ย้อนไปเมื่อวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทาง Kawasaki ได้มีการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์กลุ่ม KLX รุ่นใหม่ All-New MY2020 ออกมา ด้วยนิยามน่าสนใจว่า “Get Out And Play” อันประกอบไปด้วย KLX230, KLX230 SE (ABS), KLX230R, และ KLX300R ซึ่งทางทีมงาน MotoRival ของเราก็ได้รับเชิญเข้าร่วมเปิดตัว พร้อมทดสอบรถรุ่นใหม่ในครั้งนี้ด้วย
รับชมคลิป VDO เปิดตัว KLX ใหม่ ทั้ง 4 โมเดล พร้อมบรรยากาศการทดสอบ และสรุปรวมได้ที่นี่
 อย่างไรก็ดีด้วยความจำกัดในเรื่องเวลา กับจำนวนรถที่มีให้ทดสอบ ทำให้บรรดาสื่อมวลชนจะได้ทดสอบรถ 2 ใน 4 คัน ใน Session การทดสอบ 15 นาที จากที่มีให้ โชคดีที่เรา ได้มีโอกาสเลือกรถก่อนเป็น KLX230 SE ABS ที่เป็นรุ่นท็อปของตัวใช้งานได้จริงบนถนนหลวง และ ตอนเปลี่ยนรถก็ได้เทสอีกคันเป็นตัว KLX230R เวอร์ชันอัพเกรดรองรับการแข่งที่มาพร้อมกับราคาย่อมเยาว์ ซึ่งผลการทดสอบจะเป็นอย่างไร เรามาว่ากันเลยครับ
อย่างไรก็ดีด้วยความจำกัดในเรื่องเวลา กับจำนวนรถที่มีให้ทดสอบ ทำให้บรรดาสื่อมวลชนจะได้ทดสอบรถ 2 ใน 4 คัน ใน Session การทดสอบ 15 นาที จากที่มีให้ โชคดีที่เรา ได้มีโอกาสเลือกรถก่อนเป็น KLX230 SE ABS ที่เป็นรุ่นท็อปของตัวใช้งานได้จริงบนถนนหลวง และ ตอนเปลี่ยนรถก็ได้เทสอีกคันเป็นตัว KLX230R เวอร์ชันอัพเกรดรองรับการแข่งที่มาพร้อมกับราคาย่อมเยาว์ ซึ่งผลการทดสอบจะเป็นอย่างไร เรามาว่ากันเลยครับ
 เริ่มจาก KLX 230 SE ABS ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์โดดเด่นต่างๆดังนี้
เริ่มจาก KLX 230 SE ABS ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์โดดเด่นต่างๆดังนี้

ไฟหน้าแบบหลอด ทรงเหลี่ยม และไฟเลี้ยว ทรงอนุรักษ์นิยม แบบ KLX 250 แต่โคมเป็นสีส้ม

ด้วยสไตล์รถเอ็นดูโร สายลุย ก็จะใช้ล้อแบบซี่ลวด ด้านหน้าขนาด 21″ และหลัง 19″

มิติรถ
ยาวxกว้างxสูง = 2,105 x 940 x 1,190 มม. (ส่วนรุ่น Standard จะมีตัวเลขมิติ ยาวxกว้างxสูง = 2,105 x 940 x 1,190 มม.)

น้ำหนักตัว 135 กก. (ส่วนรุ่น Standard จะมีน้ำหนักตัว อยู่ที่ 133 กก.)

เบาะสูง 885 มม.
ถังน้ำมันเหล็กความจุ 7.5 ลิตร

ระบบกันสะเทือน โช้กหน้า Telescopic หัวตั้ง

โช้กหลังเดี่ยว วางบนสวิงอาร์ม Unitrak

ระบบเบรกดิสก์ หน้าจานขนาด 265 มม. ใช้คาลิปเปอร์ 2 สูบ
ด้านหลังขนาด 220 มม. จับด้วยคาลิปเปอร์ 1 สูบ
มาพร้อมระบบ ABS ซึ่งถือเป็นรถ Dual Purpose รุ่นแรกที่ติดตั้งระบบ ABS มาให้
(ส่วนรุ่น STD ที่ไม่มี ABS จะใช้จานเบรกหน้าขนาด 240 มม.)

ขุมพลังของ 2019 KLX 230 เป็นเครื่องยนต์สูบเดี่ยว ความจุ 233cc แบบ SOHC 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศ
ทำกำลังสูงสุดที่ 19 แรงม้า (PS)@7,600rp แรงบิดสูงสุด 19.8 นิวตันเมตร@6,100rpm

ไม่เพียงเท่านั้น KLX 230 SE ABS ยังมีจุดเด่น หรือพาร์ทเสริมที่เพิ่มขึ้นมาจากตัว Standard อีก 3 รายการด้วยกันคือ
 สมรรถนะโดยรวมของ KLX 230 SE นั้น หากให้เปรียบเทียบกับตัวรถตระกูล KLX ที่มีขายอยู่แล้วในปัจจุบัน นั่นก็คือฝั่งตัวเล็ก KLX 150 และฝั่งตัวใหญ่คือ KLX 250 เราสามารถบอกได้เลยว่าเจ้า 230 คันนี้นั้น ถูกออกแบบมาให้อยู่จุดกึ่งกลางค่อนไปทางบนได้พอดิบพอดี เพราะในฝั่งของเครื่องยนต์ ที่แม้จะเป็นหม้อลม แคมเดี่ยว 2 วาล์ว แต่พละกำลัง หรือเรี่ยวแรงที่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้น-ถึงกลาง จัดว่าทำได้ดีติดมือ น้องๆตัวใหญ่
สมรรถนะโดยรวมของ KLX 230 SE นั้น หากให้เปรียบเทียบกับตัวรถตระกูล KLX ที่มีขายอยู่แล้วในปัจจุบัน นั่นก็คือฝั่งตัวเล็ก KLX 150 และฝั่งตัวใหญ่คือ KLX 250 เราสามารถบอกได้เลยว่าเจ้า 230 คันนี้นั้น ถูกออกแบบมาให้อยู่จุดกึ่งกลางค่อนไปทางบนได้พอดิบพอดี เพราะในฝั่งของเครื่องยนต์ ที่แม้จะเป็นหม้อลม แคมเดี่ยว 2 วาล์ว แต่พละกำลัง หรือเรี่ยวแรงที่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้น-ถึงกลาง จัดว่าทำได้ดีติดมือ น้องๆตัวใหญ่
 ขณะเดียวกันหากพูดถึงเรื่องความคล่องตัว ด้วยความเบาเพียง 135 กิโลกรัม จึงทำให้การเราสามารถพลิกเลี้ยวตัวรถได้อย่างคล่องตัว และสามารถไต่แบงค์ (เนินที่เอาไว้ไต่เลี้ยวในสนามโมโตครอส) ได้อย่างไม่ฝืนโค้งใดๆ ด้านระบบกันสะเทือนก็เซ็ทมาค่อนข้างนิ่ม ยุบ/คืนไว ทำให้เวลาเจอเนินลูกระนาดสามารถขี่รูดได้อย่างสบายใจ รวมถึงที่มีติตัวรถและความกว้างเบาะช่วงหว่างขา ก็จัดว่าบางมากๆ ทำให้สามารถยืนหนีบตัวรถเพื่อล็อคตอนเจอพื้นลื่นๆได้แบบไม่ขืนร่างกายเลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันหากพูดถึงเรื่องความคล่องตัว ด้วยความเบาเพียง 135 กิโลกรัม จึงทำให้การเราสามารถพลิกเลี้ยวตัวรถได้อย่างคล่องตัว และสามารถไต่แบงค์ (เนินที่เอาไว้ไต่เลี้ยวในสนามโมโตครอส) ได้อย่างไม่ฝืนโค้งใดๆ ด้านระบบกันสะเทือนก็เซ็ทมาค่อนข้างนิ่ม ยุบ/คืนไว ทำให้เวลาเจอเนินลูกระนาดสามารถขี่รูดได้อย่างสบายใจ รวมถึงที่มีติตัวรถและความกว้างเบาะช่วงหว่างขา ก็จัดว่าบางมากๆ ทำให้สามารถยืนหนีบตัวรถเพื่อล็อคตอนเจอพื้นลื่นๆได้แบบไม่ขืนร่างกายเลยแม้แต่น้อย
 นอกนั้นในเรื่องของตำแหน่งแฮนด์ พักเท้า หรือท่านั่งโดยรวม ทาง Kawasaki ก็ยังมีความเหมาะเจาะพอดี ช่วยให้นั่หรือยืนควบคุมตัวรถตามลักษณะการใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึงนี่เป็นจุดเด่นที่ทางค่ายทำได้ดีในรถมอเตอร์ไซค์แทบทุกประเภทที่พวกเขาทำขาย ส่วนระบบ ABS ที่หลายคนมองว่ามันอาจจะกวนการกดเบรกหลังเพื่อแถ หรือสไลด์ท้ายตอนเข้าโค้งนั้น ก็หายห่วงได้เลยครับ เพราะทางวิศวกรเซ็ทอัพให้ระบบ ABS ทำงานยากพอสมควร ถ้าไม่กดจนล็อคจริงๆ ระบบป้องกันล้อล็อคที่ว่านี้ ก็จะไม่ทำงานง่ายๆ ดังนั้นเราจึงสามารถหน่วงล้อหลังเพื่อแถท้ายรถแล้วกวาดเข้าโค้งได้อย่างไม่หงุดหงิดใจเลยสักนิด
นอกนั้นในเรื่องของตำแหน่งแฮนด์ พักเท้า หรือท่านั่งโดยรวม ทาง Kawasaki ก็ยังมีความเหมาะเจาะพอดี ช่วยให้นั่หรือยืนควบคุมตัวรถตามลักษณะการใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึงนี่เป็นจุดเด่นที่ทางค่ายทำได้ดีในรถมอเตอร์ไซค์แทบทุกประเภทที่พวกเขาทำขาย ส่วนระบบ ABS ที่หลายคนมองว่ามันอาจจะกวนการกดเบรกหลังเพื่อแถ หรือสไลด์ท้ายตอนเข้าโค้งนั้น ก็หายห่วงได้เลยครับ เพราะทางวิศวกรเซ็ทอัพให้ระบบ ABS ทำงานยากพอสมควร ถ้าไม่กดจนล็อคจริงๆ ระบบป้องกันล้อล็อคที่ว่านี้ ก็จะไม่ทำงานง่ายๆ ดังนั้นเราจึงสามารถหน่วงล้อหลังเพื่อแถท้ายรถแล้วกวาดเข้าโค้งได้อย่างไม่หงุดหงิดใจเลยสักนิด
 ต่อกันที่ KLX230R ซึ่งเป็นเวอร์ชันตัวแข่ง และจดทะเบียนไม่ได้นั้น จะถูกตัดทอนชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้งไปทั้งหมด แล้วแทนที่ด้วยบอดี้พาร์ทที่เหมาะกับการใช้งานแนวโมโตครอสมากขึ้นทั้ง
ต่อกันที่ KLX230R ซึ่งเป็นเวอร์ชันตัวแข่ง และจดทะเบียนไม่ได้นั้น จะถูกตัดทอนชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้งไปทั้งหมด แล้วแทนที่ด้วยบอดี้พาร์ทที่เหมาะกับการใช้งานแนวโมโตครอสมากขึ้นทั้ง
แผ่นพลาสติกปิดหมายเลขด้านหน้าที่ถูกใช้แทนกรอบไฟหน้าของเดิม
ถอดชุดมาตรวัดเดิมออกไป และเหลือไว้แค่เพียงสวิทช์เปิด/ปิดระบบไฟตัวรถตรงกลาง ส่วนประกับแฮนด์ซ้าย ก็ถูกแทนที่ด้วยสวิทช์ดับเครื่อง แน่นอนว่าประกับขวาก็ถูกถอดออกแล้วถูกประจำการด้วยสวิทช์สตาร์ทเครื่องยนต์แทน
ถังน้ำมันพลาสติกแบบใหม่ น้หนักเบา และให้ขนาดความจุเพียง 6.6 ลิตร
 ระบบกันสะเทือนหน้า/หลังเซ็ทใหม่ และเพิ่มช่วงยุบ รวมถึงเพิ่มความสูงให้มากขึ้นกว่าตัวใช้งานบนถนน
ระบบกันสะเทือนหน้า/หลังเซ็ทใหม่ และเพิ่มช่วงยุบ รวมถึงเพิ่มความสูงให้มากขึ้นกว่าตัวใช้งานบนถนน
สวิงอาร์มหลังเปลี่ยนใหม่เป็นแบบอลูมิเนียม
 และสุดท้ายคือเครื่องยนต์สูบเดี่ยว ความจุ 233cc แบบ SOHC 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ลูกเดียวกับ KLX230 SE ABS แต่ถูกปรับจูนใหม่ให้ ทำกำลังสูงสุดได้มากขึ้นเป็นที่ 20 แรงม้า (PS)@8,000rpm กับแรงบิดสูงสุดอีก 20.6 นิวตันเมตร@6,000rpm
และสุดท้ายคือเครื่องยนต์สูบเดี่ยว ความจุ 233cc แบบ SOHC 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ลูกเดียวกับ KLX230 SE ABS แต่ถูกปรับจูนใหม่ให้ ทำกำลังสูงสุดได้มากขึ้นเป็นที่ 20 แรงม้า (PS)@8,000rpm กับแรงบิดสูงสุดอีก 20.6 นิวตันเมตร@6,000rpm
แน่นอนว่าหากพูดถึงฟีลลิ่งของ KLX 230 R ซึ่งเปรียบเสมือนการเอา KLX 230 SE มาตัดออพชันที่ไม่จำเป็นต่างๆออกไป แล้วเสริมด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนบางอย่างและเซ็ทอัพตัวรถใหม่ให้เหมาะกับการแข่งขันมากขึ้นดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้สัมผัสแรกตอนขึ้นคร่อม เราสามารถจับได้ทันทีเลยว่า เจ้า “R” คันนี้ มีทั้งความสูง, ความเบา, และความเฟิร์มของช่วงล่าง มีความแตกต่างจากตัวถนนอย่างชัดเจน
 และเมื่อเราได้ลองสตาร์ทรถขี่ออกไปแล้ว เราก็สามารถจับความรู้สึกได้เพิ่มเติมอีกว่า อัตราเร่งของเจ้า 230R ค่อนข้างดุดันมากขึ้น ซึ่งก็เป็นเพราะว่าอัตราทดขั้นสุดท้าย (ฟันสเตอร์หน้า/หลัง) ของมันถูกทดให้จัดขึ้นกว่าตัวแสตนดาร์ดพอสมควร, น้ำหนักตัวที่หายไปอีกถึง 20 กิโลกรัม, และเครื่องยนต์ที่ถูกปรับจูนให่ให้เค้นกำลังได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่เราต้องเปิดคันเร่งเพื่อกระชากล้อ หรือตะกุยตัวเองออกจากโค้ง ไปจนถึงการปีนเนินโดด เจ้า “R” คันนี้จึงให้ความสนุกสนานตอนเปิดคันเร่งที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
และเมื่อเราได้ลองสตาร์ทรถขี่ออกไปแล้ว เราก็สามารถจับความรู้สึกได้เพิ่มเติมอีกว่า อัตราเร่งของเจ้า 230R ค่อนข้างดุดันมากขึ้น ซึ่งก็เป็นเพราะว่าอัตราทดขั้นสุดท้าย (ฟันสเตอร์หน้า/หลัง) ของมันถูกทดให้จัดขึ้นกว่าตัวแสตนดาร์ดพอสมควร, น้ำหนักตัวที่หายไปอีกถึง 20 กิโลกรัม, และเครื่องยนต์ที่ถูกปรับจูนให่ให้เค้นกำลังได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่เราต้องเปิดคันเร่งเพื่อกระชากล้อ หรือตะกุยตัวเองออกจากโค้ง ไปจนถึงการปีนเนินโดด เจ้า “R” คันนี้จึงให้ความสนุกสนานตอนเปิดคันเร่งที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงเท่านั้น ในส่วนของระบบกันสะเทือนที่แม้ว่าจะสูง และมีช่วงยุบมากกว่า แต่หากพูดถึงเรื่องความแข็ง หรือความหนืด ในการยืด/ยุบ ตัวของโช้กกลับมีแน่นกว่า ทำให้เวลาเราโดดเนินสูงๆไปแล้วตัวรถจะมีความนิ่ง และเวลาที่ต้องสาดโค้งด้วยการไต่แบงค์ ตัวรถก็สามารถทรงตัวได้ดีกว่าตัวสแตนดาร์ดหรือ ABS เช่นกัน นอกนั้นในเรื่องของความคล่องตัวก็คงไม่ต้องพูดถึงให้มากความครับ มันดีกว่าตัว 230 SE ขึ้นมาอีกระดับแน่นอน
 สรุป รีวิว Kawasaki KLX 230 SE ABS ในครั้งนี้ ที่พร้อมเปิดตัวออกมาใหม่นั้น แม้จะมีเเครื่องยนต์แบบสูบเดียว แควเดี่ยว 2 ลาล์ว แถมยังระบายความร้อนด้วยอากาศ แต่มันถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวเอนดูโร่ ที่ให้ความสนุกสนานในเรื่องพละกำลังและอัตราเร่งได้ดีไม่แพ้รุ่นใหญ่กว่าอย่าง KLX250 ขณะเดี่ยวกันหากพูดถึงเรื่องความคล่องตัว เจ้า 230 นี้เองก็ทำได้ดีไม่แพ้รุ่นเล็กกว่าอย่าง KLX150BF เช่นกัน ดังนั้น KLX230 SE จึงเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างทั้งสองรุ่นที่เรากล่าวมาได้อย่างพอดิบพอดีมากๆ ดังนั้นหากเพื่อนๆมองว่ากับตัวเลขราคาที่ตั้งเอาไว้ 1.33 แสนบาทนั้นสูงเกินไปล่ะก็ ลองมาทดสอบดูครับ แล้วอาจจะคิดใหม่ก็ได้
สรุป รีวิว Kawasaki KLX 230 SE ABS ในครั้งนี้ ที่พร้อมเปิดตัวออกมาใหม่นั้น แม้จะมีเเครื่องยนต์แบบสูบเดียว แควเดี่ยว 2 ลาล์ว แถมยังระบายความร้อนด้วยอากาศ แต่มันถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวเอนดูโร่ ที่ให้ความสนุกสนานในเรื่องพละกำลังและอัตราเร่งได้ดีไม่แพ้รุ่นใหญ่กว่าอย่าง KLX250 ขณะเดี่ยวกันหากพูดถึงเรื่องความคล่องตัว เจ้า 230 นี้เองก็ทำได้ดีไม่แพ้รุ่นเล็กกว่าอย่าง KLX150BF เช่นกัน ดังนั้น KLX230 SE จึงเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างทั้งสองรุ่นที่เรากล่าวมาได้อย่างพอดิบพอดีมากๆ ดังนั้นหากเพื่อนๆมองว่ากับตัวเลขราคาที่ตั้งเอาไว้ 1.33 แสนบาทนั้นสูงเกินไปล่ะก็ ลองมาทดสอบดูครับ แล้วอาจจะคิดใหม่ก็ได้
 ในขณะที่ฝั่ง KLX230R นั้น แม้จะถูกตัดทอนของหลายอย่างออกไป แต่ก็เพื่อให้มันสามารถใช้งานในเชิงแข่งขัน หรือบุกตะลุยแบบจริงจังได้มากขึ้น ซึ่งก็อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นว่ามันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นหากเพื่อนๆกำลังมองหารถโมโตครอสที่เอาไว้ขี่กึ่งเล่นกึ่งจริงในป่าเขาหลังบ้านตัวเองอยู่ละก็ การนำเม็ดเงินจำนวน 1.25 แสนบาท มาซื้อเจ้านี้ไปใช้งานในรูปแบบดังกล่าวก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจเช่นกัน (ขี่สนุกกว่า แต่ก็ถูกกว่า KLX230 SE ABS อีกแหน่ะ ฮ่าๆ)
ในขณะที่ฝั่ง KLX230R นั้น แม้จะถูกตัดทอนของหลายอย่างออกไป แต่ก็เพื่อให้มันสามารถใช้งานในเชิงแข่งขัน หรือบุกตะลุยแบบจริงจังได้มากขึ้น ซึ่งก็อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นว่ามันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นหากเพื่อนๆกำลังมองหารถโมโตครอสที่เอาไว้ขี่กึ่งเล่นกึ่งจริงในป่าเขาหลังบ้านตัวเองอยู่ละก็ การนำเม็ดเงินจำนวน 1.25 แสนบาท มาซื้อเจ้านี้ไปใช้งานในรูปแบบดังกล่าวก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจเช่นกัน (ขี่สนุกกว่า แต่ก็ถูกกว่า KLX230 SE ABS อีกแหน่ะ ฮ่าๆ)

ทิ้งท้ายกันอีกนิด กับตัวเลขของอีก 2 รุ่นที่เหลือที่เราไม่ได้ทำการรีวิวในครั้งนี้ นั่นก็คือ Kawasaki KLX230 STD : 120,000 บาท และ ในฝั่งของ Kawasaki KLX300R : 200,000 บาท โดยทั้งหมดนี่เป็นราคาช่วงแนะนำ แต่จะตรึงไว้ถึงเมื่อไหร่นั่น เราจะมาอัพเดทให้ทราบกับอีกครั้งเมื่อมีข้อมูลจากทาผู้บริหารครับ 
อ่านข่าวสาร Kawasaki เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

 
									 
					





