รีวิว CBR600RR 2021 กระต่ายพิโรธ ว่าที่ผู้ท้าชิงรางวัล “Bike of the year 2021” ในกลุ่มของ Supersport Bike แม้เราจะได้ลองเพียงมั้นๆ แต่ก็ได้ใจความพอจะมาเทียบฟีลลิ่ง กับ YZF-R6 กันไปด้วยเลย ใครสนใจ SS600 ทั้ง 3 ค่าย คันไหนจะเป็นยังไงมาว่ากัน
รีวิว CBR600RR 2021 ในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เราได้ทำ รีวิว CBR1000RR-R พี่ใหญ่ของมันไปตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว โดยทั้ง 2 โมเดลนี้ได้เปิดตัวคู่กันไปก่อนเริ่มงาน Motor Expo 2020 ซึ่งในครั้งนั้น ณ สนามช้างฯ เป็นที่น่าเสียดาย เพราะไม่มีการให้สื่อขี่เจ้ากระต่ายพิโรธ คันนี้ ทีมงาน MotoRival จะได้สัมผัสและทดสอบตัวรถ Honda CBR600RR จริงๆก็ต้องรอจนถึงช่วงของการเฟ้นหาตัวรถ Bike of The Year 2021 ช่วงปลายเดือนธันวาคม ที่ทางค่ายได้ส่งมันเข้ามาร่วมการประกวดในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นเพื่อไม่ให้ประสบการณ์ในครั้งนั้นเสียเปล่า เราจึงของมาทำรีวิว 1st Impression ให้เพื่อนๆได้ทราบกันสักหน่อยดีกว่าครับว่าเจ้าซุปเปอร์สปอร์ตไบค์รุ่นนี้มีดีอย่างไรบ้าง
*การรีวิวครั้งนี้ ยังไม่ใช่การรีวิวแบบจัดเต็ม จึงจะยังไม่มีการกล่าวถึงภาพลักษณ์ รวมถึงสเปคต่างๆโดยละเอียดของตัวรถ แต่หากเพื่อนๆสนใจอยากทำการบ้านก่อน สามารถคลิกอ่านข้อมูลของตัวรถ 2021 Honda CBR600RR ตอนเปิดตัวได้เลยที่นี่
โดยอย่างแรกสุดที่เราจะเกริ่นถึงก่อนเลยก็คือเรื่องของท่านั่ง ด้วยความที่ CBR600RR เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เกิดมาเพื่อเน้นการใช้งานในสนามแข่งทางเรียบ หรือจำลองกลิ่นอายมาจากตัวแข่งทางเรียบเป๊ะๆตามชื่อแนว “สปอร์ตเรพลิก้า” ดังนั้นด้วยเบาะนั่งที่สูง 820 มิลลิเมตร สำหรับผู้ขี่ที่สูงเพียง 168 เซนติเมตร จึงไม่สามารถใช้ส้นเท้าทั้ง 2 ฝั่งแตะพื้นได้เลย ทว่าด้วยความเพรียวบางของเบาะนั่งและชุดซับเฟรมตรงหว่างขาทำให้ขอแค่เพียงผู้ทดสอบขยับก้นเล็กน้อยก็สามารถใช้วิธียกขาข้างหนึ่งแล้วใช้เท้าอีกข้างเหยีบบพื้นได้เต็มฝ่าแบบไม่พะวงอะไร เนื่องจากน้ำหนักรถเองก็ค่อนข้างเบาอยู่แล้วด้วย
ส่วนท่านั่งลำตัวช่วงบน ยังไง CBR600RR ก็ต้องมีท่านั่งที่ก้มหมอบกว่า CBR650R อยู่แล้ว ตามสไตล์ของตัวรถ ซึ่งมันก็จะเป็นการหมอบที่ค่อนข้างพอดีกับผู้ขี่ที่สูงไม่เกิน 175 เซนติเมตร สามารถหมอบแล้วโอบถังที่มีความกว้างเล็กน้อยได้พอดีๆไม่มีการติดตรงช่วงหน้าท้องแม้ผู้ทดสอบจะมีพุงพอสมควร และในทางกลับกัน เมื่อเทียบกับคู่แข่งของมันอย่าง YZF-R6 ตัวผู้ทดสอบพบว่าท่านั่งของ CBR600RR จะดุดันน้อยกว่า หรือก็คือหมอบก้มน้อยกว่าพอประมาณ ทั้งในเรื่องความสูงแฮนด์ที่มากกว่าและระยะแฮนด์จากเบาะนั่งที่ใกล้กันมากกว่า ทำให้ท่านั่งตอนยืดหลังและแขนเกือบตรงแบบขี่ใช้งานในเมืองปกติ ผู้ขี่ไม่รู้สึกต้องก้มลงไปมากเท่ากับซุปเปอร์สปอร์ตไบค์จากค่ายส้อมเสียง
นอกจากนี้มันยังมีผลต่อเนื่องไปถึงการพลิกเลี้ยวสลาลอมหรือโค้ง S สั้นๆที่สามารถออกท่วงท่าในการหักเลี้ยวได้อย่างตล่องตัว แต่นั่นก็ต้องแลกมากับท่าทางการออกแอคชันขณะทิ้งโค้งที่เอื้อต่อการเอาตัวกดน้ำหนักไปด้านหน้าตอนทิ้งโค้งน้อยกว่า R6 ไปบ้าง ซึ่งเอาจริงๆเรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับผู้ขี่อีกทีว่าถนัดท่านั่งแบบไหนหรือชอบความรู้สึกแบบไหนมากกว่ากัน
ทั้งนี้ในด้านความยาวเบาะนั่งของ CBR600RR ก็อาจจะค่อนข้างจำกัดไปนิด ซึ่งหากเป็นผู้ขี่ไซส์เดียวกับผู้ทดสอบอาจจะไม่ติดปัญหาอะไร เพราะมันจะกระชับกำลังดีสำหรับการย้ายก้นไปมาในท่าทางการควบคุมรถต่างๆ โดยเฉพาะกับจังหวะที่ต้องเปิดคันเร่งออกตัวหรือออกจากโค้งแรงๆ ที่ต้องใช้บั้นท้ายช่วยพิงช่วงเบาะหลังยันตัวเอาไว้ แต่กับผู้ขี่ตัวใหญ่ หรือตัวสูงก็อาจจะรู้สึกว่ามันฟิตไปสักนิดหนึ่งก็เท่านั้น
ฝั่งการทำงานของระบบกันสะเทือนไปจนถึงลักษณะการควบคุมตัวรถ หากไม่นับข้อด้อยในการซับแรง ที่เป็นเรื่องปกติของรถมอเตอร์ไซค์แนวนี้ เพราะมักเซ็ทโช้กมาแบบแข็งๆกันส่วนใหญ่ โดยรวมก็พบว่า CBR600RR เป็นซุปเปอร์สปอร์ตไบค์ที่มีความคล่องตัวสูงมาก หน้ารถไม่ดื้อ ไม่หนืด หรือหน่วงจนเกินไป มีความเชื่องมือสูง ทำให้ผู้ขี่สามารถพลิกเลี้ยวรถเพื่อสลาลอมอ้อมกรวยได้สบายๆ และจะไปได้ดีมากๆกับการเข้าโค้งแคบๆเมื่อเทียบกับคู่แข่งในคลาสเดียวกัน ขณะที่โค้งความเร็วสูงก็หายห่วง เพราะช่วงล่างกับยางเดิมๆถือว่าเอาอยู่ แม้จะเปิดลองกระแทกคันเร่งออกจากโค้งหนักๆแล้วก็ตาม
ด้านการทำงานของระบบเบรก ด้วยความเป็น Honda จึงทำให้การเซ็ทระบบเบรกที่มากับ CBR600RR นั้น อาจจะไม่ได้เป็นแบบที่กดแล้วจับจานเบรกอย่างดุดันทันทีเหมือนกับคู่แข่งอย่าง YZF-R6 แต่จะค่อนไปทางนุ่มนวล เพื่อให้ผู้ขี่ไล่แรงเบรกตามน้ำหนักมือที่กดลงไปแทน ดังนั้นมันจึงอาจจะไม่เหมาะกับผู้ขี่ที่ชอบกำเบรกหนักๆก่อนเข้าโค้งเท่าไหร่นัก แต่เหมาะกับผู้ขี่ที่ชอบการคลอเบรกเข้าโค้งเนียนๆแบบเทรลเบรกมากกว่า
สุดท้ายคือเรื่องของเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงความจุ 599cc ของมันที่แม้จะมีขนาดลูกสูบเท่ากับ CBR650R แต่ด้วยช่วงชักที่สั้นกว่า จึงทำให้มันมีความจัดจ้านมากขึ้นในการเรียกกำลังย่านปลาย แต่ในภาพรวมเมื่อเทียบกับคู่แข่งของมันอย่าง YZF-R6 ขุมกำลังบล็อคที่มากับเจ้า CBR600RR ก็ยังมีบุคลิกที่สามารถเรียกแรงบิดใช่ย่านกลางได้อย่างต่อเนื่องมากกว่า สามารถกะจังหวะของย่านกำลังได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วง 8,000 รอบ/นาที ขึ้นไป แต่ในทางกลับกันก็มันก็อาจจะไม่ได้ให้ความดุดันในการกวาดรอบช่วงปลายเหมือน R6 (เพราะซุปเปอรฺ์สปอร์ตของคู่แข่งนั้นหากบิดถึง 10,000 รอบ/นาที เมื่อไหร่ รอบจะกวาดขึ้นอย่างฉับไวทันที) ซึ่งแบบไหนจะถูกใจเพื่อนๆมากกว่ากัน อันนี้ก็แล้วแต่รสนิยม
แน่นอนว่าด้วยความที่การทดสอบ Honda CBR600RR ในครั้งนี้เป็นแค่เพียงการทดสอบในสนามปิดสั้นๆเท่านั้น จึงทำให้เราไม่สามารถเก็บข้อมูลในด้านอื่นๆได้มากเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะในเรื่องของความเร็วปลาย และอัตราสิ้นเปลือง รวมถึงการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขี่ต่างๆที่จัดเต็มจนไม่สามารถลองใช้ทั้งหมดภายในระยะเวลาสั้นๆได้ แต่ถ้าหากในอนาคตเราได้มีโอกาสนำเจ้าซุปเปอร์สปอร์ตไบค์ราคา 549,000 บาท รุ่นนี้ มาหวดแบบจัดเต็มเมื่อไหร่ เราจะรีบทำการรีวิวให้เพื่อนๆได้ชมกันโดยเร็วที่สุดแน่นอนครับ
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว YZF-R6 ได้ที่นี่
อ่านรีวิว ZX-6R ได้ที่นี่
