Yamaha YZF-R2 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาสเริ่มต้นรุ่นใหม่จากค่ายส้อมเสียง Yamaha มีข่าวลือว่ากำลังถูกซุ่มพัฒนาอยู่เพื่อมาทำตลาดแทนที่ R15 ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน หากอ้างอิงข้อมูลจากสื่อนิตยสารชื่อดังของญี่ปุ่น มันจะมาพร้อมเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่มีความจุใหญ่ขึ้นกว่าเดิมจนไปเฉียด 200 ซีซี ที่มีแววว่าจะถูกส่งต่อไปให้รถรุ่นอื่นในคลาสเดียวกันอีกด้วย เราต้องขอย้อนความกันก่อนว่าในตอนแรก สื่อต้นทางไม่ได้กำลังตามข่าวของ Yamaha YZF-R2 หรือ R15 รุ่นใหม่แต่อย่างใด แต่พวกเขากำลังตามข่าวของรถสายลุยตัวเริ่มอย่าง Serow ซึ่งในตอนแรกก็มีการคาดเดากันว่ารถรุ่นใหม่ที่ว่านี้ อาจมาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศ 250 ซีซี ลูกเก่าที่ได้รับการปรับปรุงให้ผ่านมาตรฐานไอเสียยุคใหม่ หรือไม่ก็จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 155 ซีซี ลูกเดียวกับที่ใช้อยู่ใน R15 ที่ขายอยู่ในตลาดอาเซียน แต่กลายเป็นว่าพวกเขากลับได้ข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ Yamaha อาจกำลังพัฒนาเครื่องยนต์ลูกใหม่แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 1 สูบ ที่มีปริมาตรกระบอกสูบประมาณ 200 ซีซี ไปเลย แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพ่วงระบบ VVA เข้ามาด้วย ซึ่งถ้าข่าวลือที่ว่านี้เป็นจริง มันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากค่ายส้อมเสียงจะนำเครื่องยนต์ที่ว่านี้ไปใส่รถรุ่นอื่นในคลาสเดียวกันด้วย ไล่ตั้งแต่รถตระกูล R/MT/XSR/WR แต่ถึงอย่างนั้นเราก็แทบจะไม่รู้รายละเอียดส่วนอื่นของเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่ว่านี้เลย ว่าจะมีความจุที่แท้จริงอยู่ที่เท่าไร…
Author: Kristha
ก่อนหน้านี้ในปีที่แล้ว MotoGP และ Michelin ได้ทำการทดลองใช้กติกาควบคุมแรงดันลมยางใหม่ เพื่อห้ามไม่ให้ทีมแข่งลดแรงดันลมยางต่ำไปกว่าที่กำหนด เนื่องจากทีมแข่งเหล่านั้นพยายามลดแรงดันลมยางลงเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ แต่ก็ตามมาด้วยปัญหาความเสี่ยงที่ยางอาจจะหลุดออกจากวงล้อ แต่ตลอดช่วงทดสอบที่ผ่านมาทั้งผู้ผลิตยางและทีมแข่ง ต่างก็ยังไม่สามารถหาข้อตกลงเรื่องตัวเลขที่เหมาะสมได้ ในที่สุดก่อนเริ่มการแข่งขันจริงสนามแรกที่ QatarGP เราก็ได้ข้อสรุปที่ว่านั้นแล้ว ปัญหาส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ผลิตยางและทีมแข่งไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ เนื่องจาก Michelin ต้องการให้แรงดันลมยางสูงไว้ก่อนเพื่อไม่ให้ยางหลุดออกจากวงล้อตอนที่เร่งหรือเบรกอย่างหนัก แต่ทางด้านทีมแข่งก็มองว่าแรงดันลมยางจะเพิ่มขึ้นตอนแข่งขันจนยางไม่ยึดเกาะ โดยเฉพาะเมื่อยางร้อนเกินไปในช่วงที่ขี่ตามคู่แข่งในระยะใกล้ ซึ่งลมยางเจ้าปัญหานั้นคือส่วนของยางหน้า ที่ผู้ผลิตยางต้องการให้สูงกว่า 1.88 บาร์ แต่ทางทีมแข่งต้องการตัวเลข 1.8 บาร์ Dani Pedrosa ได้ให้ข้อมูลว่า “ถ้าแรงดันลมยางเกิน 2.1 บาร์ คุณจะไม่เหลือแรงยึดเกาะอยู่เลย รถของเราจะเบรกไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก” ซึ่งล่าสุดทาง Michelin ก็ได้ทำการปล่อยภาพที่ระบุรายละเอียดของแรงดันลมยางขั้นต่ำที่ด้านหน้าไว้ที่ 1.8 บาร์ ตามความต้องการของทีมแข่ง และยางหลังอยู่ที่ 1.68 บาร์ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจอื่นอย่างจำนวนยางสูงสุดที่ใช้ได้ในแต่ละสนามที่ 22 เส้น และอุณหภูมิที่เหมาะสมในการใช้งานยางที่สูงมากถึง 100-120 องศาเซลเซียส…
CFMoto ค่ายรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติจีนที่กำลังมาแรงในตลาดโลก เตรียมกลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ค่ายรถดังกล่าวเคยเข้ามาทำตลาดในบ้านอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ต้องเงียบหายไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและโรคระบาดที่ไม่เป็นใจ บวกกับรถในไลน์อัพในยุคนั้นก็ไม่มีความเป็นเอกลักษณ์ และไม่น่าดึงดูด แต่เมื่อเวลาผ่านไปในช่วงที่ CFMoto เงียบหายไปจากประเทศไทย แต่ค่ายรถรายนี้ก็ได้ไปเก็บประสบการณ์ในตลาดระดับโลกทั้งยุโรปและอเมริกา จนสามารถเปิดตัวรถทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ที่น่าสนใจออกมาหลายรุ่น แก้ปัญหารูปลักษณ์ของรถสไตล์จีนที่จืดชืดด้วยการจ้างนักออกแบบจากยุโรป รวมถึงสร้างเครื่องยนต์ลูกใหม่ในคลาสเริ่มเป็นของตัวเอง ส่วนเครื่องยนต์ของรถคลาสกลางและคลาสใหญ่ที่ตัวเองยังไม่มี ก็ไปยืมมาจากค่ายรถชื่อดังอย่าง KTM ทำให้ไลน์อัพในปัจจุบันของพวกเขาน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทางด้านกำหนดการเปิดตัวรถของ CFMoto ในปีนี้ก็จะถูกแบ่งเป็น 2 ช่วง คือช่วงต้นปี ที่เราคาดว่าจะได้เห็นการเปิดตัวค่ายรถเป็นครั้งแรก(คาดว่าเป็นช่วง MotorShow 2024) พร้อมกับเปิดตัวรถชุดแรกในคลาสเริ่มต้นระดับ 250-450 ซีซี และจะมีรถรุ่นอื่นอีกชุดที่จะถูกเปิดตัวเพิ่มเติมในช่วงปลายปีนี้ แต่รถเหล่านั้นจะเป็นรุ่นอะไรกันบ้าง ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป ซึ่งซีรีส์ของรถที่เรามองว่าน่าสนใจและเหมาะกับตลาดของประเทศไทยที่สุดก็คงจะเป็น 450 series ที่จะประกอบไปด้วย 450SR โฉมสปอร์ตแฟริ่ง, 450NK โฉมสปอร์ตเปลือย, 450MT โฉมแอดเวนเจอร์ยกสูง ที่ต่างก็มีงานออกแบบที่โดดเด่น สเปคจัดเต็ม และมีราคาที่สู้กับคู่แข่งคลาสเดียวกันได้ อ่านข่าวสาร CFMoto เพิ่มเติมได้ที่นี่
Francesco Bagnaia นักแข่งแชมป์โลก MotoGP คนล่าสุดจากค่าย Ducati ได้ทำการต่อสัญญาฉบับใหม่กับค่ายเดิมของตัวเองไปจนถึงสิ้นปี 2026 แล้วทุกคนอยากรู้กันไหมว่าค่าเหนื่อยแต่ละปีของแชมป์โลกคนนี้อยู่ที่เท่าไร? เราบอกไว้ก่อนเลยว่า “ไม่เยอะอย่างที่คิด” ข้อมูลที่เราได้มานั้นมาจากปากของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Ducati และจาก Albert Valera ผู้จัดการส่วนตัวของ Jorge Martin ซึ่งเขาได้ให้ข้อมูลว่าค่าตัวเริ่มต้นของ Francesco Bagnaia นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านยูโร(271 ล้านบาท) ต่อหนึ่งฤดูกาล ซึ่งเป็นตัวเลขที่แทบไม่ต่างจากค่าเหนื่อยของ Jorge Martin หรือ Enea Bastianini แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปสำหรับ Pecco คือเงินโบนัสที่เขาจะได้รับเพิ่มจากผลงานที่สามารถทำได้ในแต่ละสนาม ตรงนี้เองคือส่วนที่เขาจะได้รับมากกว่านักแข่งคนอื่นของค่าย และจะเพิ่มขึ้นไปถึงประมาณ 10 ล้านยูโร(388 ล้านบาท) หากเขาสามารถคว้าแชมป์โลกได้อีกครั้ง ซึ่งแตกต่างกับสมัยของ Valentino Rossi และ Jorge Lorenzo ที่ได้รับค่าเหนื่อยมากกว่า 2-3…
Honda CB1000 X ภาพเรนเดอร์รถมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ตแอดเวนเจอร์จาก Honda ร่างแยกสายท่องเที่ยวของ CB1000 Hornet สปอร์ตเปลือยตัวท็อปของค่ายปีกนก ที่พอมีความเป็นไปได้อยู่เล็กน้อยที่จะเกิดขึ้นจริง แต่ค่ายปีกนกต้องการเพิ่มรถรุ่นนี้เข้ามาในไลน์อัพจริงหรอ? เพราะมันดูใกล้เคียงกับญาติ 2 สูบเรียง ของมันอย่าง NT1100 เหลือเกิน Honda CB1000 X ที่เรากำลังพูดถึงอยู่เป็นเพียงแค่ชื่อสมมุติที่นิตยสารจากญี่ปุ่นตั้งให้เท่านั้น โดยสื่อต้นทางสร้างภาพเรนเดอร์นี้ขึ้นมาจากความเป็นไปได้ที่ Honda จะทำการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ให้รถที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ CB1000 Hornet แต่ปัญหาคือรถรุ่นใหม่ที่ว่านี้จะมีตำแหน่งการตลาดที่ใกล้เคียงกับรถที่มีขายอยู่แล้วอย่าง NT1100 ที่เป็นรถยกสูงสายเที่ยวทางเรียบเป็นอย่างมาก แล้วอะไรคือแรงผลักดันให้ค่ายปีกนกสนใจทำรุ่นนี้ขึ้นมา? ความเป็นไปได้อย่างนึงคือ Honda อาจมองเห็นว่าตลาดของรถยกสูงสายเที่ยว และรถยกสูงสายสปอร์ตนั้นต่างกัน ค่ายรถหลายรายที่ทำรถสายเที่ยวอยู่แล้วก็มักจะมีรถยกสูงสายสปอร์ตมาขายคู่กันด้วยไม่ว่าจะเป็น Suzuki ที่มีทั้ง V-Strom 1050 และ GSX-S1000GX หรือทางฝั่งของ BMW ที่มีทั้ง R1300GS และ X1000XR นอกจากนี้ Honda เองก็เป็นค่ายรถอีกรายที่ชอบทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์หลายรุ่นที่อยู่ในคลาสใกล้กันอยู่แล้วทั้ง…
Yamaha YZF-R1 รถมอเตอร์ไซค์ Superbike ตัวท็อปที่สุดของความแรงและเทคโนโลยีจากค่ายส้อมเสียง Yamaha ที่ถือเป็นตำนานอีกรุ่นในวงการสองล้อ แต่ไม่ว่ารถรุ่นนี้จะแรงขนาดไหน หรือคว้าในแชมป์รายการแข่งขันอะไรมาบ้าง แต่ตำนานที่ว่านั้นก็กำลังจะจบลงเมื่อสิ้นสุดปี 2024 เนื่องจากทางค่ายไม่คิดจะพัฒนารถรุ่นนี้เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5+ ที่กำลังจะถูกบังคับใช้ เพราะฉะนั้นเราจะพากันมาทวนประวัติของรถรุ่นนี้ก่อนที่มันจะปิดตำนานลง ตำนานของรถตระกูล YZF-R1 นั้นเริ่มต้นมาจากความต้องการของค่ายที่จะสร้างรถใหม่ขึ้นมาแทนที่รถรุ่นก่อนหน้าอย่าง YZF1000R Thunderace (1996) ซึ่งเดิมทีแล้วรถรุ่นดังกล่าวก็ทำหน้าที่เป็นสายสปอร์ตตัวท็อปของค่ายอยู่แล้ว เพียงแต่แนวทางการออกแบบของมันจะมีความคล้ายกับรถสปอร์ตทัวริ่งแบบ Suzuki Hayabusa หรือ Kawasaki ZZR1400 มากกว่าที่จะเป็นแนวสปอร์ตสายสนามในปัจจุบัน YZF-R1 (1998) เป็นรถรุ่นแรกในตระกูล YZF-R1 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความแรงขั้นสุด โดยที่ไม่ทิ้งความคล่องตัวในการเข้าโค้งในถนนที่คดเคี้ยว ได้ต้นแบบมาจากตัวแข่ง WorldGP อย่าง YZR500 ตัวรถมาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง 998 ซีซี 5 วาล์ว/สูบ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 150…
นอกจากการแข่งขันรายการใหญ่ MotoGP ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ที่ Qatar ก็ยังมีรายการรองในรุ่นกลางและรุ่นเล็กอย่าง Moto2 และ Moto3 ที่ในปีนี้มาพร้อมกับซัพพลายเออร์ยางรายใหม่ Pirelli ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนยางค่ายเก่าอย่าง Dunlop ซึ่งก่อนที่จะเริ่มต้นการแข่งขันนัดเปิดฤดูกาล เราก็ขอพาทุกคนมาดูสเปคยางใหม่ที่ว่านี้ก่อนว่าเป็นอย่างไร แตกต่างจากในรุ่นใหญ่ไหม? ยางที่ใช้ในการแข่งขันของรุ่น Moto2 และ Moto3 จะเป็นยางสูตรมาตรฐานคล้ายกับยางสลิคที่มีขายทั่วไป ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะจงการใช้งานในสนามแข่งไหนเป็นพิเศษ ต่างกับยางของฝั่งของรุ่นพี่อย่าง Michelin ที่ยางเหล่านั้นจะเป็นยางโปรโตไทป์ ซึ่งมีหน้ายางแต่ละด้านที่แข็งไม่เท่ากัน เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานแต่ละสนามที่มีจำนวนโค้ง ซ้าย/ขวา ต่างกัน ในรุ่น Moto2 และ Moto3 จะมาพร้อมกับยาง 2 ประเภทคือ ยางสลิค(Pirelli Diablo Superbike) และ ยางฝน(Pirelli Diablo Rain) โดยยางแต่ละแบบก็จะถูกแบ่งออกเป็น ยางหน้า และ ยางหลัง ซึ่งยางของแต่ละล้อก็จะมีตัวเลือกความแข็งของคอมปาวด์ยางที่แตกต่างกัน ไล่ตั้งแต่ SC0 ที่เป็นคอมปาวด์ยางที่นิ่มที่สุดไปจนถึง…
Dani Pedrosa อดีตนักแข่งร่างเล็กในรุ่น MotoGP กับฝีมือเกินร้อยที่ทำให้เขาเกือบคว้าแชมป์โลกมาได้หลายครั้งกับค่าย Honda แต่หลังจากที่เขาแขวนหมวกไป ปัจจุบันเขาก็รับงานเป็นนักทดสอบรถแข่งให้กับ KTM หนึ่งในค่ายรถอีกรายที่มีพัฒนาการด้านแอโร่ได่นามิคที่ล้ำหน้า แต่ถึงอย่างนั้นนักแข่งผู้นี้กลับไม่ปลื้มการพัฒนาไปในทิศทางที่ว่าเท่าไร Dani Pedrosa ได้พูดในรายการ Paddock Pass Podcast เกี่ยวกับหน้าที่ของเขาในฐานะนักทดสอบว่า “นักทดสอบทุกคนมีวิธีการและหน้าที่ต่างกัน ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากตัวแปร 2 อย่าง อย่างแรกคือความว่าง เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้นักทดสอบคนเดียวทำทุกหน้าที่ เรื่องถัดไปคือปัญหาที่แต่ละค่ายต้องเจอมันไม่เหมือนกัน” “ตอนที่ผมเข้าไปอยู่กับ KTM พวกเขามีประสบการณ์น้อยมากในรุ่น MotoGP ขั้นตอนการทำงานเลยต่างกับที่ Honda หรือ Yamaha เป็นอย่างมากเนื่องจากพวกนั้นมีประวัติศาสตร์ในรายการนี้มายาวนาน” และเมื่อเขาถูกถามเกี่ยวกับความแตกต่างของรถ MotoGP ยุคใหม่และยุคเก่า เขาก็ได้ให้ความเห็นว่า “ความต้องการพละกำลังทางร่างกายในการควบคุมรถรุ่นใหม่มันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก มันยากขึ้นในการพลิกรถจากซ้ายไปขวา และยากขึ้นในการขับไล่ตามคู่แข่ง ทั้งความนิ่งและความเร็วในโค้งก็เพิ่มมากขึ้น แต่นั่นก็หมายความว่าความคล่องตัวต้องหายไป” “ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายคือ ตอนนี้เราต้องหาสมดุลระหว่างแอโร่ไดนามิคและความง่ายในการควบคุมรถ สำหรับผมแล้ว ผมชอบรถแข่งในยุคเก่าที่ยังไม่มีแอโร่ไดนามิคมากกว่า เพราะรถพวกนั้นขี่ได้สนุกกว่า” Dani Pedrosa…
Jorge Lorenzo อดีตนักแข่งดีกรีแชมป์โลก MotoGP ที่ถึงแม้เขาคนนี้จะแขวนหมวกเลิกแข่งไปนานแล้ว แต่ก็ยังอยู่บนพื้นที่สื่อไม่ขาด ซึ่งก่อนเริ่มฤดูกาลแข่งขัน 2024 เขาที่ได้เห็นผลงานการทดสอบรถของ Marc Marquez ที่เป็นทั้งเพื่อร่วมชาติและเพื่อนร่วมทีมกับรถใหม่ค่าย Ducati โดยเขาได้ตั้งข้อสงสัยที่ Marc Marquez ต้องหาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ เพื่อที่จะสามารถทำผลงานขึ้นมาอยู่หัวแถวอีกครั้ง Jorge Lorenzo ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับอดีตเพื่อนร่วมทีมว่า “ตอนนี้ผมมีคำถามในหัวเกี่ยวกับ Marc ในปีนี้ อย่างแรกคือ เขาจะต้องใช้เวลาเท่าไรในการทำความเข้าใจรถของ Ducati เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้วิธีควบคุมรถอย่างถูกต้อง เพราะเขายังคงขี่มันเหมือนกับตอนที่ขี่ Honda” “อย่างที่สองคือ Ducati ในรุ่น GP23 และ GP24 มีความแตกต่างกันมากขนาดไหน มันวิวัฒนาการเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วไปเท่าไร เพราะดูเหมือนว่าความแตกต่างของรถทั้งสองรุ่นจะเยอะพอสมควร Bagnaia และ Martin ไม่ใช่นักแข่งที่แย่พวกเขาเป็นพวกที่เก่งที่สุด ถ้าพวกเขามีรถที่ดีกว่า พร้อมประสบการณ์ที่มากกว่ากับรถค่ายแดง เรื่องนี้ก็จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อผลงาน” “คำถามที่สามคือ เรื่องเกี่ยวกับสภาพร่างกายของ Marc ว่าตอนนี้แขนของเขาหายดีแล้ว…
กำลังจะเข้าฤดูร้อนกันแล้ว ปัญหาอย่างนึงที่ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์หลายคนต้องเจอคือเรื่อง “ความร้อนสะสม” แน่นอนว่าเรื่องนี้สามารถแก้ได้หากรถของเราใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งช่วยกำจัดความร้อนส่วนเกินออกจากเครื่องยนต์ แต่ถึงอย่างนั้นของเหลวที่ใช้หล่อเย็นในเครื่องยนต์ของเรากลับไม่ใช่แค่ “น้ำเปล่า” แต่เป็น “น้ำยาหล่อเย็น” ของเหลวที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการหล่อเย็นเครื่องยนต์โดยเฉพาะ แต่คำถามคือ “เราใช้น้ำเปล่าธรรมดาไม่ได้หรอ?” ก่อนอื่นเราต้องอธิบายหน้าที่การทำงานของระบบระบายความร้อนด้วยน้ำอย่างง่ายกันก่อน เริ่มจากการที่เครื่องยนต์แบบสันดาปภายในมีการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อขับเคลื่อน และยิ่งมีการเผาไหม้ที่มากขึ้น ก็แปลว่ามีความร้อนถูกสร้างขึ้นมากตามไปด้วย เราจึงต้องหาวิธีกำจัดความร้อนดังกล่าวโดยการบังคับให้ของเหลวไหลผ่านส่วนที่ร้อนของเครื่องยนต์ เพื่อดึงความร้อนไประบายออกในหม้อน้ำ แน่นอนว่าตามหลักการแล้ว “น้ำ” ก็เป็นของที่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากน้ำเป็นสสารอย่างนึงที่สามารถรับความร้อนได้ในปริมาณมาก โดยที่ตัวเองไม่ร้อนตามอยู่แล้ว แต่ผู้ผลิตหลายรายก็ได้สร้าง “น้ำยาหล่อเย็น” หรือ “Coolant” ขึ้นมาเพื่อให้การหล่อเย็นมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก สิ่งที่ทำให้ “น้ำยาหล่อเย็น” ทำหน้าหล่อเย็นที่ได้ดีกว่า “น้ำเปล่า” คือการเติมสาร “Ethylene Glycol” ที่ช่วยเพิ่มจุดเดือดของน้ำให้กลายเป็น 120 องศาเซลเซียส ช่วยให้ของเหลวในระบบระเหยกลายเป็นไอน้ำได้ยากขึ้น แปลว่าของเหลวในระบบของเราสามารถรับความร้อนไประบายออกได้มากกว่า “น้ำเปล่า” นอกจากนี้น้ำยาหล่อเย็นยังมีส่วนช่วยรักษาเครื่องยนต์ เนื่องจากมีการเติมสารเคมีป้องกันสนิม และสารเคมีที่ช่วยป้องกันการแข็งตัวของของเหลว ในกรณีที่เราต้องใช้รถในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น สุดท้ายคือเรื่องของ “สี” ของ “น้ำยาหล่อเย็น” ที่ช่วยให้เราสามารถสังเกตการรั่วซึมได้ง่ายกว่าการใช้…