ถ้าพูดถึงสุดยอดกีฬาความเร็วบนโลกสองล้อ ก็คงหนีไม่พ้นเวทีสุดยอดรถต้นแบบอย่าง MotoGP ซึ่งหลายคนก็คงได้ยินกันมาบ้างว่ารายการแข่งขันนี้ มีความพยายามที่จะปรับให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคต โดยการนำเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสังเคราะห์มาใช้กับตัวแข่งในสนาม รวมถึงพยายามดันรายการรถแข่งไฟฟ้าอย่าง MotoE ขึ้นมาด้วย แต่กลับไม่มีใครพูดถึงการยัดระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าลงในตัวแข่งเลย ต่างกับฝั่งโลกสี่ล้อหลายรายการ ที่รับเทคโนโลยีไฮบริดมาใช้นานแล้ว ถ้าให้ว่ากันตามตรง รถแข่งในคลาส MotoGP ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงในส่วนของเครื่องยนต์น้อยมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดก็มีแค่ปริมาตรกระบอกสูบเท่านั้น ไม่มีแนวคิดเรื่องการเพิ่มระบบอัดอากาศ หรือระบบไฟฟ้าเข้ามา ถึงแม้เทรนโลกจะเริ่มเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม แม้แต่ Kawasaki ที่ไม่ได้แข่งในเวทีนี้ยังพัฒนารถไฮบริดขึ้นมาเอง ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่หัวหอกของทีมแข่ง Ducati อย่าง Luigi (Gigi) Dall’Igna กำลังคิดไว้เช่นกัน “เรื่องเราต้องระวังก็คืองบประมาณของ MotoGP แต่ถ้าเราคำหนดให้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฮบริดอย่าง ECU มอเตอร์ไฟฟ้า หรือแบตเตอรี่ ให้เป็นสเปคกลางที่เหมือนกันทุกทีม นั่นก็จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาไม่มาก” Gigi กล่าว “ตอนนี้ผมยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลมามากเท่าไร ผมเลยไม่สามารถระบุรายละเอียดที่แน่ชัดของ น้ำหนักตัวรถ ราคา หรือเรื่องอื่นได้ แต่สุดท้ายมันก็เป็นทางเลือกที่มีเหตุผล ขึ้นอยู่กับเราที่อยากให้ระบบมันเป็นแบบไหน” และเมื่อมีระบบไฟฟ้าเข้ามา Gigi ก็ยังคิดต่อด้วยว่าเครื่องยนต์ของตัวแข่งในอนาคต…
Author: Kristha
Suzuki Hayabusa SERT (Suzuki Endurance Racing Team) รถซูปเปอร์ไบค์เจ้าของฉายาเหยี่ยวอ้วน จากค่ายรถคนบ้ารุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาเพียงแค่คันเดียวในโลก เพื่อเป็นเกียรติแก่นักแข่งลูกรักชาวฝรั่งเศสของทีมแข่ง Suzuki อย่าง Sylvain Guintoli ก่อนที่ทีมคนบ้ารายนี้จะทำการยกเลิกการแข่งขันทุกรายการในปีหน้า Suzuki Hayabusa SERT คันนี้ยังคงใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง ที่มีปริมาตรกระบอกสูบ 1,340 cc ที่สามารถให้พละกำลังสูงสุด 187.7 HP กับแรงบิดสูงสุด 150 Nm เครื่องเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง สเปคภายนอกรอบคันก็ยังคงเหมือนกับเหยี่ยวอ้วนรุ่นพื้นฐานที่ขายทั่วไปทุกอย่าง แต่มีการเปลี่ยนลวดลายของรถให้เป็นแบบเดียวกับตัวแข่ง Suzuki GSX-R1000R ของทีมแข่ง Yoshimura SERT Motul ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ Endurance World Championship (EWC) เคียงคู่เพื่อนร่วมทีมอีก 2 คนอย่าง Gregg Black และ…
Can-Am Pulse และ Can-Am Origin รถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า 2 คันแรกจากค่ายรถยักษ์ใหญ่แคนาดาอย่าง BRP ที่ห่างหายไปจากวงการสองล้อนานถึง 35 ปี จนคนทั่วไปลืมไปแล้วว่าค่ายนี้เคยมีมอเตอร์ไซค์ของตัวเองด้วย เพราะเห็นขายแต่ Jetski, ATV, UTV, Snowmobile อยู่นานหลายปี แต่การกลับมาในครั้งนี้ของค่ายจะเป็นการมุ่งสู่อนาคต EV ก่อนหน้านี้เราได้เคยเสนอข่าวว่า Can-Am เตรียมกลับมาสู่ธุรกิจมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง โดยมีแผนการเปิดตัวรถไฟฟ้าถึง 4 โมเดล ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ล่วงเลยไปถึงครึ่งปี ล่าสุดทางค่ายก็ได้ปล่อยภาพรถมอเตอร์ไซค์พลังงานทางเลือก 2 จาก 4 รุ่นที่จะวางจำหน่ายในอนาคตเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นคือ Can-Am Pulse ซึ่งเป็นรถแนวโรดสเตอร์สำหรับขี่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก และ Can-Am Origin ที่เป็นรถยกสูงแนวเอนดูโร่เต็มตัว แต่กลับไม่มีชิลด์บังลมด้านหน้า(อาจจะมีในรุ่นขายจริง) รถทั้งหมดในแผนงาน EV ของค่ายนั้นจะถูกพัฒนาบนพื้นฐานพลังงานไฟฟ้าแบบเดียวกันที่เรียกว่า Rotax E-Power ตามชื่อเครื่องยนต์สันดาปของค่ายที่มีชื่อเสียง ด้วยดีไซน์ที่เป็นเหลี่ยมสันทันสมัย ดูไปก็คล้ายโทรศัพท์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้ายุคใหม่ ในยุคที่คู่แข่งเจ้าอื่นก็หันไปหารูปทรงเดียวกัน…
Honda Dax125 รถมินิไบค์หน้าตาสุดแหวกของค่ายปีกนก Honda มาพร้อมเฟรมทรงตัว T ยืดยาวอันเป็นเอกลักษณ์ ถูกจำหน่ายในฐานะรถพรีเมี่ยมที่มีเฉพาะใน Cub House เปิดตัวตามหลังญาติอย่าง Monkey 125 ที่เกาะกระแสย้อนยุคของค่าย นำรถเก่าในตำนานมาขายใหม่อีกครั้ง แต่ว่าตำนานที่ว่าของรถคันนี้มีที่มาจากอะไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปย้อนดูกัน Honda Dax นั้นมาพร้อมชื่อรหัส ST50 มีจุดเริ่มต้นย้อนไปได้ไกลถึงช่วงปี 1969 โดยชื่อ Dax นั้นก็มีที่มาจากชื่อของหมาไส้กรอก Dachshund ที่มีลำตัวยาวเหมือนกัน เวลานี้ถือเป็นช่วงที่ค่ายปีกนกรายนี้เริ่มหันมาให้ความสนใจกับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กแนวแฟชั่น ที่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเน้นใช้งานเป็นหลัก ตามหลังความสำเร็จของลิงน้อยผู้พี่ ตัวรถถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานเหล็กท่อขึ้นรูปที่เรียกว่า T-bone ตามรูปทรงคล้ายตัวอักษร T ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เด่นของตัวรถที่ไม่มีใครในยุคนั้นเหมือน(หรือแม้แต่ยุคนี้ก็ตาม) เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบระบายความร้อนด้วยอากาศ 1 สูบ ขนาด 49 ซีซี SOHC จ่ายน้ำมันด้วยคาบูเรเตอร์ และยังมีรุ่นความจุ 72 ซีซี กับรหัส ST70 ที่มีพละกำลังมากขึ้นอีกเล็กน้อยให้เลือกด้วย…
Kawasaki Z E1 รถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า EV ตัวต้นแบบจากค่ายเขียว Kawasaki ถูกนำมาวิ่งแรดโชว์ตัวครั้งแรกในงาน Suzuka 8 Hours โชว์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความพร้อมที่จะผลิตรถรูปแบบใหม่ออกมาขาย ซึ่งรถคันนี้อาจจะเป็นรถต้นแบบที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับรถที่เตรียมจะถูกเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ก็เป็นได้ Kawasaki Z E1 คันนี้เป็นเพียงรถต้นแบบ ยังไม่ได้มีชื่อเรียกหรือสเปคอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด และอย่างที่เรารู้กันดีว่าค่ายรถสายเขียวรายนี้ได้ทำการพัฒนามอเตอร์ไซค์พลังงานสะอาดทั้งแบบที่ผสมเครื่องยนต์ดั้งเดิมเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าอย่าง HEV หรือรถพลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วนอย่าง BEV มาได้สักพักแล้ว แต่การนำรถมาวิ่งเรียกความสนใจในครั้งนี้ถือเป็นการแสดงความพร้อมครั้งสำคัญ ว่าเทคโนโลยีที่ทางค่ายมีนั้นสุกงอมมากขนาดไหน จากภาพเราก็จะเห็นได้ว่ารถคันนี้มาในรูปโฉมแบบสปอร์ตเปลือย ซึ่งมีรูปลักษณ์ของโคมไฟหน้าและส่วนซับเฟรมที่ยกมาจากรถตระกูล Z ทั้งชุด สิ่งที่ต่างออกไปจากรถรุ่นที่มีขายคือ มันไม่มีเครื่องยนต์ เพราะถูกแทนที่ด้วยแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าที่เราไม่ทราบความจุและพละกำลังที่แน่ชัด แต่คาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกับรถคลาสเริ่มในตลาด ทำให้รูปทรงของรถตรงช่วงท้องดูโล่งจนผิดปกติ ถึงแม้ว่ารถต้นแบบที่นำมาวิ่งอวดโฉมในครั้งนี้จะเป็นรถสปอร์ตเปลือย แต่เมื่อถึงเวลาขายจริง พื้นฐานของรถไฟฟ้าคันนี้อาจะถูกนำมาต่อยอดให้ออกมาเป็นมอเตอร์ไซค์หลายแนว ทำให้เราอาจจะได้เห็นทั้ง Z E1 และ Ninja E1 เปิดตัวในอนาคตอันใกล้ก็ได้ ซึ่งจากข้อมูลของกรมขนส่งสหรัฐที่โผล่มาก่อนหน้านี้ ก็ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าเราอาจจะได้เห็นรถตัวขายจริงทั้งสองในช่วงปลายปีนี้เลย ที่มา autoby อ่านข่าวสาร…
Kawasaki Ninja Hybrid รถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบขุมพลัง Hybrid ลูกผสมระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและไฟฟ้าคันแรกจากค่ายยักษ์เขียว Kawasaki ถูกนำมาวิ่งอวดโฉมเป็นครั้งแรกในการแข่งขัน Suzuka 8 Hours ในประเทศญี่ปุ่น แสดงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความพร้อมที่จะปรับตัวไปสู่ตลาดมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่ของค่ายโกเบ Kawasaki Ninja Hybrid คันนี้เป็นเพียงรถต้นแบบ ยังไม่ได้มีชื่อเรียกหรือสเปคอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด และอย่างที่เรารู้กันดีว่าค่ายรถสายเขียวรายนี้ได้ทำการพัฒนามอเตอร์ไซค์พลังงานสะอาดทั้งแบบที่ผสมเครื่องยนต์ดั้งเดิมเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าอย่าง HEV หรือรถพลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วนอย่าง BEV มาได้สักพักแล้ว แต่การนำรถมาวิ่งเรียกความสนใจในครั้งนี้ถือเป็นการแสดงความพร้อมครั้งสำคัญ ว่าเทคโนโลยีที่ทางค่ายมีนั้นสุกงอมมากขนาดไหน ข้อมูลที่เราพอจะสามารถสังเกตได้ด้วยตาคือ รถขุมพลังไฮบริดคันนี้จะมาในสไตล์สปอร์ตฮาร์ฟแฟริ่ง มีรูปทรงโดยรวมทันสมัยแต่อาจจะไม่ใช่รูปทรงที่จะถูกนำไปขายจริง โคมไฟหน้ามีรูปทรงต่างออกไปจากพี่น้องสายเขียวคันอื่น ท่อไอเสียคู่บ่งบอกถึงเครื่องยนต์ที่เป็นแหล่งพลังงานหลัก ที่คาดว่าจะเป็นเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ขนาด 250-400 ซีซี แบบเดียวกับที่วางอยู่ในรถคลาสเริ่มต้นของค่าย ช่วงซับเฟรมด้านท้ายของตัวรถดูจะยาวและหนาเป็นพิเศษ นั่นหมายความว่าแบตเตอรี่ไฮบริดที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าอาจะถูกเก็บไว้ตรงนั้น โดยเมื่อถึงเวลาขายจริง พื้นฐานของรถพลังลูกผสมคันนี้อาจะถูกนำมาต่อยอดให้ออกมาเป็นมอเตอร์ไซค์หลายแนว ทำให้เราอาจจะได้เห็นทั้ง Ninja HEV และ Z HEV เปิดตัวในอนาคตอันใกล้ก็ได้ เพราะอย่าลืมว่า…
Honda Bigwing India ตัวแทนจะหน่ายรถจักรยานยนต์ค่ายปีกนก Honda ที่เป็นรถคลาสใหญ่ในประเทศอินเดีย ได้ทำการปล่อยตัวอย่าง Teaser ของรถรุ่นใหม่ที่เตรียมจะถูกเปิดตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเน้นจุดสำคัญไปที่คำว่า The Formidable หรือที่แปลว่า “น่าเกรงขาม” แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยนอกจากนี้ โดยในตัวอย่างเรียกน้ำย่อนอกจากจะมีคำว่า “THE FORMIDABLE” แล้วก็ยังมี “FIERCE DESIGN”, “FAST ACCELERATION”, “FURIOUS STANCE”, “FIGHTER ATTITUDE” และ “FEARLESS PERFORMANCE” ซึ่งจากทุกคำที่ว่ามาก็นำไปสู่แนวคิดว่าที่รถคันดังกล่าวอาจจะเป็นมอเตอร์ไซค์แนว “สปอร์ตเปลือย” ที่มีงานออกแบบร่วมสมัย แต่ปัญหาคือในตอนนี้ค่ายปีกนกไม่น่าจะมีรถที่ตรงกับคำนิยามนั้น ที่ควรจะถูกเปิดตัวในเวลานี้ รถคันเดียวที่เราคิดได้ว่าตรงกับคำจำกัดความก็เหมือนจะมีแต่ Honda Hornet แต่สิ่งที่ทำให้เราไม่คิดว่าเป็นรถรุ่นนี้คือ Hornet เป็นรถที่ถูกโปรโมทผ่าน Honda ภูมิภาคยุโรปเป็นหลักมาตั้งแต่แรก ไม่น่าใช่รถที่จะถูกนำมาเปิดตัวครั้งแรกในอินเดีย แถมรถรุ่นนี้ยังถูกเปิดเผยชื่อมาสักพักแล้ว ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกติชื่อในตัวอย่างใหม่แต่อย่างใด โมเดลของรถที่เน้นขายในประเทศอินเดียก็มักจะเป็นรถเล็ก ที่ใช้เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศเช่นรถโรดสเตอร์ไฟกลมอย่าง CB350 H’ness…
Pol Espargaro นักบิดชาวสเปนดีกรีแชมป์โลก Moto2 (แชมป์หลังเพื่อนร่วมทีมคนปัจจุบันปีนึง) ที่ตอนนี้เขาได้ทำหน้าที่เป็นตัวแข่งของทีม Repsol Honda ในเวที MotoGP และมีผลงานที่ไม่ดีเท่าไรกับค่ายปีดนก แต่ล่าสุดหลังจากเพิ่งหมดปิดเทอมกลางฤดูกาล เขาได้เผยกับสื่อถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับอนาคตว่า ตนได้ทำการปิดจ็อบเซ็นสัญญาร่วมกับทีมใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และรอที่จะประกาศเรื่องดังกล่าวในอนาคตอันใกล้ Pol Espargaro ได้เล่าเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้ทำในช่วงพักครึ่งฤดูกาล และหนึ่งในนั้นคือการเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมแข่งรายใหม่ ที่เขาจะร่วมงานด้วยหลังจบฤดูกาล 2022 “ผมได้ไปเที่ยวกับครอบครัวที่ Andorra ปกติแล้วในในช่วงพักกลางฤดูกาลผมมักมีเรื่องให้กังวลเรื่อง หลังจบการแข่งขันที่ Assen ได้ไม่สวย ผมก็กลับไป Barcelona เพื่อไปหาภรรยาและลูกสาย” เขากล่าว “ผมบอกอะไรเกี่ยวกับสัญญามากไม่ได้ สิ่งนึงที่ผมบอกได้คืออนาคตของผมสดใส มันเป็นสัญญา 2 ปี ที่จะมีการประกาศในอีกไม่กี่สัปดาห์ ผมมีความสุขกับมันมาก เพราะผมจะได้ไปในที่ที่ผมอยากไป ท้ายที่สุดแล้วคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าจะได้แข่งต่อหรือต้องไปนอนอยู่บ้าน การได้เซ็นสัญญาในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะรถของเขาก็ดีและเงินเดือนก็ดีด้วย” Pol กล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข เนื่องจากว่าตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรถูกเปิดเผยออกมา มันก็ยากที่จะคาดเดาว่า Pol Espargaro จะย้ายไปแข่งให้ทีมไหนต่อ เพราะจากคำบอกเล่าว่าทีมนั้นมีรถที่ดี…
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมประเทศไทยถึงต้องขับรถบนเลนซ้ายของถนน ขณะที่อีกหลายประเทศดันขับอยู่เลนขวา? แล้วเหตุผลที่แต่ละประเทศขับรถบนถนนคนละฝั่งกันมันมีที่มาอย่างไร? ความเคยชิน? การปกครอง? ความจำเป็น? หรือเหตุผลอื่น? Tips Trick ในวันนี้จึงจะมาอธิบายเรื่องราวที่ว่ามาแบบสรุปให้เข้าใจง่ายกัน ในปัจจุบันประเทศส่วนใหญ่บนโลกนั้นล้วนขับรถบนถนนเลนขวา(Right-hand Traffic หรือ RHT) ขณะที่มีเพียงส่วนน้อนเท่านั้นที่ยังคงขับรถอยู่บนถนนเลนซ้าย(Left-hand Traffic หรือ LHT) แต่รู้หรือไม่ว่าในสมัยก่อน ดินแดนส่วนใหญ่บนโลกนั้นล้วนแต่สัญจรกันบนถนนเลนซ้ายทั้งสิ้น แต่พึ่งจะมีการเปลี่ยนเลนการสัญจรในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี่เอง โดยเหตุผลที่คนในยุคก่อนมักสัญจรกันทางด้านซ้ายของถนนก็เนื่องมาจากคนส่วนใหญ่ “ถนัดมือขวา” และเมื่อเราถนัดมือขวา เราก็มักจะพกอาวุธไว้ที่ด้านซ้ายของเอวเพื่อให้มือขวาสามารถเอื้อมไปหยิบอาวุธได้ง่าย และเมื่อคนสมัยก่อนมักเดินทางด้วยการใช้ “ม้า” การจะขึ้นไปขี่บนหลังม้าก็มักจะขึ้นจากทางด้านซ้ายของม้าแล้วตวัดขาขวาที่ไม่มีอาวุธข้ามหลังม้า แทนที่จะเป็นขาซ้ายที่มีของหนักพลุงพลัง และเพื่อความสะดวกเราจึงมักจอดม้าไว้ที่ฝั่งซ้ายของถนน เพื่อให้ฝั่งซ้ายของม้าอยู่ติดกับทางเท้า ผู้ขี่จะได้ไม่ต้องเดินออกไปกลางถนนเพื่อขึ้นม้า ซึ่งอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของโลกหลายแห่งก็ล้วนแต่เดินทางกันด้วยวิธีนี้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะจักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่ที่ปกครองแทบทั้งยุโรปก็สัญจรทางด้านซ้ายของถนน(LHT) นั่นจึงทำการเดินทางบนเลนซ้ายกลายเป็นมาตรฐานไปในที่สุด จนมีความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 17-19 ที่หลายส่วนของยุโรปภาคพื้นทวีปได้เริ่มมีการเปลี่ยนมาสัญจรบนเลนขวา(RHT) ด้วยเหตุผลที่ต่างกันออกไป นั่นจึงทำให้ดินแดนที่เป็นอาณานิคมของจักรวรรดิเหล่านั้นต้องเปลี่ยนตามด้วย นั่นจึงทำให้ประเทศอดีตอาณานิคมเหล่านั้นยังคงสัญจรบนเลนขวา ขณะที่อังกฤษยังคงเดินทางบนเลนซ้าย(LHT) นั่นจึงทำให้ประเทศที่เป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษทำแบบเดียวกัน แต่ก็มีกรณียกเว้นอย่างอเมเริกาและแคนาดาที่ได้ทำการเปลี่ยนไปสัญจรทางด้านขวาของถนน(RHT) เนื่องจากเกวียนในอเมริกาและแคนาดามีขนาดใหญ่กว่าและใช้สัตว์ในการลากเยอะกว่า ทำให้มีความจำเป็นในการใช้แส้มากกว่าฝั่งยุโรป ตอนนี้ทุกคนก็คงพอจะเดาออกว่าแล้วเมื่อเราใช้แส้ด้วยมือขวา มันคงง่ายกว่าถ้าจะฟาดแส้ไปที่ด้านขวาแทนที่จะเป็นด้านซ้าย นั่นจึงทำให้คนขับเกวียนต้องนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของรถเพื่อให้ใช้แส้ได้สะดวก…
Kawasaki ค่ายรถมอเตอร์ไซค์สายเขียวจากโกเบ ที่ก่อนหน้านี้มีแผนเตรียมเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า EV รุ่นใหม่มากถึง 3 รุ่นภายในสิ้นปีหน้า อาจจะกำลังเดินหน้าแผนการดังกล่าวได้ไวกว่าที่เราคิด เมื่อมีเอกสารจากกรมขนส่งของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการระบุข้อมูลที่อาจจะบอกเราได้ว่ารถ 2 รุ่นในนั้น อาจจะถูกเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้เลย รายละเอียดของรถพลังงานไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นนี้ โผล่มาในรูปของตัวเลข Vin number ในเอกสารของ U.S. National Highway Traffic Safety Administration หรือก็คือกรมขนส่งทางบกของสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับกรณีของ ZX-4R ที่เราเพิ่งเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในเอกสารดังกล่าวมีการระบุชื่อรุ่น NX011AP และ NR011AP โดยตัวอักษร N ที่ใช้นำหน้านั้นเป็นรหัสที่ไม่เคยมีการใช้งานมาก่อน ก็พอจะเป็นแนวทางให้เราได้ ว่ารถรุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ตัวอักษรอันดับถัดมาอย่าง X และ R เป็นตัวบ่งบอกถึงสไตล์รถแนว สปอร์ตแฟริ่ง และ สปอร์ตเปลือย ตามลำดับ ส่วนตัวเลข 011…