ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สุดของ MotoGP ที่หลายคนกำลังเฝ้ารออยู่ในตอนนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกติกาใหม่สำหรับการแข่งขันในปี 2027 ที่ยังไม่ออกมาให้เราเห็นเสียที รู้แค่ว่าทีมร่างกติกาต้องการลดความจุเครื่องยนต์ และตัดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงปีกแอโร่ไดนามิคให้รถเรียบง่ายขึ้น ซึ่งเหตุผลที่กติกาใหม่ที่ว่ายังไม่ถูกประกาศออกมา ก็เป็นเพราะค่ายผู้ผลิตยังตกลงกันไม่ได้ ว่าจะทำอย่างไรต่อกับรถรุ่นปัจจุบัน การถกเถียงครั้งนี้ที่กำลังดำเนินอยู่เกิดจากปัญหาที่ว่า ถ้าค่ายผู้ผลิตจะต้องลงทุนพัฒนารถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ตั้งแต่ต้น สำหรับการแข่งขันในปี 2027 แปลว่าช่วงเวลาระหว่างนั้น พวกเขาก็จะยังต้องพัฒนารถมอเตอร์ไซค์รุ่นปัจจุบันควบคู่ไปด้วย และยังต้องลงเงินพัฒนารถคันเก่าไปจนถึงการแข่งขันสนามสุดท้ายในปี 2026 ก่อนที่จะโยนสุดยอดตัวแข่งคันนั้นเข้าห้องเก็บของ ซึ่งดูเป็นตัวเลือกทางการเงินที่ไม่ดีเสียเลย ทำให้ค่ายผู้ผลิตใน MotoGP ตอนนี้แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ Ducati/Aprilia/KTM ที่ยินดีที่จะหยุดการพัฒนารถรุ่นปัจจุบัน แล้วเอางบประมาณไปลงกับตัวแข่งใหม่ในอนาคต กับทางฝั่งของ Honda/Yamaha ที่มองว่าพวกเขาต้องพัฒนารถรุ่นปัจจุบันควบคู่ไปกับรถใหม่ เพราะไม่อย่างนั้นรถจากฝั่งญี่ปุ่นจะต้องนอนกองอยู่ท้ายแถวไปอีก 3 ปี ก่อนที่รถรุ่นใหม่จะถูกเอามาใช้ สิ่งที่เป็นตัวแปรในการตัดสินใจเรื่องนี้ นอกจากจะมีเรื่องของฟอร์มของแต่ละค่ายที่แตกต่างกันแล้ว(ค่ายท้ายแถวอยากพัฒนา ค่ายหัวแถวไม่คิดมาก) ก็มีเรื่องของเงินเป็นปัจจัยร่วมด้วย เพราะค่ายรถจากญี่ปุ่นถือว่ามีขนาดใหญ่และมีเงินเหนือกว่าค่ายยุโรปมาก จึงไม่มีปัญหาในการลงทุนหลายด้านพร้อมกัน สุดท้ายปัญหาที่ว่านี้จะถูกแก้อย่างไรก็คงต้องติดตามกันต่อไป เราอาจจะได้เห็นการหยุดพัฒนารถของแต่ละค่ายที่แตกต่างกัน โดยอ้างอิงจากผลงานการเก็บชัยชนะและโพเดียมก็เป็นได้ เพื่อให้รถท้ายแถวได้มีโอกาสทำผลงานตามหัวแถวบ้าง ที่มา crash อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
Author: Kristha
รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาสตำนานแบบ 4 สูบ 400 ซีซี นั้นถือเป็นกลุ่มของรถมอเตอร์ไซค์ที่เรามักจะจับไปเชื่อมโยงกับผู้ผลิตฝั่งญี่ปุ่นทั้ง 4 ค่าย แต่รู้หรือไม่ว่าในยุคเดียวกันกับที่รถคลาสนี้กำลังรุ่งเรือง ค่ายรถยุโรปขนาดเล็กอย่าง Bimota ก็ได้สร้างรถคู่แข่งมาร่วมแย่งส่วนแบ่งตลาดที่กำลังเป็นที่นิยมนี้ด้วย จนเกิดขึ้นเป็น Bimota YB7 ปกติแล้ว Bimota เป็นค่ายรถขนาดเล็กจากยุโรป ที่มักจะนำเอาเครื่องยนต์ของค่ายรถรายใหญ่มาติดตั้งในโครงสร้างรถที่พวกเขาทำขึ้นมาเอง แน่นอนว่า Bimota YB7 ที่ว่านี้ก็ไม่ต่างกัน เพราะเครื่องยนต์ที่ใช้ขับเคลื่อนรถรุ่นนี้ก็ยกมาจาก Yamaha FZR400 รถสปอร์ตคลาสตำนานจากฝั่งญี่ปุ่นนั่นเอง โดยจุดเริ่มต้นของรถรุ่นนี้ก็มาจากการที่ตัวแทนจำหน่าย Bimota ในญี่ปุ่นต้องการรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตขนาดเล็กมาสู้กับเจ้าตลาดในประเทศ แต่ก็ต้องการรถที่มีความสปอร์ต มีเอกลักษณ์โดดเด่นแบบอิตาลีทั้งในด้านการออกแบบและการขับขี่ สำหรับลูกค้าที่ไม่มีเงิน หรือไม่มีใบขับขี่สำหรับมอเตอร์ไซค์คลาสใหญ่ของค่าย ซึ่งในตอนนั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเติบโต ยอดขายของค่ายรถขนาดเล็กรายนี้ก็มาจากญี่ปุ่นเกือบครึ่งนึง ส่งผลให้ Bimota ตกลงสร้างรถรุ่นนี้ขึ้นมาเพื่อเจาะตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โดยมีการทำข้อตกลงกับตัวแทนจำหน่ายในญี่ปุ่นว่าจะต้องผลิตรถสำหรับตลาดญี่ปุ่นก่อน หลังจากนั้นพวกเขาจึงจะนำรถรุ่นนี้ไปขายในตลาดอื่นได้ แต่ต้องมียอดการผลิตรวมไม่เกิน 500 คัน เพื่อรักษาความพิเศษ ตัวรถใช้เครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง…
ระบบคลัทช์ไฟฟ้าของ Honda ที่เพิ่งเปิดตัวมาไม่นานอย่าง E-Clutch ถือเป็นเทคโนโลยีที่สร้างความฮือฮาได้พอสมควรในตลาดรถยุคใหม่ เพราะถึงแม้ว่ามันไม่ใช่ตัวช่วยแรกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา “ขี้เกียจกำคลัทช์” แต่มันเป็นเทคโนโลยีที่ดูเข้าถึงง่ายกว่าของแบบเดียวกันที่เคยมีมาก่อนหน้า เนื่องจากมันถูกใช้อยู่ในรถที่มีราคาไม่แพง แถมยังมีแนวโน้มที่จะกระจายไปสู่รถหลากหลายรุ่นในอนาคตอันใกล้ เพราะฉะนั้นจะมีหรอที่คู่แข่งอย่าง Yamaha จะไม่ทำตามบ้าง? ภาพสิทธิบัตรล่าสุดจาก Yamaha ได้ทำการจดทะเบียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีตัวช่วยการเปลี่ยนเกียร์ของรถมอเตอร์ไซค์เกียร์ธรรมดา ที่จะทำให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องกำคลัทช์ขณะเปลี่ยนเกียร์ เช่นเดียวกับระบบ Honda E-Clutch แต่ระบบที่ว่านี้จากฝั่งส้อมเสียงก็จะมีความแตกต่างจากฝั่งค่ายปีกนกพอสมควร โดยในระบบของ Honda จะมีการเพิ่มอุปกรณ์ควมคุมชุดคลัทช์ที่ด้านขวาของเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว เพื่อมาแทนที่การกำคลัทช์ด้วยมือของผู้ขี่ แต่ในฝั่งของ Yamaha จะมีทั้งการเพิ่มอุปกรณ์ควมคุมชุดคลัทช์ที่ด้านขวา รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมชุดเกียร์ที่ด้านซ้ายของเครื่องยนต์เข้าไปด้วย ซึ่งของที่เพิ่มเข้ามานี้ก็จะทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์เองเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ในภาพสิทธิบัตรยังมีการระบุถึง “สวิทช์เพิ่มและลดเกียร์” บนประกับแฮนด์ฝั่งซ้ายมือ คล้ายกับที่มีอยู่ในรถที่ใช้ระบบเกียร์ DCT จาก Honda เนื่องจากตอนนี้รถของเราสามารถควบคุมจังหวะการกำคลัทช์และเปลี่ยนเกียร์ได้ผ่านสมองกลของรถ ถ้าจะบอกว่าระบบที่ว่านี้จะทำให้รถของเราสามารถใช้งานแบบเดียวกับรถเกียร์ออโตเมติกก็คงจะไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้นระบบที่ว่านี้ก็ไม่ได้เหมือนกับระบบเกียร์ DCT หรือ Dual Clutch Transmission เนื่องจากรถของเรายังมีชุดคลัทช์เพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าจังหวะการตัดต่อกำลังจะลื่นไหลมากกว่าการที่เราเปลี่ยนเกียร์ตามปกติ แต่ก็ไม่มีทางทำได้เรียบเนียนและต่อเนื่องเท่ารถที่มี 2 คลัทช์…
ดิสก์เบรก เป็นระบบห้ามล้อที่ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน การทำงานของมันถือว่าเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แถมมีประสิทธิภาพ เพียงแค่บีบตัวจานเบรกให้แรงพอในขณะที่รถของเราวิ่งอยู่ ก็จะทำให้รถเคลื่อนที่ช้าลงจนหยุดนิ่งในที่สุด ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำดิสก์เบรกในปัจจุบันก็จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ เหล็ก และ คาร์บอน-เซรามิก แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าดิสก์เบรกทั้งคู่นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? เราจะขอเริ่มต้นกันตั้งแต่หลักการพื้นฐานของดิสก์เบรกกันก่อน โดยปกติแล้ววัตถุอะไรก็ตามที่มีเคลื่อนที่ ก็จะเก็บสะสมพลังงานจลน์ไว้ในตัวเอง พลังงานเหล่านั้นจะสูงขึ้นตามความเร็วที่วัตถุนั้นเคลื่อนที่ วิธีการลดความเร็วของวัตถุนั้น ถ้าไม่สร้างแรงขับเคลื่อนไปในทิศทางตรงข้าม ก็ต้องหาวิธีระบายพลังงานจลน์ที่ว่าออกมา ซึ่งดิสก์เบรกและผ้าเบรกก็จะทำหน้าที่สร้างแรงเสียดทานระหว่างกัน แล้วเปลี่ยนพลังงานจลน์ของรถให้กลายเป็นพลังงานความร้อน เมื่อพลังงานจลน์ลดลง ความเร็วก็จะลดลง ซึ่งดิสก์เบรกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “ดิสก์เบรกเหล็ก” ที่ทำจากวัสดุเหล็กหรือโลหะผสม มีจุดเด่นด้านราคาที่ถูก ผลิตง่าย ผลิตจำนวนมากได้ไวด้วยเทคโนโลยีทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการตัดด้วยเลเซอร์หรือหล่อชิ้นส่วนโลหะตามปกติ แถมยังทนความร้อนได้มากพอตัว ซึ่งแปลว่าสามารถรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงและต่อเนื่องได้พอประมาณ หรืออย่างน้อยก็มากพอสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทางด้านของ “ดิสก์เบรกคาร์บอน-เซรามิก” นั้นผลิตขึ้นจากการผสมเส้นใยคาร์บอน แบบเดียวกับที่ใช้ในชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ เข้ากับซิลิกอนเรซินที่ทนความร้อนสูง แล้วนำไปบีบอัดด้วยความดันและความร้อนสูง ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดที่ว่านี้ทำให้การผลิตจานเบรกแต่ละชิ้นต้องใช้เวลานานนับเดือน ยากต่อการผลิตในจำนวนมาก ส่งผลกระทบไปถึงต้นทุนที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับดิสก์เบรกเหล็กที่ใช้เวลาไม่กี่นาทีต่อชิ้น ทางด้านข้อดีด้านการใช้งานของดิสก์เบรกคาร์บอน-เซรามิก ที่เหนือกว่าดิสก์เบรกเหล็กนั้นก็เรียกได้ว่ารอบด้าน เพราะมันทั้งเบากว่า และแข็งแรงกว่าด้วยเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ มีการสึกหรอช้ากว่า…
Honda CB1000 Hornet รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตเปลือยรุ่นใหญ่จากค่ายปีกนก Honda ที่ได้ทำการเปิดตัวครั้งแรกในงาน EICMA เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยสเปคอย่างเป็นทางการออกมาเสียที จนล่าสุดเราก็มีการอัพเดตข้อมูลใหม่ จากภาพสิทธิบัตรที่ทำให้เราเชื่อว่าตัวต่อตัวท็อปรุ่นนี้ อาจมาพร้อมกับระบบคลัทช์ไฟฟ้า E-Clutch E-Clutch หรือระบบคลัทช์ไฟฟ้านั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่จากค่ายปีกนก ที่จะช่วยให้ผู้ใช้รถสามารถขับขี่รถเกียร์ธรรมดาของตัวเองได้โดยไม่ต้องกำก้านคลัทช์ เพิ่มความสะดวกในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี โดยระบบนี้ถูกนำมาติดตั้งเป็นครั้งแรกใน CB650R และ CBR650R นอกจากนี้ทางค่ายก็มีแผนที่จะนำระบบดังกล่าวไปใช้กับรถรุ่นอื่นในอนาคตด้วย ซึ่งรถรุ่นอื่นที่ว่าก็อาจจะเป็นรถสปอร์ตเปลือยรุ่นใหญ่อย่าง Honda CB1000 Hornet หากอ้างอิงจากภาพสิทธิบัตรใหม่ของค่าย ที่มีรูปของ CB1000R ที่ได้ทำการติดตั้งระบบ E-Clutch มาให้ด้วย ซึ่งรถทั้งสองรุ่นนั้นก็ใช้เครื่องยนต์ตระกูลเดียวกัน และยังถือเป็นรถที่จะมาทำตลาดแทนที่กันและกันโดยตรง นอกจากนี้สไตล์ของรถสปอร์ตเปลือยที่มีสมรรถนะสูง แถมยังใช้งานในเมืองได้ ก็นับว่าเป็นกลุ่มตลาดที่เหมาะสมที่จะติดตั้งระบบคลัทช์ไฟฟ้าที่ว่านี้ สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในสิทธิบัตรใหม่นอกเหนือจากระบบ E-Clutch ปกติคือ ระบบก้านคลัทช์ไฟฟ้าแบบ Clutch-by-Wire คล้ายกับคันเร่งไฟฟ้า ที่จะทำการถอดสายคลัทช์ออกไป แล้วเปลี่ยนไปใช้ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทำให้วิศวกรสามารถเพิ่มลูกเล่นของระบบอิเล็กทรอนิกส์ส่วนอื่น รวมถึงเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานของ E-Clutch ได้มากกว่าของเดิมที่ยังใช้ก้านคลัทช์แบบที่ควมคุมด้วยเส้นลวด จะบอกว่าเป็นระบบ…
ก่อนหน้านี้พวกเราได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับภาพ Spyshot ของรถมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งรุ่นใหญ่จากค่ายรถใหญ่ยักษ์แดนมังกร Great Wall Motor หรือ GWM ที่จะมาพร้อมเครื่องยนต์สุดอลังการแบบ 8 สูบนอน และถึงแม้ว่าสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับมันจะน้อยมาก แต่วันนี้พวกเราก็มีข้อมูลมาอัพเดต นั่นก็คือภาพสิทธิบัตรของเครื่องยนต์ลูกดังกล่าวจากหลายมุม แบบชัดเจนเต็มตา ภาพสิทธิบัตรของเครื่องยนต์ที่เรากำลังดูอยู่ตอนนี้ เป็นภาพสิทธิบัตรของจริงจาก GWM ที่จดไว้ระบุรายละเอียดของเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่จะนำไปใช้กับมอเตอร์ไซค์ของค่าย สื่อต่างประเทศคาดเดากันว่ารถรุ่นนี้จะเป็นเหมือนการนำ Honda GL1800 Goldwing มาทำวิศวกรรมย้อนกลับ แล้วพัฒนาต่อในรูปแบบของตัวเอง จากเครื่องยนต์ลูกเดิมของค่ายปีกนกแบบ 6 สูบนอน ก็เอามาเพิ่มให้เป็น 8 สูบนอน ทางด้านความจุเครื่องยนต์เดิมจาก 1833 ซีซี ก็คาดว่าจะต้องเพิ่มขึ้นไปจนถึง 2000 ซีซี เป็นอย่างน้อย และอาจเพิ่มขึ้นไปเกือบถึง 2500 ซีซี ขึ้นอยู่กับแผนการพัฒนาของทางค่าย นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนฝาสูบและระบบ SOHC ของเดิมให้กลายเป็นแบบ DOHC ที่จะช่วยเพิ่มพละกำลังสูงสุดของเครื่องได้อีกระดับ ซึ่งอาจสูงถึง 150 แรงม้า…
Honda Monkey รถมอเตอร์ไซค์มินิไบค์เจ้าของฉายา “ลิงน้อย” จากค่ายปีกนก Honda ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์อีกรุ่นที่มีแฟนคลับมากมายตั้งแต่ตอนมันที่มันถูกเปิดตัวครั้งแรก มาจนถึงปัจจุบัน โดยรถรุ่นนี้ก็ได้ถูกพัฒนาเรื่อยมาพร้อมแตกรุ่นพิเศษออกมาให้เราเห็นหลายรุ่นจนนับไม่ถ้วน แต่หนึ่งในรถลิงน้อยรุ่นพิเศษที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็น Honda Monkey BAJA ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวแข่งทางฝุ่นสายโหด Honda Monkey BAJA เป็นรถรุ่นพิเศษของ Honda Monkey ที่ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 มันได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวแข่งสายลุยอย่าง Honda XLR250R Baja ที่ไปสร้างชื่อเสียงในการแข่งขันแบบ Off-Road ทางไกลอย่าง Baja 1000 สำหรับคนที่ไม่รู้จักรายการ Baja 1000 มันคือรายการแข่งขันรถสายฝุ่นระยะทางไกลที่คล้ายกับ Paris-Dakar แต่เปลี่ยนจากการแข่งขันที่จัดขึ้นในทวีปแอฟริกา มาเป็นการแข่งขันในคาบสมุทรบาฮา ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศเม็กซิโกแทน ตัวรถโดยรวมยังคงใช้พื้นฐานของ Honda Monkey รุ่นมาตรฐานที่มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ 1 สูบ SOHC 2 วาล์ว…
Aprilia RSV4 Factory SE-09 SBK และ Touno V4 Factory SE-09 SBK รถมอเตอร์ไซค์แนว Superbike และ Supernaked ตัวท็อปจากค่ายรถอิตาลีสายสนามอย่าง Aprilia ได้ทำการเปิดตัวรุ่นพิเศษเพื่อฉลองการคว้าชัยชนะครั้งแรกในเวที WSBK โดย Max Biaggi ที่สนามแข่ง Brno Circuit ในปี 2009 ซึ่งเป็นการเปิดตำนานที่จะนำไปสู่ตำแหน่งแชมป์อีกมากมายของค่ายในอนาคต Aprilia RSV4 Factory SE-09 SBK และ Touno V4 Factory SE-09 SBK ทั้งสองคันจะมาพร้อมกับลวดลายของตัวแข่ง WSBK ที่เริ่มตำนานแชมป์โลกทั้งหมดของค่าย ด้วยชุดสีพื้นฐานของค่ายที่เป็นสี ดำ/แดง แทรกด้วยสีขาวอีกเล็กน้อย ไม่มีลวดลายที่ซับซ้อนหวือหวาตามแบบของรถแข่งทั่วไปที่มักจะมีสีสันสดใส ทางด้านสเปคและหน้าตาโดยรวมของรถก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก RSV4 1100 Factory…
Great Wall Motor หรือ GWM บริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์รายใหญ่จากประเทศจีน ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้สักพัก จนคนไทยหลายคนเริ่มจะคุ้นชินกับชื่อแบรนด์นี้กันแล้ว และตอนนี้ในประเทศบ้านเกิด พวกเขากำลังวางแผนที่จะบุกตลาดรถมอเตอร์ไซค์สองล้อ ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของค่ายกลับไม่ใช่รถคลาสเล็กธรรมดา แต่กลับเป็นรถแนวครุยเซอร์ทัวริ่งขนาดใหญ่แบบ Honda GL1800 Goldwing ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สุดโหดแบบ 8 สูบนอน โดยล่าสุดก็ได้มีภาพถ่ายของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าวหลุดออกมา(รับชมภาพหลุดได้ที่นี่) จะเห็นได้ว่ารถรุ่นดังกล่าวจะมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบ 8 สูบนอน ที่คาดว่าจะเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก Honda GL1800 Goldwing แต่นำมาเพิ่มจำนวนลูกสูบและความจุเครื่องยนต์แบบเกทับค่ายญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมุขที่ค่ายรถจากจีนทำกันเป็นประจำ(แน่นอนว่าไม่ผิดอะไร) มีการคาดเดาว่าถ้า GWM ยังคงรักษาขนาดของลูกสูบและช่วงชักไว้เท่าเดิม เครื่องยนต์ลูกใหม่นี้อาจมีความจุที่สูงถึง 2444 ซีซี ซึ่งจะมีความจุเครื่องยนต์ใกล้เคียงกับ Triumph Rocket 3 แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะพยายามจำกัดความจุโดยรวมไม่ให้เกิน 2000 ซีซี เพื่อให้ขายในประเทศได้ง่ายขึ้นเช่นกัน โครงสร้างโดยรวมของตัวรถก็จะมีความคล้ายคลึงกับ Honda GL1800 Goldwing ที่ใช้เป็นต้นแบบ โดยจะเป็นการเลือกใช้ชุดเฟรมแบบรถครุยเซอร์หรือทัวริ่งที่มีท้ายต่ำ ศูนย์ถ่วงต่ำเน้นนั่งสบาย, ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบ…
Yamaha YZF-R1 Jonathan Rea Replica รถมอเตอร์ไซค์ Superbike รุ่นพิเศษจากค่ายส้อมเสียง Yamaha ถูกเปิดตัวออกมาขายในจำนวนจำกัด ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ว่ารถรุ่นดังกล่าวจะไม่ได้ขายต่อในปีหน้า ทางสำนักแต่งของค่ายส้อมเสียงจากอังกฤษอย่าง Crescent จึงถือโอกาสสร้างรายได้เต็มที่ จากเวลาและชื่อเสียงนักแข่งที่เหลืออยู่ Yamaha YZF-R1 Jonathan Rea Replica นั้นถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษที่ค่อนข้างแปลก เพราะมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาในวาระฉลองแชมป์โลกของนักแข่งและค่ายรถ เนื่องจาก Jonathan Rea ที่มีแชมป์โลกร่วมกับ Kawasaki เพิ่งจะย้ายมาอยู่ Yamaha แถมยังไม่มีผลงานใหญ่ร่วมกัน แต่ด้วยความที่รถตัวแรงจะขายปีนี้เป็นปีสุดท้าย แปลว่าถ้าไม่ขายเลยตอนนี้แล้วจะเป็นตอนไหนได้อีก? ตัวรถโดยรวมยังคงมีสเปคที่คล้ายกับรถโฉมล่าสุด เครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง CP4 ปริมาตรกระบอกสูบ 998 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุด 197 Hp และแรงบิดสูงสุด 112 Nm ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แฟริ่งยังคงเป็นวัสดุพลาสติก ABS…
