็นปกติของเหล่าผู้ผลิตของตกแต่งอยู่แล้วที่พอถึงเวลามีการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ออกมา พวกเขาก็มักจะไม่รอช้ารีบปล่อยผลิตภัณฑ์ของตนเองที่เข้ากับรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นๆตามมาในไม่ช้า และรายล่าสุดที่เราจะกล่าวถึงก็คือ Yoshimura ที่พึ่งเปิดตัวท่อไอเสียชุดใหม่ของ All-New Honda ADV150 ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โดยสำหรับท่อไอเสียสำหรับ ADV150 ชุดใหม่ ที่ทาง Yoshimura ทำขึ้นมา หลักๆตอนนี้ก็จะมีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน เริ่มจากรุ่นแรก “GP-MAGNUM” FULL SYSTEM ที่มาพร้อมกับดีไซน์สายสนามสุดๆ ส่วนสมรรถนะที่ได้เพิ่มขึ้นหลังติดตั้งชุดท่อไอเสียใบนี้ ก็คือมันจะช่วยเพิ่มแรงม้าขึ้นมาอีก 1.04 PS ที่ 9,100 รอบ/นาที (รอบปลายสุดๆ) ขณะที่แรงบิดก็เพิ่มขึ้นอีก 0.78 นิวตันเมตร ที่รอบเดียวกัน และสามารถลดน้ำหนักลงจากชุดท่อเดิมได้ 2.7 กิโลกรัม พร้อมส่งเสียงคำราม 90 เดซิเบลที่ 4,250 รอบ/นาที ด้านท่อรุ่นที่ 2 อย่าง “R-77S” FULL SYSTEM ก็จะมีดีไซน์ที่ดูพรีเมียม…
ด้วยหน้าตาสุดโดดเด่น และแปลกตากว่าใครในคลาสเดียวกันของ Yamaha Tenere 700 ทำให้มันไปสะดุดตาของคณะกรรมการจากเวที “iF Design Award 2020” เข้าให้ และได้รางวัลงานออกแบบยอดเยี่ยมสาขารถมอเตอร์ไซค์ในปีนี่้ไปในที่สุด “มันคือแอดเวนเจอร์ไบค์ 689cc ที่มาพร้อมกับชื่อ Tenere และแบกประวัติศาสตร์ 40 ปีอันรุ่งโรจน์ของตัวแข่ง Yamaha ใน Paris-Dakar Rally เอาไว้, และเจ้ารถ DNA สายตรงคันนี้ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง CrossPlane, Tenere 700 ถูกออกแบบและพัฒนาด้วยแนวคิดคือ เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ ‘ไปได้ทุกที่’ และถึงจะเอาไปลุยทะเลทรายได้ แต่มันก็สามารถเอาไปใช้งานในทางกรวดหรือทางคอนกรีตได้ด้วย” “ภายใต้คราบของตัวแข่งแรลลี ยังมีชุดไฟหน้า LED-Projector 4 ดวง, ถังน้ำมันอีก 16 ลิตรที่รองรับการใช้งานถึง 350 กิโลเมตร ขณะที่ช่วงล่างแน่นๆทั้งด้านหน้าและด้านหลังของมันก็รองรับถนนทุรกันดานได้หายห่วง, ด้วยความเป็นแอดเวนเจอร์ไบค์ที่เบาและมีความซับซ้อนด้านใน, แต่…
เรียกได้ว่าโผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัวกันเลยทีเดียวสำหรับ 2020 Honda Rebel 500 ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปีก่อนใน EICMA Show 2019 แต่กลับไม่โผล่มาในงาน Motor Expo 2019 แล้วจู่ๆก็มาปรากฏตัวในศูนย์ Honda Big Wing แบบเงียบๆในวันนี้เสียอย่างนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลที่พึ่งถูกอัพลงบนโลกโซเชียลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาโดยเซลล์ของศูนย์ Honda Big Wing จังหวัขอนแก่น ว่าในขณะนี้เจ้า Rebel 500 โฉมปี 2020 ได้ถูกนำมาตั้งโชว์พร้อมขายที่ศูนย์บริการดังกล่าวแล้วเรียบร้อย โดยมีการตั้งราคาไว้ที่ 222,780 บาท โดยสำหรับ Rebel 500 โฉม 2020 นี้ จะยังคงมาพร้อมกับดีไซน์รอบคันที่ไม่ต่างจาก Rebel 500 โฉมเก่ามากนัก เพียงแต่จะมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของชุดไฟหน้า LED แบบใหม่ ที่เป็นแบบฝังโคมโปรเจกเตอร์ด้านใน 4 ดวง ส่วนไฟเลี้ยวและไฟท้ายเองก็เป็นแบบใหม่…
แม้ว่าที่จริง Honda ADV150 จะมีชุดแต่งเท่ๆของ H2C เป็นของคู่กันมาตั้งแต่ตอนรถเปิดตัวใหม่ๆอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนนั่นจะยังจัดเต็มไม่พอ จึงทำให้ทาง Honda เลือกจับมือกับ 2 แบรนด์ดัง ได้แก่ Tuaratec แบรนด์ผู้ผลิตของตกแต่งสายทัวร์ริ่งแท้ชื่อดังจากเยอรมัน และ Yoshimura แบรนด์ผู้ผลิตท่อไอเสียแต่งซิ่งจากญี่ปุ่น เพื่อรวมมือกันเปิดตัวเวอร์ชันพิเศษของเจ้าสกู๊ตเตอร์คันนี้ในชื่อ “Rally Edition” เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นการนำเสนอข้อมูลโดยสื่อญี่ปุ่น “Young-Machine” อีกเช่นเคย โดยพวกเขาระบุไว้ว่าเจ้า ADV150 – Rally Edition จะมาพร้อมกับชุดแต่งให้ลุกค้าได้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ “CITY”, “LIGHT”, “HARD”, และ “CAMP” ซึ่งแต่ละคันจะถูกตกแต่งตามคอนเซปท์ลักษณะการใช้งานด้วยชิ้นส่วนที่ต่างกันออกไป ทั้งแครชบาร์หน้าและข้าง, วินชิลด์, การ์ดแฮนด์, ไฟตัดหมอก, ปี๊บหลัง, ปี๊บข้าง, หรือกระเป๋าข้าง (ส่วนใหญ่จาก Touratech), เสริมด้วยท่อไอเสียจาก…
ขณะที่ทีมเมทอย่าง Leon Haslam สามารภเข้ากันได้ดีกับตัวแข่ง All-New Honda CBR1000RR-RW SP ในการทดสอบรอบก่อนเปิดฤดูกาล WSBK 2020 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ในใฝั่ง Alvaro Bautista กลับดูอาการไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากไม่สามารถกดเวลาขึ้นมาหัวแถวของตารางได้เลย ทั้งๆที่จริงเขาคือนักบิดตัวเต็งที่หลายคนคิดว่าเขาคือมือหนึ่งของทีม และจากเรื่องดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้ทางสื่ออิตาลี เลือกที่จะสัมภาษณ์ Bautista ว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ตอบกลับมาว่า “ปีที่แล้วผมพบว่าตัวเองสบายมากๆในตอนเริ่มฤดูกาล, มันเป็นเพราะรูปแบบของรถที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V4 ซึ่งผมใช้มันมานานแล้ว (ตั้งแต่อยู่ MotoGP), แต่กับครั้งนี้ มันเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ซึ่งมันดูต่างออกไปเล็กน้อย, ถึงแม้ว่าผมมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น, แต่หลังจากที่คุณขี่รถเครื่องยนต์ V4 มาแทบทั้งชีวิต แล้วจู่ๆก็มาขี่รถเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง, สัมผัสแรกมันก็เลยจะแหม่งๆอยู่หน่อย” Bautista กล่าวเสริมอีกว่า “ใช่ ผมยอมรับว่าปีที่แล้วรถมันเข้ากับผมมากราวกับสวมถุงมือ(ที่พอดี), แต่ในปีนี้เราต้องทำงานมากขึ้น, เพราะถึงแม้ปีที่แล้วมันจะเป็นรถใหม่ แต่…
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ Royal Enfield จะเคยเปิดตัว Classic 500 – Pegasus Edition ที่ทำพิเศษขึ้นมาเพื่อย้อนตัวนาน 1930 Royal Enfield Flying Flea ไปแล้ว แต่จากข้อมูลล่าสุด ดูเหมือนพวกเขาจะนำชื่อรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้กลับมาใช้จริงอีกครั้ง หลังมีการจดทะเบียนชื่อนี้ไว้กับสำนักสิทธิบัตรในยุโรปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยสำหรับประวัติคร่าวๆของ Flying Flea ที่เคยถูกผลิตในช่วงปี 1930-1945 ก็มีอยู่ว่า มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกทำขึ้นเพื่อให้เหล่าทหารอังกฤษยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ใช้เป็นยานพาหนะในสนามรบ ซึ่งจุดเด่นที่สร้างชื่อให้กับเจ้านี่ ก็ไม่ได้มีแค่เพียงน้ำหนักที่เบาหวิว หรือความทนทานเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องการขนส่งไปยังสนามรบ ที่ทางกองทัพเลือกใช้วิธีปล่อยมันร่อนลงจากเครื่องบิน และประเด็นสุดท้ายนี่แหล่ะครับ คือที่มาจริงๆของชื่อมัน ส่วนการกลับมากของ Royal Enfield Flying Flea ครั้งนี้ มีความเป้นไปได้หลายทาง ทั้งมันอาจจะเป็นตัวตายตัวแทนใหม่ของตระกูล Classic 500 / Bullet 500 อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าไม่เช่นนั้นมันก็อาจจะเป็นการเปิดไลน์อัพรุ่นใหม่ของทางค่ายที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียว…
แม้ว่าอันที่จริง Triumph Tiger 1200 จะพึ่ฃมีการออกโฉมพิเศษไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ แต่ด้วยความจริงที่น้องรองอย่าง Tiger 800 ได้รับการปรับโฉมแบบ Model-Change เป็น Tiger 900 ตั้งแต่ปลายปีก่อน ดังนั้นตอนนี้จึงเริ่มมีข้อมุลออกมาบ้างแล้วว่า “พี่เสือใหญ่แดนผู้ดี” คันนี้เอง ก็กำลังจะได้รับการปรับโฉมแบบใหม่หมดจดด้วยเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลที่ได้จากภาพ Spyshot ชุดใหม่ซึ่งถูกถ่ายเอาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ หากลองสังเกตุภาพดังกล่าวไปพร้อมกัน ก็จะเห็นได้ว่าหน้าตาของ Tiger 1200 รุ่นใหม่นั้น มีการปรับปรุงดีไซน์ภายนอกทั้งหมด โดยจะเน้นการเพิ่่มเส้นสายดูมีเหลี่ยมสันเฉียบคมขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่หัวจรดท้าย (เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ Tiger 900) นอกจากนี้ ในส่วนของชุดเฟรม, เครื่องยนต์, และระบบกันสะเทือนด้านหลังเอง ก็ดูเหมือนจะมีการปรับปรุง หรือเปลี่ยนใหม่ด้วยเช่นกัน เนื่องจากหน้าตาของมันมีความต่างจาก Tiger 1200 โฉมปัจจุบันในทุกชิ้นที่เรากล่าวมา ส่วนกำหนดการเปิดตัว All-New Triumph Tiger 1200 ก็คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2020…
จากผลกระทบของเชื้อโคโรน่าไวรัส ที่ยังคงระบาดต่อเนื่องในประเทศจีน ทำให้ทาง FIA เลือกประกาศว่า จะไม่มีการจัดแข่งขัน Formula-1 ในประเทศจีน ภายในวันที่ 19 เมษายน เพื่อความปลอดภัยของทีมแข่ง, ผู้จัด, และผู้เข้าชม ซึ่งในฝั่งผู้จัด MotoGP อย่าง Dorna เอง ก็มีแนวคิดเรื่องความปลอดภัยนี้ด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาหมายถึงการงดจัดแข่งขันที่ประเทศไทยที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 มีนาคมนี้ !!! โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า จากข้อมูล ประเทศไทยของเราถือเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 2 รองจากจีน (จากข้อมูลตอนนี้เราหล่นไปอยู่อันดับต่ำกว่าแล้ว) นอกจากนี้ด้วยนโยบายสาธารณะสุขต่างๆยังไม่รัดกุมพอในช่วงที่ไวรัสระบาดใหม่ๆ เช่นการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้ามาโดยไม่มีการคัดกรองที่ดีพอ ทำให้มีโอกาสที่เชื้อไวรัสดังกล่าวจะแพร่ระบาดสูงมากกว่าประเทศอื่นๆ ดังนั้นทาง Carmelo Ezpeleta บอสใหญ่ของ Dorna จึงมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ และให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า “เราจะไปกาตาร์อย่างปลอดภัยและตามกำหนดการเดิม(ที่ระบุไว้) เนื่องจากพวกเขารับประกันแล้วว่ามันไม่อันตราย (เรื่องเชื้อไวรัส), แต่สำหรับประเทศไทย ซึ่งอยู่ใกล้กับโรคระบาดมาก, เราได้ถามทางรัฐบาลเกี่ยวกับข้อมูลไปแล้ว และรอการตอบกลับของพวกเค้า” “การตัดสินใจของเรา จะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาตอบอะไร เพราะความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของเรา…
กลับมาอีกครั้งสำหรับการพาเพื่อนๆไปไขข้อสงสัยในเรื่องของเทคโนโลยีภายในเครื่องยนต์ที่น่าสนใจ โดยใน Tips Trick ครั้งนี้ เราก็จะมาไขข้อสงสัยในเรื่องของ “เครื่องยนต์ลูกสูบเยื้องศูนย์” หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษเรียกกันว่า “Offset Cylinder” ว่ามันจะมีประโยชน์หรือดีอย่างไรบ้าง ทำไมรถมอเตอร์ไซค์ไซส์เล็กหลายๆคันในปัจจุบันถึงนิยมใช้เครื่องยนต์เช่นนี้ ? ก่อนอื่น สิ่งที่เพื่อนๆต้องทำความเข้าใจ (หรือหลายๆคนอาจจะเข้าใจอยู่แล้ว) ว่าลักษณะการเคลื่อนที่ของลูกสูบกับพลาข้อเหวี่ยงนั้น จะมีความสัมพันธ์คือ เมื่อมีการสันดาปเกิดขึ้นภายในห้องเผาไหม้ แรงระเบิดที่ได้ก็จะผลักให้ลูกสูบขยับลงไปด้านล้าง ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวก้านสูบที่อยู่ด้านล่าง ก็จะผลักให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุน กลายเป็นแรงบิดที่จะถูกถ่ายทอดต่อไปยังระบบส่งกำลังยาวไปจนถึงล้อขับเคลื่อน แต่ถึงแม้ในเครื่องยนต์ทั่วไป จะมีการวางลูกสูบ ก้านสูบ และเพลาข้อเหวี่ยง ให้อยู่ในแนวเดี่ยวกันเป็นเส้นตรงในยามลูกสูบขึ้นศูนย์ตายบนก็จริง ทว่าพอหลังจากจังหวะจุดระเบิดใหม่ๆที่ลูกสูบจะต้องขยับตัวเองลงไปนั้น ก็จะเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ข้อเหวี่ยงต้องเบี่ยงตัวออกจากแนวแรง ทำให้แรงต้านของเพลาข้อเหวี่ยงที่สวนกลับมาไม่ได้สวนในทิศทางเดียวกับแนวแรงที่ลูกสูบพยายามกดลง และเกิดเป็นแรงผลักลูกสูบให้กดกับกระบอกสูบด้านที่แนวแรงส่งเบี่ยงออกไปมากเป็นพิเศษ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ ทางวิศวกรจึงได้ออกแบบให้กระบอกสูบ และเสื้อสูบอยู่เยื้องจากแนวเพลาข้อเหวี่ยงเล็กน้อย เพื่อที่ว่าหากถึงจังหวะหลังจุดระเบิดใหม่ๆขึ้นมา แนวก้านสูบจะได้ยังคงเป็นแนวเดี่ยวกันกับแนวแรงที่กดลูกสูบลงพอดี ทำให้แรงต้านของเพลาข้อเหวี่ยงที่สวนขึ้นมา เป็นแนวดิ่งเดียวกันกับแนวแรงที่กดลงมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นแรงเสียดทานที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้จึงหายไปด้วย และสิ่งที่ได้ตามมาก็คืออัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าเดิม เนื่องจากกำลังจากแรงระเบิดของการสันดาป ไม่ได้หายไปเพราะแรดเสียดทานดังกล่าว ซึ่งแม้อันที่จริงมันจะเป็นผลเพียงส่วนเล็กๆน้อยๆเท่านั้นนะครับ ไม่ได้เห็นผลชัดเจนขนาดนั้น แต่ถ้ารวมกับการปรับปรุงในเรื่องอื่นๆแล้วล่ะก็ มันย่อมเห็นผลได้ชัดขึ้นเช่นกันครับ อ่าน Tips…