เปิดเรื่องราว “Honda Africa Twin” ราชันย์ทะเลทรายจากยุค 80’s

0

ผ่านไปเกือบ 5 เดือน นับตั้งแต่เผยโฉมครั้งแรกในโลกที่อิตาลี ในที่สุดตอนนี้ All-New Honda Africa Twin 1100 ก็ถูกเปิดตัวในบ้านเราอย่างเป็นทางการจนได้ ซึ่งไหนๆมันก็เปิดมาพร้อมกับธีม “ราชันย์แห่งทะเลทราบ” กันแล้ว เรามาดูกันหน่อยดีกว่าครับว่า เจ้านี่มีความเป็นมาอย่างไรบ้างก่อนที่จะกลายมาเป็น CRF1100L อย่างที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน

1988-Honda-NXR750-Dakar-Rally
“Africa Twin” ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกบนโลกโดยมีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากตัวแข่งแชมป์ดาการ์แรลลี ปี 1986 “Honda NXR750” ซึ่ง 2 ปีหลังจากก็คือปี 1988 ทาง Honda ก็ได้ทำการคลอดเจ้าแอฟริกาทวินรุ่นแรกออกมาในชื่อ XRV650 รหัส RD-03 เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จนั้นตามกระแสเรียกร้องจากลูกค้าที่ติดตามการแข่งขันสุดโหดนี้อยู่ไม่ห่าง

1988 Honda XRV650 Africa Twin [RD-03]

1988 Honda XRV650 Africa Twin [RD-03]

โดยแม้เครื่องยนต์ของ XRV650 จะเป็นแบบ 650cc V-Twin ที่มีขนาดเล็กกว่าคันต้นแบบ แต่ดีไซน์ภายนอกของมัน Tomonon Mogi ดีไซน์เนอร์หัวหน้าโปรเจคท์ก็ได้จัดแจงเอาจุดเด่นและเส้นสายของตัวแข่งที่ว่ามาใส่ในรถขายจริงแทบทั้งหมด โดยเแพาะกับลักษณะของแฟริ่งช่วงครึ่งหน้าที่มาพร้อมกับชุดโคมไฟกลมคู่ 2 ดวงพร้อมตะแกรงกันหินดีด, ชุดโช้กหน้าตะเกียบคุ่หัวตั้งพร้อมยางหุ้มแกนโช้ก, ชิ้นการ์ดครอบปลอกโช้กด้านล่างและจานเบรก, แครงก์ล่าง, และที่ขาดไม่ได้คือชุดสีไตรคัลเลอร์ฉบับ Honda Racing Corporation เนื่องจากมันคือโมเดลที่ทาง HRC เป็นผู้พัฒนาด้วยตนเอง

ส่วนสเปคข้อมูลทางเทคนิคของมันก็จะต้องเริ่มจากเครื่องยนต์ V-Twin ทำมุม 52 องศา, SOHC, 6 วาล์ว (3 วาล์วต่อสูบ), ขนาดความจุจริง 647cc ซึ่งนอกจากความจุจะเล็กลงแล้ว มันยังได้รับการปรับจูนใหม่เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างทนทานมากยิ่งขึ้น ดังนั้นกำลังสูงสุดของมันจึงถูกจำกัดไว้แค่เพียง 57 bhp ที่ 8,000 รอบ/นาที, ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด และคลัทช์มือ กับชุดโซ่ขับ

ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้า ก็จะเป็นแบบตะเกียบคู่หัวตั้ง ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร ระยะยุบ 230 มิลลิเมตร จาก Showa, ด้านหลังโมโนช็อคพร้อมกระเดื่องทดแรง Pro-link ระยะยุบ 210 มิลลิเมตร, ระบบเบรกที่ให้มาก็เป็นแบบดิสก์เดี่ยว ขนาด 296 มิลลิเมตร และ 240 มิลลิเมตร ตามลำดับหน้า/หลัง, เบาะสูง 880 มิลลิเมตร และ มีถังน้ำมันขนาดความจุ 25 ลิตร กับน้ำหนักตัวรวมของเหลวพร้อมขี่ที่ 220 กิโลกรัม

1990 Honda XRV750 Africa Twin [RD-04]

1990 Honda XRV750 Africa Twin [RD-04]

หลังจากนั้นไม่นานนักในปี 1990 เจ้า Africa Twin ก็ได้รับการปรับโฉมอีกครั้ง ซึ่งแม้จะไม่ได้ถูกพัฒนาโดยตรงกับ HRC อีกต่อไปแล้ว แต่มันก็เปลี่ยนไปใช้ชื่อรุ่นว่า XRV750 รหัสโมเดล RD-04 เนื่องจากมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ถูกการปรับปรุงชิ้นส่วนภายในพร้อมขนาดความจุใหญ่กว่าเดิมเป็น 742cc ใกล้เคียงรถต้นแบบจนดูน่าสนใจกว่าเดิม ส่งผลให้พละกำลังสูงสุดของมันขยับขึ้นไปเป็น 62 hp ที่ 7,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดอีก 62 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที นอกนั้นระบบส่งกำลังก็ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนมากมายเท่าไหร่นัก

ด้านฝั่งระบบเบรกของ RD-04 คันนี้ กลับมีการอัพเกรดขึ้นมาอีกพอสมควร เพราะทาง Honda เลือกเปลี่ยนไปใช่แบบดิสก์คู่ด้านหน้า ขนาด 276 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังแม้จะยังเป็นแบบดิสก์เดี่ยวเช่นเดิม แต่ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 256 มิลลิเมตร, ฝั่งระบบกันสะเทือนด้านหน้าก็เป็นแบบตะเกียบคู่หัวตั้ง ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร ระยะยุบ 220 มิลลิเมตร แต่มีการเพิ่มระบบ Air Assisted เข้าไป เพื่อให้โช้กทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นุ่มนวลยิ่งขึ้น ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหลัง ในภาพรวมยังคล้ายโฉมก่อน แต่มีการเพิ่มฟังก์ชันการปรับคอมเพรสชันมาให้ กับระยะยุบอีก 214 มิลลิเมตร, เบาะสูง 880 มิลลิเมตร, ถังน้ำมัน 24 ลิตร และน้ำหนักตัวเมื่อรวมของเหลวอีก 209 กิโลกรัม

แต่ก่อนจะปิดสายการผลิตเจ้า Africa Twin รุ่นที่ 2 นี้ไป ทาง Honda ก็ได้มีการเพิ่มระบบ Tripmaster อันซึ่งเป็นระบบสมองกลไว้คำนวนระยะทาง, เวลา, และความเร็วในแบบดิจิตอลยุคแรกๆ เพื่อจำลองกลิ่นอายระบบที่นักแข่ง Dakar ยุคนั้นใช้ในการคำนวนเส้นทางจากจุดสตาร์ทไปยังเส้นชัย ซึ่งต่อมามันก็กลายเป้นเทคโนโลยีที่ถูกส่งต่อไปยังน้องๆรุ่นหลัง และค่ายอื่นๆก็เริ่มนิยมใช้ด้วยเช่นกันในที่สุด

1993 Honda XRV750 Africa Twin [RD-07]

1993 Honda XRV750 Africa Twin [RD-07]

ต่อมา 1993 Africa Twin XRV750 รหัส RD-07 ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยการเน้นงานออกแบบให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง ยกตัวอย่างเช่นการลดความสูงเบาะให้เหลือ 860 มิลลิเมตร ลดน้ำหนักลงอีกจนเหลือ 205 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อประกอบกับการพัฒนาชุดเฟรมใหม่จึงช่วยให้ตัวรถสามารถควบคุมได้ง่ายและคล่องตัวยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโชชน์อย่างมากเวลาที่ผู้ใช้ต้องขี่รถลุยอุปสรรคต่างๆบนถนนทุรกันดาร

ด้านชิ้นแฟริ่งรอบคัน แม้จะยังมีเส้นสายที่คล้ายเดิม แต่ก็ถูกปรับเพิ่มให้ตัวรถดูมีความโค้งมน แต่ก็ดูบึกบึนมากยิ่งขึ้น ส่วนแรงม้าสูงสุดนั้นก็ถูกปรับลดลงเล็กน้อยเหลือ 59 HP ทว่าฝั่งของแรงบิดยังคงเท่าเดิม นอกนั้นถังน้ำมันเองก็ยังเล็กลงด้วยคือถูกปรับให้เหลือเพียง 23 ลิตร และจุดเด่นสุดท้ายของเจ้า RD-07 คันนี้ก็คือเรื่องของความอึด ถึกและทนสุดๆ ของมันนั่นเอง

1996 Honda XRV750 Africa Twin [RD-07A]

1996 Honda XRV750 Africa Twin [RD-07A]

มาต่อกันด้วย Africa Twin โฉมสุดท้ายก่อนปิดซีรียส์ XRV750 นั่นก็คือตัวรถปี 1996-2003 ที่ใช้รหัสว่า RD-07A ซึ่งถือเป็นตัวปรับโฉมแบบ Facelift ของรุ่นก่อนหน้า โดยจะเน้นการปรับช่วงหน้าตัรถให้ดูดุดันขึ้นอีกเล็กน้อย ปรับปรุงชิ้นส่วนหลักต่างๆให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และปรับเบาะนั่งให้ผู้ขี่รู้สึกสบายกว่าเดิม แต่ก็แลกมาซึ่งความสูงเบาะที่ขยับขึ้นอีกเป็น 870 มิลลิเมตร และถูกยุติสายการผลิตตอนปี 2003 ไปในที่สุด

2016 Honda CRF1000L Africa Twin [SD04]

2016 Honda CRF1000L Africa Twin [SD04]

ผ่านไป 10 กว่าปี ด้วยกระแสความนิยมของรถแอดเวนเจอร์ไบค์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆจึงทำให้ทาง Honda มีแนวคิดที่อยากจะเอาชื่อขง Africa Twin กลับมาโลดแล่นในตลาดโลกอีกครั้ง จึงกลายเป็น 2016 Honda Africa Twin รหัส SD04 ราชันย์แห่งทะเลทรายยุคปัจจุบันที่มีแค่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น ที่ทำให้เราจำกลิ่นอายด้งเดิมของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้ แต่โครงสร้างพื้นฐานและทุกอย่างที่ประกอบรวมร่างขึ้นมานั่น ล้วนเป็นของสมัยใหม่ทั้งหมด

ไล่ตั้งแต่ชุดเฟรมแบบโครงเหล็กเปลล่างคู่ อันถูกออกแบบให้รองรับกับเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ช่วงชักยาว 998cc ที่สามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ถึง 95 PS ที่ 7,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดอีก 99 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที ซึ่งมากกว่าปู่ๆของมันถึงเกือบเท่าตัว ไม่เพียงเท่านั้นยังมีระบบแทรคชันคอนโทรล, ABS ที่สามารถเปิด/ปิดได้, คันเร่งไฟฟ้า, Riding Mode (2 อย่างหลังเพิ่มมาตอนช่วงปี 2018) รวมถึงระบบเกียร์ DCT หรือคลัทช์คู่ ที่ไม่เคยมีรถมอเตอร์ไซค์ในพิกัดนี้ใช้มาก่อนติดตั้งเอาไว้ด้วย เพื่อให้ผู้ขี่สะดวกสบายสุดๆในยามใช้งาน

ด้านระบบกันสะเทือนของมันเองก็เป็นแบบโช้กหน้าตะเกียบคู่หัวกลับ ปรับเซ็ทได้เกือบทุกค่า ที่ให้ช่วงยุบยาวสะใจถึง 230 มิลลิเมตร, ส่วนด้านหลังแม้จะยังเป็นโช้กเดี่ยวทำงานร่วมกับสวิงอาร์มและระบบกระเดื่อง Pro-Link แต่ก็สามารถยืดยุบได้ถึง 220 มิลลิเมตรด้วยเช่นกัน ทว่านั่นก็ทำให้เบาของมันต้องขยับขึ้นไปสูงถึง 870 มิลลิเมตร (และ 850 มิลลิเมตร หากปรับเบาะไว้ที่ระดับต่ำสุด), ระบบดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มิลลิเมตร ที่ทำงานร่วมกับเรเดียลเมาท์คาลิปเปอร์ 4 พอร์ทด้านหน้า กับระบบดิสก์เบรกเดี่ยว 256 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับโฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 1 พอร์ทด้านหลัง, และถังน้ำมันอีก 18.8 ลิตร กับน้ำหนักตัวอีก 230-240 กิโลกรัม แล้วแต่ระบบส่งกำลังที่ลูกค้าเลือกซื้อ

2018 Honda CRF1000L2 Africa Twin - Adventure Sports [SD04]

2018 Honda CRF1000L2 Africa Twin – Adventure Sports [SD04]

พอเข้าสู่ปีปลาย 2017 ทาง Honda ก็ได้เสริมทัพ Africa Twin ให้แข็งแกร่งและครอบคลุมขึ้นอีกขั้นด้วยการเปิดตัว CRF1000L เวอร์ชันขุนกล้ามให้แน่นปึ๊กมากขึ้นจนกลายเป็น 2018 Honda CRF1000L2 Africa Twin – Adventure Sports ซึ่งยังคงใช้รหัส SD04 เช่นเดิม แต่จุดเด่นของเจ้านี่เมื่อเทียบกับ “L” ที่ต่างออกไปก็คือ ขยายความจุถังน้ำมันจาก 18 ไปเป็น 24 ลิตร, วินชิลด์หน้าสูงกว่าเดิม, เบาะนั่งแบนราบกว่าเดิมช่วยให้นั่งสบายยิ่งขึ้น, ติดตั้ง Crash Bar มาให้, มี Heat Grip ให้มาเป็น STD, ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่, พักเท้าใหม่, ช่วงล่างที่สูงกว่าเดิม, แบตแบบ Li-ion น้ำหนักเบา, และ คันเร่งไฟฟ้ามาพร้อม 3 Engine Map และ TCS 7 ระดับ ซึ่งกลายเป็นออพชันพื้นฐานของ CRF1000L รุ่นปี 2018+ เช่นกัน

 2020 Honda CRF1100L Africa Twin 1100 / Honda CRF1100L2 Africa Twin - Adventure Sport [SD10]

2020 Honda CRF1100L Africa Twin 1100 / Honda CRF1100L2 Africa Twin – Adventure Sport [SD10]

และโมเดลใหม่ล่าสุดของตระกูล Africa Twin อย่าง CRF1100L และ CRF1100L2 รหัส SD10 ที่พึ่งเปิดตัวในบ้านเราอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ซึ่งจะให้เรียกว่าเป็นโมเดล All-New ของ CRF1000L/CRF1000L2 ก็ได้ เพราะทุกชิ้นส่วนล้วนได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชุดเมนเฟรมที่ถูกไล่เบาและเปลี่นซับเฟรมใหม่ให้เป็นแบบถอดแยกได้, เครื่องยนต์บล็อคใหม่ที่มีขนาดความจุใหญ่กว่าเดิมเป็น 1,084cc จนสามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ 102 PS ที่ 7,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุดอีก 105 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบ/นาที รวมถึงการเสริมระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้สุดขึ้นไปอีกขั้นทั้ง Cornering ABS, Cornering Light (L2), โช้กไฟฟ้า (L2), และหน้าจอมาตรวัดแบบสัมผัสครั้งแรกในโลก ซึ่งหากเพื่อนๆสนใจอยากทราบข้อมูลของมันเพิ่มอีก ก็สามารถคลิกอ่านแบบละเอียดๆอีกทีทั้งของ CRF1100L และ CRF1100L2 ตรงนี้ได้เลยครับ

อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!