Maverick Vinales นักแข่งมอเตอร์ไซค์สัญชาติสเปนแห่งทีมโรงงาน Yamaha ผู้ที่กำลังประสบปัญหาดราม่าอย่างหนัก หลังจากที่ในการแข่งขัน MotoGP รายการที่ผ่านมาเมื่ออาทิตย์ก่อนอย่าง StyriaGP เจ้าตัวดูจะมีปัญหากับรถแข่งก่อนที่จะเริ่มการแข่งขัน ซึ่งเราก็คิดว่านั่นเป็นเพียงการขัดข้องทางเทคนิค แต่มันดันมีอะไรมากกว่านั้น เนื่องจากในเวลาถัดมา ทางทีมโรงงานก็ได้ออกมาประกาศว่า Vinales จะไม่ได้ลงแข่งขันในรายการ AustrianGP ที่จะถึงนี้เนื่องมาจากพฤติกรรมของนักแข่งเอง(อ่านที่นี่) จนในเวลาต่อมาก็มีนักแข่งรายอื่นออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าว ทั้ง Valentino Rossi อดีตเพื่อนร่วมทีมและ Aleix Espargaro คนที่อาจจะได้กลายเป็นเพื่อนร่วมทีมในอนาคต(อ่านที่นี่) ซึ่งถึงตรงนี้ คนดูอย่างเราก็เริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วว่าตกลงมันเกินอะไรขึ้นในพิตยามาฮ่ากันแน่ จนมีการเปิดเผยคลิปการแข่งขันรอบสุดท้ายเข้า Vinales ที่ดูแล้วเจ้าตัวจะดูไม่มีความพยายามในการแข่งเท่าที่ควร(อ่านที่นี่) ถึงแม้กระแสเรื่องนี้จะลามอย่างหนักแต่ Maverick Vinales ก็ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใด หรืออธิบายเรื่องราวฝั่งของตัวเอง จนล่าสุดนักแข่งรายนี้ก็ได้โพส IG Story ที่มีข้อความว่า “วันนี้จากอีกฝั่ง ผมจะมาอธิบายรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” ถ้าหากมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับดราม่านี้ รวมถึงเรื่องราวในวงการ Motosport ทางเรา MotoRival จะรายงานให้ทุกคนได้ทราบเช่นเคย อ่านข่าวสาร…
Author: Kristha
Yamaha จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีเรดาร์เตือนมุมอับสายตา รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ชนิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามเทรนการพัฒนารถจักรยานยนต์สมัยใหม่ที่เริ่มรับเทคโนโลยีตัวช่วยการขับขี่ และควาปลอดแบบเดียวกับที่มีใช้บนรถยนต์ ที่เราเริ่มเห็นกันมาบ้างแล้วในรถประเภททัวริ่ง ไม่ว่าจะเป็นครูสคอนโทรล ตัวช่วยออกตัวทางลาดชัน หรือแม้แต่ถุงลมนิรภัย Yamaha ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีตาม BMW, Ducati, KTM ไปติด ๆ โดยหากอ้างอิงจากเอกสารที่ได้ทำการจดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่น จะพบว่าทางค่ายไม่ได้แค่กำลังพัฒนาระบบเรดาร์เพื่อตรวจจับวัฒถ6รอบคันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสื่อสารกันเองระหว่างพาหนะหรือที่เรียกว่า Vehicle-to-Vehicle เพื่อนเพิ่มความสามารถในการรับรู้ข้อมูลของสภาพแวดล้อมโดยการใช้รถคันอื่นเป็นตัวช่วย แต่เราขอบอกไว้ก่อนว่า ถึงแม้รถที่เห็นในรูปจะเป็น YZF-R1 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระบบต่าง ๆ ที่ได้เห็นนั้นจะถูกนำมาลงให้กับรถคันดังกล่าว และอีกส่วนของสิทธิบัตรที่น่าสนใจก็คือ Yamaha ต้องการที่จะพัฒนา “ระบบการเตือนผู้ขับขี่” ที่มีความเหมาะสมกับรถมอเตอร์ไซค์มากขึ้น เนื่องจากระบบการเตือนอันตรายต่าง ๆ ที่มีในรถยนต์นั้นแทบจะไม่สามารถใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ได้เลย ยกตัวอย่างเช่นการเตือนด้วยเสียงก็ทำไม่ได้ เนื่องไม่ได้อยู่ในห้องเงียบแบบเดียวกับรถยนต์ หรือการเตือนด้วยข้อความหรือบอกตำแหน่งวัตถุในจอแสดงผลขนาดใหญ่แบบรถยนต์ก็ทำไม่ได้เช่นกัน โดยตัวอย่างของระบบช่วยเหลือที่เรามีข้อมูลนั้นก็มีทั้ง ระบบเตือนมุมอับสายตาที่ทำงานร่วมกับเรดาห์ ที่จะมีการแสดงสัญลักษณ์ไฟกระพริบที่กระจกมองข้างแบบเดียวกับรถยนต์ ซึ่งการแจ้งเตือนที่ตัวกระจกนั้นก็สามารถทำการเตือนข้อมูลแบบอื่นให้ผู้ขับได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นเขตจำกัดความเร็ว หรือระบบการเตือนอันตรายรูปแบบต่าง ๆ ด้วยแถบไฟ LED ที่ติดอยู่ในจุดที่ผู้ขับขี่สังเกตได้ เช่นที่ขอบของชิลด์หน้า ที่จะกระพริบหรือเปลี่ยนสี…
Ducati 860-E รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า EV คันใหม่จาก Italdesign สำนักออกแบบรถ Supercar/Hypercar ชื่อดังจากอิตาลี ที่สนใจนำแรงบรรดาลใจจากรถในตำนานอีกคันอย่าง Ducati 860 GT มาเป็นต้นแบบของเส้นสาย ผสมเข้ากับความเรียบง่าย โมเดิร์น ดูล้ำสมัยแต่สะอาดตา Ducati 860-E ที่มีต้นแบบมาจากรถเก่าปี 1975 คันนี้ ถ้าไม่นับเรื่องของงานออกแบบที่มีเส้นสายคล้ายคลึงของเดิมแล้ว ก็ถือว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางวิศวกรรมอะไรกับรถที่เป็นแรงบรรดาลใจของมันเลย เริ่มต้นแต่ระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% ที่ทางค่ายไม่ได้บอกสเปคอะไรเราเลยทั้งสิ้น, ไฟ DRL ทางกลม ให้ความรู้สึกเหมือนไฟหน้าแบบคลาสสิก, ระบบกันสะเทือนหน้าหัวกลับสีทอง ที่ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นชื่อแบรนด์ แต่เราก็พอเดาได้ว่ามาจากไหน, สวิงอาร์มแขนเดี่ยว ที่มีบังโคลนหลังแปลกตาจนน่าตกใจ โดยทาง Italdesign ได้อธิบายว่า “รถคันนี้มันดูล้ำสมัย และอาจจะบอกได้ว่าล้ำไปกว่ายุคที่มันถูกสร้างขึ้นมาอยู่มาก นั่นคือเหตุผลที่ในวันนี้ 50 ปีให้หลัง นักออกแบบของเราจึงทำการ Re-imagine มันใหม่” แต่เนื่องจาก Italdesign เป็นบริษัทรับจ้างออกแบบ…
Royal Enfield Scrambler ชื่อสมมุติของรถปริศนาที่อยู่ในสภาพ Clay model หรือแบบดินเหนียว ที่มีพื้นฐานมาจากนักปีนเขาค่ายอังกฤษสัญชาติอินเดีย ที่เราตั้งชื่อให้แบบเฉพาะกิจไปก่อนว่า Scrambler เนื่องจากในตอนนี้ยังไม่มีใครที่รู้ถึงชื่อจริงที่จะใช้ในการทำตลาดอย่างเป็นทางการของมัน ซึ่งทางค่ายเองก็อาจจะยังไม่ได้สรุปเรื่องชื่อของมันด้วยซ้ำ แต่วันนี้เราจะมานำเสนอข้อมูลน่าสนใจให้ทุกคนได้ทราบกัน Royal Enfield Scrambler ที่เราเห็นอยู่ด้านล่างคันนี้ เป็นภาพหลุดของรถที่ยังอยู่ในขั้นตอนการปั้นแบบจากดินเหนียว นั่นหมายความว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบ และผลิตจริง เพราะฉนั้นเราจะไม่ได้เห็นมันภายในปลายปีนี้แน่นอน(ยกเว้นว่าภาพนี้จะถูกถ่ายมานานแล้ว หรือทีมพัฒนาทำงานแบบไม่หลับไม่นอน) โดยรูปลักษณ์ของมันจะมาในทรง Scrambler ที่สร้างอยู่บนพื้นฐานของ Royal Enfield Himalayan ตัวลุยคลาสเริ่มต้น ที่มีชื่อเสียงด้านความอึดของทางค่าย สังเกตได้จากเครื่องยนต์ 1 สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ 411cc ที่ให้พละกำลังสูงสุด 24.3Hp@6500rpm และแรงบิด 23.6Nm@4000rpm ในตัว Himalayan ซึ่งอาจจะมีการจูนให้มีตัวเลขต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย รวมถึงเฟรม ท่อไอเสีย ที่ดูเหมือนกับรุ่นพื้นฐานของมันไม่มีผิด Leaked Clay Scale…
รถบิ้กไบค์มือสอง รถบิกไบค์ใช้แล้ว คงเป็นคำที่เราใช้ค้นหาในอินเตอร์เน็ตตอนที่เราอยากได้ของเล่นใหม่ในฝัน หรือรถใช้ในชีวิตประจำวันสักคันมาประจำที่โรงจอดรถ แต่เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยให้ซื้อรถใหม่ วันนี้เราเลยจะมาแนะนำรถมือสอง 5 รุ่นที่เราคิดน่าสนใจ ราคาพอจะเอื้อมถึงได้ และที่สำคัญคือมันดูแพงกว่าราคาที่ซื้อมามาก แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ว่าราคาของรถทุกคันในตลาดนั้นจะต่ำกว่า 2 แสนบาทไปเสียหมด เนื่องจากราคานั้นจะผันแปลตามสภาพรถ ปี เลยไมล์ ของแต่ง และที่สำคัญที่สุดคือความพึงพอใจ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะเจอเนื้อคู่ราคาน่าคบ Kawasaki Z800 รถสามัญประจำบ้านที่ทุกคนต้องเคยเห็น เคยขี่ หรือรู้จักกับคนที่เคยขี่ ข้อดี : เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงเสียงหวานหูแต่นุ่มละมุน, ของแต่งมากมายจากทุกค่าย, เป็นรถเครื่องใหญ่ที่ค่าบำรุงรักษาไม่แรง ข้อเสีย : เบาะนั่งที่สูงกว่าพี่ใหญ่อย่าง Z900/Z1000, น้ำหนักก็มากกว่าพี่ใหญ่ด้วยเช่นกัน หนักพอกับรถแอดเวนเจอร์ทัวริ่ง Ducati Monster 795/796 ผู้บุกเบิกกระแสบิ้กไบค์สมัยใหม่ในประเทศไทย ข้อดี : มันคือ Ducati งานศิลป์ที่ขับไปไหนคนก็รู้จัก, เครื่องยนต์ L-twin มีเอกลักษณ์,…
Aprilia Tuareg 660 ราคา 749,000 บาท กับรถแอดเวนเจอร์-เอนดูโร่สายโดดเนินลุยทราย จากค่ายอิตาลีที่มีชื่อเสียงมาจากการผลิตรถสปอร์ตตัวพันที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในคลาสอย่าง Aprilia ที่คราวนี้จะเป็นการนำเครื่องยนต์สปอร์ตจากพี่น้องของมันอย่าง Aprilia RS 660 และ Tuono 660 มายัดในเฟรมใหม่หมดจด Aprilia Tuareg 660 ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 2 สูบเรียง 659cc ลูกเดียวกับที่วางในรถรหัส 660 ตัวอื่นของค่าย ที่ถูกปรับจูนพละกำลังและแรงบิดให้เหมาะสมกับการใช้งานที่มากขึ้นเป็น 80hp และ 70Nm ที่วางลงบนเฟรมเหล็กใหม่ ซึ่งต่างจากของเดิมที่เป็นเฟรมอลูมีเนียม ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบหัวกลับที่มีระยะยุบมากถึง 240 มม. ทั้งหน้าและหลัง, ล้อก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นล้อลวดวงใหญ่ขนาด 21-18 นิ้ว หน้า-หลังที่รัดด้วยยางหนามพร้อมลุย, น้ำหนักตัวแบบไม่รวมของเหลวอยู่ที่ 187 กก. ซึ่งถือว่าเบาพอสมควรกับรถคลาสนี้ และถังน้ำมันใหญ่จัดที่บรรจุเชื้อเพลิงได้ 18 ลิตร แต่น่าเสียดายเล็กน้อยที่คาลิเปอร์เบรคหน้าไม่ใช่แบบเรเดียลเม้าท์แล้ว(ถึงแม้จะไม่ใช่ประเด็นสำคัญกับรถแนวนี้ก็ตาม) ระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นไปตามยุคสมัย…
Husqvarna Norden 901 จากคอนเซ็ปท์ของรถแอดเวนเจอร์คันงามที่โผล่ในงาน EICMA จากค่ายสวีดิชลูกครึ่งออสเตรีย ที่ใช้พื้นฐานร่วมกับ KTM 890 Adventure โผล่วิ่งทดสอบในต่างประเทศ พร้อมหน้าตาที่เหมือนกับรถ Husqvarna ต้นแบบแทนทุกประการ คาดเตรียมเผยโฉมปลายปีนี้ Husqvarna Norden 901 (ดูภาพ Spyshot ที่นี่) รถแอดเวนเจอร์เอนดูโร่ ที่ถึงแม้ว่าทางค่ายจะไม่เคยทำรถประเภทนี้มากก่อน แต่นี่ก็คงไม่ใช่สไตล์ของรถที่ถือว่าแหวกแนวมากนักสำหรับ Husky ที่เชี่ยวชาญการทำรถสายลุยอยู่แล้ว โดยเราจะสามารถเห็นได้ตั้งแต่ตอนที่เป็นรถต้นแบบ และรถทดสอบว่ามันเป็นรถที่นำพื้นฐานของ KTM 890 Adventure มาใช้อย่างชัดเจนตั้งแต่เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 889cc ที่มีพละกำลัง 103 hp ที่อาจจะมีการจูนพละกำลังเปลี่ยนไปตามการใช้งาน หรือเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่ารุ่นเล็กน้อย, รวมถึงเฟรมเหล็ก, ระบบกันสะเทือน WP ที่แน่นอนว่าเป็นของต้องมีสำหรับรถเครือนี้, ถังน้ำมันขนาดใหญ่สำหรับการเดินทางไกล และล้อซี่ลวดหน้า-หลังที่มีขนาด 21 และ 18 นิ้วตามลำดับ…
มาให้เราเห็นไม่หยุดกันเลยในช่วงนี้ กับมาตราการลดการปล่อยมลพิษของทั้งรัฐบาลในแต่ละประเทศ รวมถึงบริษัทยักา์ใหญ่เจ้าต่าง ๆ ที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ โดยล่าสุดก็ไม่ใช่หน่อยงานรัฐของประเทศไหน แต่เป็นบริษัทยานยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง Yamaha ที่มีแผนการไปสู่เป้าหมาย Yamaha co2 neutral ภายในปี 2050 ซึ่งรายละเอียดแผนการที่ว่าเป็นอย่างไร เราจะมาอธิบายให้ทุกคนได้ทราบกัน ในวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท Yamaha Motor ได้ทำการเปิดแผนการ co2 neutral ที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้สำเร็จภายในปี 2050 โดยเราขออธิบายคำว่า co2 neutral กันก่อนว่ามันไม่ใช่การ “ไม่ปล่อย” co2 หรือก๊าซเรือยกระจกอื่นใดไปสู่ชั้นบรรยากาศเลย(เนื่องจากเป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ หากอิงตามเทคโนโลยีปัจจุบัน) แต่เป็นการปล่อยมลพิษให้น้อยกว่าที่สามารถดึงกลับได้หรือว่าง่าย ๆ ก็คือการทำให้ “เจ๊ากัน” โดยที่มาของมลพิษที่ค่ายรถแบบนี้จะปล่อยออกมาก็มาจาก 2 แหล่งด้วยกันนั่นก็คือ “มลพิษที่ปล่อยออกมาโดยตรงจากขั้นตอนการทำธุรกิจ” ที่เริ่มตั้งแต่ค่าไฟฟ้าในโรงงาน สายการผลิต ไปยันการเผาไหม้เชื้อเพลิงสร้างชิ้นส่วน และอีกส่วนที่ส่งผลกระทบและปล่อยมลพิษเยอะยิ่งกว่าก็คือ “มลพิษที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทปล่อยออกมา” ซึ่งด้วยความที่เป็นบริษัทยานยนต์ที่ทำตั้งแต่รถจักรยานยนต์, เจ็ตสกี,…
MV Series เว็บคอมมิคส์ล่าสุดจากค่ายรถหรูอิตาเลี่ยน? ถึงแม้จะเป็นเรื่องปกติ ที่บางครั้งค่ายรถก็ทำการตลาดแบบไม่ปกติ ไม่ว่าจะในวงการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ก็ตาม ที่ทำให้เราคิดสงสัยว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมีกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร? แต่ถึงกระนั้นการทำการ์ตูนสั้นครั้งนี้ของ MV Agusta ก็เป็นการตัดสินใจที่มีขึ้นเพื่อจะดึงคนรุ่นใหม่ให้มาสนใจรถในตำนานรายนี้ ชุดคอมิค MV Stories ในครั้งนี้เกิดจากการที่ MV Agusta และ Scuola Internazionale di Comics di Reggio Emilia ซึ่งเป็นโรงเรียนกึ่งสตูดิโอวาดการ์ตูนรายหนึ่งในอิตาลีได้ร่วมมือกันสร้างขึ้นมา โดยมี Tommaso De Stefanis เขียน และ Davide Castelluccio วาด เนื้อหาของคอมิคส์ชุดนี้แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับรถของทางค่าย โดยตัวละครที่ขับรถแต่ละรุ่นในเรื่องก็จะมีนิสัยใกล้เคียงกับคาแรคเตอร์ของรถคันนั้น ๆ เช่นตัวละคร Cesare ในคอมิคตอนแรกที่ขับ Turismo Veloce Rosso ก็เป็นคนชอบเที่ยวและใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นต้น โดยความพยายามในการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ของทางค่ายครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็คงต้องดูกันต่อไปเนื่องจากลูกค้าโดยทั่วไปของ MV Agusta นั้นมักจะไม่ใช้กลุ่มวัยรุ่นที่สนใจคอมิคแนวนี้เท่าไร…
แชมป์โลก WSBK 6 สมัย ชาวไอร์แลนด์เหนือ Jonatha Rea ของเด่นของดีประจำค่ายเขียว Kawasaki นักแข่งคนดังที่ไม่ได้มีแค่ชื่อเสียงด้านการแข่งรถ แต่รวมถึงการเป็นหัวข้อสนทนาที่แฟนคลับกีฬาความเร็วมักหยิบมาพูดถึงทุกครั้งที่มีคำว่า MotoGP และ WSBK อยู่ในประโยคเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบความเร็วของรถ หรือความสามารถของนักแข่ง จนโดนแซวแบบเป็นมิตรประจำว่า “ถ้าเร็วนัก ทำไมไม่มาแข่งอีกรายการสักที?” ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาให้สำภาษณ์ก่อนแข่งขันรายการ Dutch WSBK ถึงความเป็นไปได้และความเห็นของเขาต่อข่าวลือแบบไร้ที่มาที่ว่า Yamaha SRT ต้องการตัวแชมป์โลกหลายสมัยคนนี้ไปขับแทน Franco Morbidelli ในกรณีที่ Franky ย้ายไปขับให้ทีมโรงงานแทน Maverick Vinales ในปีหน้า “ผมก็เพิ่งได้อ่านข่าวนี้ไปเหมือนกัน ผมก็ตกใจไม่ต่างจากพวกคุณหรอก” Rea กล่าว และถึงแม้ว่าตัวเองจะมีสัญญาอยู่กับทางค่าย แต่เขาก็เปิดช่องให้ไว้เราได้ลุ่นว่า “โอกาสมันมีอยู่เสมอและผมก็คิดอยู่ตลอด(เรื่องไป MotoGP) ตอนนี้ผมอยู่ในจุดที่ดีที่สุด ผมไม่เคยขี่ได้ดีขนาดนี้มาก่อน คุณก็รู้ผมไม่เคยปฏิเสธอะไรอยู่แล้ว” – Jonathan Rea อ่านข่าวสาร…