รีวิว Ducati Scrambler 1100 สัมผัสแรก สแครมเบลอร์คันโต กับการ Comeback ของ L-Twin หม้อลม

0

พึ่งจะขึ้นรีวิว Ducati Panigale V4 S สัมผัสแรกในสนามเซปังฯ ไปได้ไม่นานนัก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง MotoRival เราได้รับเชิญจาก Ducati Thailand กันต่อ คราวนี้เป็นการทดสอบพี่ใหญ่ตระกูลสแครมเบลอร์ แบบ Night Test สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบแนวสแครมเบลอร์ และพบว่าความจุแถวๆ 800-900 ยังไม่พอมือ เราขอพามาชม รีวิว Ducati Scrambler 1100 คันนี้กันเลยดีกว่าครับ

Ducati-Scrambler1100_2
ขอท้าวความไปสักนิด Ducati Scrambler 1100 ได้ถูกเผยโฉมครั้งแรกในโลกที่งาน EICMA2017 ก่อนที่ประเทศไทยจะถูกยกมาเปิดตัวในช่วง Motor Show 2018 เมื่อช่วงต้นปีนี้

Ducati-Scrambler1100_37– ภาพลักษณ์โดยรวม
ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้สัมผัสกับ Scrambler 1100 ตัวเป็นๆแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีระสบการณ์แค่ได้ลองจิ้มๆเขี่ยๆ Scrambler 800 เท่านั้น เมื่อทันทีที่พบเจ้า 1100 ก็พบว่าทรวดทรงทั้งหมดของตัวรถใหญ่ขึ้นกว่าตัว 800 มาพอสมควร และเผลอๆอาจจะใหญ่กว่า Scrambler Bike คันอื่นๆที่อยู่ในตลาดบ้านเรา แต่ต้องทำความเข้าใจว่ามันไม่ได้ใหญ่เทอะทะอะไรแบบนั้น แค่ใหญ่กว่าและดูบึกบึนกว่าเท่านั้น

Ducati-Scrambler1100_22
เจาะลงไปอีกนิดโดยเริ่มจากชุดไฟหน้าซึ่งยังคงใช้ดีไซน์โคมกลม หลอดไฟ LED พร้อมแถบ DRL เช่นเดิม แต่เพิ่มชิ้นส่วนพลาสติกที่วางตำแหน่งให้เหมือนตัวอักษร ‘X’ ไว้เต็มโคม และเปลี่ยนชุดไฟเลี้ยวด้านข้างให้เป็นแบบหลอด LED และปรับขนาดโคมให้เล็กลง

Ducati-Scrambler1100_23
ขยับมาอีกนิดก็จะเห็นมาตรวัดซึ่งแต่เดิมในตัว 800 จะเป็นแค่จอ LCD ทรงกลมบอก รอบเครื่องยนต์, ความเร็ว, เวลา, ระยะทาง, และแจ้งเตือนขาตั้งข้างเท่านั้น แต่ในตัว 1100 จะมีการต่อจอเป็นแถบเล็กๆยื่นออกไปทางด้านซ้าย เพื่อย้ายค่าความเร็วไปไว้ตรงนั้น คู่กับตำแหน่งเกียร์, แจ้งเตือนขาตั้ง, สถานะไฟสูง/ต่ำ/DRL ส่วนตรงจอกลมอันเดิมจะสามารถปรับให้แสดงผลได้หลายอย่างมากขึ้น ทั้งโหมดการขับขี่, Traction Control, ระยะทาง ทั้งหมด/ทริป A-B, ระดับน้ำมัน และรอบเครื่องยนต์ ส่วนไฟแจ้งสถานะอื่นๆเช่น ปัญหาเครื่องยนต์, ABS, ไฟสูง/ต่ำ และอื่นๆอยู่รอบกรอบโคมครบถ้วนเช่นเดิม

Ducati-Scrambler1100_Switch
ต่อไปก็คือแฮนด์บาร์ทรงกว้างที่เป็นที่อยู่ของชิ้นส่วนควบคุมตัวรถสำคัญๆหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ ประกับซ้ายซึ่งเป็นที่อยู่ของสวิตช์ไฟสูง/ต่ำ, สวิชท์ไฟเลี้ยว ซึ่งสามารถใช้เป็นสวิตช์สำหรับเข้าสู่การปรับตั้งโหมดการขับขี่, ระดับ Traction Control, และค่าที่ต้องการแสดงบนหน้าจอได้ในตัว โดยใช้สวิตช์ขึ้นลงตัวขวาบนเป็นตัวปรับค่า ส่วนสวิตช์ด้านหน้าก็เป็นสวิตช์สำหรับกระพริบไฟ Pass Light ในขณะที่ประกับขวาก็เป็นที่ตั้งของสวิตช์สตาร์ท/คิลสวิตช์ (สวิตช์ดับเครื่อง), สวิตช์ DRL (ถ้าเปิด DRL หลอดไฟหน้าจะดับอัตโนมัติ), และสุดท้ายคือสวิตช์ไฟฉุกเฉิน

Ducati-Scrambler1100_32
เลื่อนถอยมาอีกก็จะเป็นถังน้ำมันทรงหยดน้ำขนาดใหญ่แรงบันดาลใจจาก Ducati Scrambler รุ่นแรกซึ่งเมื่อเทียบกับถังเดิมของ Scrambler 800 แล้ว มันสามารถจุน้ำมันได้มากกว่า 1.5 ลิตร รวมเป็น 15 ลิตร พอดีเป้ะ

Ducati-Scrambler1100_27
ต่อกันด้วยเบาะนั่ง ซึ่งเจ้า Scrambler 1100 ที่ผู้เขียนได้รับมาทดสอบนั้นจะเป็นในส่วนของรุ่น Special ดังนั้นตัวเบาะนั่งจึงแตกต่างจากเพื่อนๆร่วมรุ่นเล็กน้อยคือจะใช้หนังสีน้ำตาลหุ้มเบาะ และเย็บบุด้านลายตารางช่วงผู้ขี่ ให้สัมผัสหรูหรากว่าเบาะรุ่นปกติ แถมยังใหญ่นุ่มนั่งสบายมาก และไม่มีการลื่นฝนแต่อย่างใด

Ducati-Scrambler1100_30
ขยับมาถึงช่วงท้ายก็จะเห็นชุดไฟท้าย ที่ยังคงใช้ดีไซน์เดิมกับตัว 800 และแน่นอนว่าชุดไฟเลี้ยวคู่หลังเองก็ปรับให้เป็นโคม LED เล็กเรียวเหมือนกับคู่หน้า

Ducati-Scrambler1100_29
ส่วนท่อไอเสียเองก็ถูกยกขึ้นมาออกข้างเบาะคนซ้อนซ้ายขวา

Ducati-Scrambler1100_33
โดยก่อนที่ตัวปลายท่อจะถูกวางอยู่ตรงนั้น ชุดคอท่อเองก็มีการชุบโครเมียมมาอย่างดี ช่วยเพิ่มความไฮไซให้กับตัวรถได้อีกเท่าตัว (แต่คอท่อสีโครเมียมนี่มีให้เฉพาะรุ่น Special เท่านั้นนะครับ)

Ducati-Scrambler1100_35
ขยับจากหน้าตาช่วงบน มาสู่ช่วงล่างกันบ้าง โดยเราขอเริ่มจากชุดล้อหน้าที่จะเห็นได้ว่าทาง Ducati เลือกติดตั้งล้อแบบซี่ขอบอลูมิเนียมรัดด้วยยางกึ่งหนามมาให้ ซึ่งชุดล้อแบบนี้ก็ยังมีให้เฉพาะรุ่น Special เช่นเดิม โดยขนาดยางที่ใช้จะอยู่ที่ 120/70 ZR18 สำหรับล้อหน้า และ 180/55 ZR17 สำหรับล้อหลัง (ส่วนรุ่นย่อยอื่นอย่าง Standard และ Sport จะเป็นล้ออัลลอยด์ธรรมดาที่รัดด้วยยางสเปคและขนาดเดียวกันครับ)
ด้านระบบเบรกเปลี่ยนจากจานเดี่ยว 330 มิลลิเมตร ในรุ่น 800 มาเป็นจานคู่ 320 มิลลิเมตร ทำงานคู่กับเรเดียลเมาท์คาลิปเปอร์ 4 พอร์ท จาก Brembo ส่วนล้อหลังเป็นจานเดี่ยวขนาด 245 มิลลิเมตรทำงานร่วมกับโฟลทติ้งคาลิปเปอร์ (แอกเซียลเมาท์) 1 พอร์ท จาก Brembo เช่นกัน และมีระบบ Cornering ABS จาก Bosch มาให้เป็นออพชั่นพื้นฐานสำหรับความปลอดภัยในทุกรุ่นย่อย (ปิดการทำงานไม่ได้นะครับ)

Ducati-Scrambler1100_26
ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบตะเกียบหัวกลับขนาดแกน 45 มิลลิเมตรจาก Marzocchi สามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่าที่ต้องการ

Ducati-Scrambler1100_28
ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Monoshock จาก Kayaba วางขนาบข้างลำตัวรถ สามารถปรับค่าได้สองอย่างคือ พรีโหลด (แข็ง/อ่อน) และ รีบาวน์

* สำหรับรุ่น Sport จะพิเศษกว่านิดหน่อยคือได้รับการติดตั้งชุดโช้กหน้าหัวกลับขนาดแกน 48 มิลลิเมตร ปรับได้ทุกค่า จาก Ohlins ส่วนด้านหลังก็มาจากผู้ผลิตเดียวกัน แต่สามารถปรับได้แค่ พรีโหลด (แข็ง/อ่อน) และ รีบาวน์ เหมือนตัว Standard และ Special

Ducati-Scrambler1100_34
มาถึงหัวใจสำคัญของตัวรถของ Scrambler 1100 กันบ้าง นั่นก็คือเครื่องยนต์แบบ L-Twin ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาดความจุ 1,079cc ที่สามารถสร้างกำลังได้สูงสุด 86 แรงม้าที่ 7,500 รอบ/นาที และแรงบิดอีก 88 นิวตัน/เมตร ที่ 4,750 รอบ/นาที ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวเลขกำลังของมันนั้นถือว่าต่างจากตัว 800 มาพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปเล่ากันต่อว่าความรู้สึกตอนขี่เจ้า 1100 คันนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

1st-impression-ducati-scrambler-1100-by-motorival-04
โดยสัมผัสแรกที่ผู้เขียนรู้สึกได้ทันทีที่ได้นั่งบนอานเบาะของมันก็คือ ความสูงเบาะระดับ 810 มิลลิเมตร ตามข้อมูลนั้นทำให้ตัวผู้เขียนที่สูง 169 เซนติเมตร มีอาการขาลอยเล็กน้อย อาจจะด้วยความที่ความกว้างเบาะและความหนาตัวรถถือว่ามากพอสมควรทำให้ขาต้องกางออกและไม่สามารถแตะพื้นได้เหมือนรถสปอร์ตที่เบาะสูงระดับเดียวกัน และในจังหวะที่ขยับตัวรถเพื่อพับขาตั้ง น้ำหนักตัวรถ เองที่ค่อนข้างสูงเอาทำให้ต้องใช้แรงขาดันกันซักหน่อย แต่เมื่อรถตั้งตรงแล้วก็ไม่รู้สึกทรงตัวยากแต่อย่างใด

1st-impression-ducati-scrambler-1100-by-motorival-06ในขณะที่แฮนด์บาร์เองถือว่ากว้างมาก จนต้องจัดตำแหน่งก้นเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับระยะแฮนด์ และเมื่อขับมุดช่องจราจรก็ต้องอาศัยจังหวะในการแทรกซักนิดนึงเพราะไม่งั้นอาจจะไปเกี่ยวรถยนต์ของคนอื่นเข้า แต่ด้วยเหตุนี้ทำให้การหักเลี้ยวก็สามารถทำได้ง่ายมากเช่นกัน แทบไม่มีอาการขืน หรือหน้าหนืดให้รู้สึก ทั้งๆที่น้ำหนักตัวก็มากมายซะขนาดนั้น

1st-impression-ducati-scrambler-1100-by-motorival-05
ระบบช่วงล่างที่เซ็ทออกโรงงานมา น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถจับอะไรได้มากเนื่องจากแทบไม่ได้เลี้ยวแรงๆหรือขี่เร็วๆ แต่เท่าที่สัมผัสได้ถือว่าเซ็ทมานุ่มกระชับกำลังดี สามารถเลี้ยวได้อย่างมั่นใจ ทั้งตัว Special ที่ผู้เขียนได้ทดสอบ และตัว Sport ที่ใช้โช้ก Ohlins หน้าหลัง ที่ผู้เขียนขอสลับกับพี่ๆท่านอื่นมาลองขี่เป็นระยะสั้นๆ เองก็รู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก นอกจาก “ความแข็ง” ที่มากกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนระบบเบรกก็ทำงานได้ดี สามารถกำ/กดแล้วเฉลี่ยน้ำหนักได้ลื่นไหล แต่สั่งหยุดแล้วมั่นใจ จนบางทีก็เกือบลืมว่ายางติดรถที่ใช้อยู่เป็นยางกึ่งหนาม แถมพื้นที่ขับอยู่ก็ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝนที่พึ่งตกไปหมาดๆ

Ducati-Scrambler1100_38ด้านเครื่องยนต์เองแม้ว่าจะมีตัวเลขทั้งแรงบิดและแรงม้าสูงขึ้นจากตัว 800 แต่ลักษณะการพุ่งไปข้างหน้าไม่ได้ดุดันจนเกินไปเลย เพราะต่อให้ปรับโหมดสูงสุด ซึ่งก็คือโหมด Active ที่ตัวกล่องจะปรับอัตราการตอบสนองเครื่องยนต์ให้รวดเร็วมากขึ้น แต่ความรู้สึกตอนดึงก็ยังไม่ถือว่าหวือหวาจนน่าหงาย ส่วนโหมดที่เหลืออย่าง Journey และ City จะให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมนุ่มนวลมากกว่า ในขณะที่เสียงท่อเองก็ทุ้มต่ำในช่วงเดินเบา แต่ถ้าเด็กคนไหนอยากแหยมขึ้นมาก็พร้อมจะส่งเสียงแผดกร้าวในทันทีที่เบิ้ลเครื่องจนแถบวัดรอบกวาดไปแตะแถวๆ 4,000 รอบ/นาทีขึ้นไปทุกครั้ง ส่วนแรงช่วงรอบปลายๆไม่สามารถทำการทดสอบได้ เนื่องจากเป็นการขับขี่ในเมือง แถมยังเป็นถนนเส้นรอบพระราชวัง ผู้เขียนจึงไม่อยากทำอะไรที่เสี่ยงขนาดนั้น (โปรดเข้าใจ)

1st-impression-ducati-scrambler-1100-by-motorival-01
สรุปความรู้สึก รีวิว Ducati Scrambler 1100 แบบ 1st Impression กับการทดสอบแบบ Night Test

Ducati Scrambler 1100 จัดว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ระดับ 1,000cc ที่ขี่ง่ายคันหนึ่ง แม้ว่าในช่วงแรกอาจจะมีปัญหาในเรื่องของน้ำหนัก และขนาดตัวรถที่ใหญ่และหนากว่าปกติบ้าง รวมถึงปัญหาเรื่องความร้อนที่พร้อมจะสะสมใต้หว่างขาทันทีที่จอดติดไฟแดง แต่หลังจากที่ใส่เกียร์กำคลัชท์แล้วออกตัวไป ความร้อนที่มีจะหายไปหมด แม้ความเร็วตัวรถจะพึ่งกดไปที 20 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่การควบคุมตัวรถในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการมุดช่องจราจร การหักเลี้ยวทั้งแบบกระทันหัน หรือแบบนิ่มนวล การเบรกอย่างสุภาพชนหรือแบบคนหัวร้อน แม้กระทั้งการเร่งคลอคันเร่งเพื่อให้ความเร็วพุ่งขึ้นช้าๆ หรือการเปิดคันเร่งหนักๆ เพื่อกระชากออกตัว เจ้า Ducati Scrambler 1100 คันนี้ก็สามารถทำได้คล่องตัว และลื่นไหล อย่างลงตัวทั้งหมด

1st-impression-ducati-scrambler-1100-by-motorival-02
ขอขอบคุณ Ducati Thailand ที่มอบโอกาสให้กับเรา MotoRival Team ได้เข้าร่วมทดสอบเจ้า Ducati Scrambler 1100 แบบ Night Test ในครั้งนี้

Test Rider & Writer – รณกฤต ลิมปิชาติ

อ่านรีวิว อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!